จัดซื้อที่ดีต้องมีอะไรบ้าง?

ผมอยากทราบว่า การจะเป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้อที่ดี ต้องมีลักษณะนิสัย หลักการ หรือจุดแข็งอะไรบ้างครับ

แล้วในกรณีที่เจรจาซื้อสินค้าจาก Supplier ถ้าเจอปัญหาดังต่อไปนี้ควรจะแก้ไขอย่างไร

1. Shipment ล่าช้า จะจัดการกับ Supplier อย่างไร (ในกรณีที่เราซื้อจาก Supplier อยู่ไม่กี่ราย แล้วรายนี้สำคัญมาก)
2. ได้รับมอบหมายให้กดราคา แต่ Supplier บอกว่าของเขาดีที่สุด (ถ้าเราไม่ซื้อจากเขาก็ไม่ได้ เพราะเจ้าอื่นไม่มีสินค้า)

ถ้าชาวพันทิปท่านใดมีประสบการณ์เจอสถานการณ์กดดันกับ Supplier ในแบบอื่นๆ ก็ขอความรู้เป็นวิทยาทานด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เป็นที่น่าเสียดายที่ว่า หลักการหรือกลยุทธ์ในการจัดซื้อ หรือวิชาการที่เกี่ยวกับการจัดซื้อนั้นไม่ได้แพร่หลายเท่าที่ควร..
เราจึงเรียนรู้วิชาการจัดซื้อด้วยการ learning by doing เสียเป็นส่วนมาก....
ผมจึงอยากจะบอกกับพี่น้องร่วมวงการว่า..ถ้าพอมีโอกาสหรือมีเวลาลองสมัครเรียนและสอบวุฒิบัตรของสมาคมจัดซื้อกันนะครับ..
ได้ความรู้ดีๆมากๆ มาใช้ในงานได้ครับ.. ^^

คำถามแรก.. นักจัดซื้อที่ดีควรจะ.. มีหลักการใดบ้าง..
ทาง Institute of Supply Management ได้ให้คำนิยามจัดซื้อที่ดีคือ...
     Loyalty to your organization
     Justice to those with whom you deal
     Faith in your profession

ส่วนลักษณะนิสัยและจุดแข็งนั้น มีคำตอบหลากหลาย..ผมก็คงตอบได้ไม่ครบถ้วนแน่นอน..
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ "win-win" และเป็นผู้เก่งในเทคนิคการเจรจาต่อรองนะครับ...  เดี๋ยวจะอธิบายคำว่า win-win ตอนจบนะครับ..
---------------------------------
คำถามถัดมา
1. Shipment ล่าช้า จะจัดการกับ Supplier อย่างไร (ในกรณีที่เราซื้อจาก Supplier อยู่ไม่กี่ราย แล้วรายนี้สำคัญมาก)
คำถามนี้สั้นเกินไปครับ..ผมรู้ว่ามีรายละเอียดก่อนหน้าและตามหลังเหตุการณ์นี้อีกมาก..  ถ้าตอบแบบพื้นฐานตือ...
-ถาม ผจก หรือ ลูกพี่ของ จขกท ว่าจะทำอย่างไรครับ... เพราะแต่ละองค์กรมีวัฒธรรมการดำเนินงานและข้อจำกัดของแต่ละองค์กรที่แตกต่างกันไป
แต่ถ้าตอบเชิงเทคนิค...คือ
-จัดเก็บสต๊อกของสินค้าตัวที่เป็น "ตัวหลักหรือจำเป็น" ไว้ ตาม คห1
-สื่อสารกับผู้ขาย มีการบันทึกผลงาน (performance) ของผู้ขายและเก็บประวัติไว้ และติดตาม shipment จากผู้ขายอย่างละเอียด (ในวงการเรียกว่าตามจิก น่ะแหล่ะครับ..555+)
-หาผู้ขายสำรอง
-ในกรณีที่ผู้ขายเจ้านี้ งอแง เกเร ก็เปลี่ยนเจ้าซะ...
แต่อย่างที่บอกล่ะครับ..คำถามนี้มีเหตุการณ์ก่อนหน้าและตามหลังค่อนข้างเยอะและยืดยาวแน่นอน ขอตอบกลางๆนะครับ.. สุดท้ายคำตอบที่ดีที่สุด คือ หัวหน้าของ จขกท ครับ..  
-------------------------------
2. ได้รับมอบหมายให้กดราคา แต่ Supplier บอกว่าของเขาดีที่สุด (ถ้าเราไม่ซื้อจากเขาก็ไม่ได้ เพราะเจ้าอื่นไม่มีสินค้า)

คำว่า..กดราคา.. เป็นคำ(และอาจจะรวมถึงแนวทางการดำเนินงาน)ที่ไม่ใคร่จะถูกต้องนักนะครับ..กับเรื่องของการจัดซื้อ และจะเป็นการเจรจาเชิง win-loss มากกว่า
แต่ถ้าเราใช้คำว่า.. ต่อรอง แนวทางการเจรจาจะเป็นเชิง win-win ครับ.. (แน่นอน เราต้อง win มากแต่ผู้ขาย win น้อยกว่าเราหน่อย 555+)
คำถามคือ คุณต้องเข้าใจหลักการจัดซื้อว่า...  ใครมีอำนาจต่อรองมากกว่ากัน.. ระหว่างผ็ซื้อกับผู้ขาย

- ถ้าเป็นสินค้าที่ผู้ขายน้อยรายและต้องซื้อต่อเนื่อง ซื้อกันยาวๆ สม่ำเสมอ.. อันเนื่องจาก know how, ลิขสิทธิ์, flight บังคับจากแผนก ออกแบบ& พัฒนาสินค้า และอื่นๆ แนวทางในการต่อรองให้เน้นในแง่
  1. เจรจากับผู้ขายให้มองในแง่ที่เป็น long term relationship (ขายกันยาวๆ อย่าขายแพงมาก..แต่ถ้าเป็นสินค้าผู้ขายน้อยราย..เรื่องราคาต้องทำใจครับ..)
  2. ข่มขู่นิดๆว่า...  เราสามารถ -เปลี่ยนไปใช้สินค้าตัวอื่นจากที่อื่น, ผลิตเอง, เลิกใช้สินค้าที่คุณขาย
(อาจจะใช้ 1และ2 ร่วมกัน)
    
แต่ถ้าเป็นสินค้าแบบซื้อทีเดียวเลิก...
   1. ต่อรองให้ได้ราคาถูกที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องหาสินค้าที่คุณภาพใกล้เคียงกัน ทำหน้าที่การทำงานได้คล้ายกันมาเป็นตัวเปรียบเทียบ..แต่ไม่ต้อง โกหกหรือหลอก ผู้ขายครับ..ไม่ได้ประโยชน์อันใด.. ยิ่งทำให้ผู้ขายอยากเอาชนะมากขึ้นไปอีก
   2. ใช้สินค้ารุ่นอื่น/ยี่ห้ออื่น

สุดท้ายแล้ว.. ก็ต้องทำการศึกษาความคุ้มค่า/ต้นทุนรวมที่แท้จริงเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการสั่งซื้อครับ...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
ส่วนเรื่องวิธีการเจรจาต่อรองแบบเอาราคาของคู่แข่งมาบล๊ฟนั้น ผมไม่แนะนำจริงๆครับ.. เพราะใช้ได้แต่การจัดซื้อแบบ one time order และมันไม่ได้ผลลัพท์ของการทำงานที่ดีที่สุด... และจริงๆแล้วถือว่าผิดหลักจริยธรรมของการจัดซื้ออย่างร้ายแรง และจะไม่เข้าใจถึง "หัวใจ" ของการทำงานจัดซื้ออย่างยั่งยืนครับ...

แต่มีอีกจุดที่อยากจะบอกก็คือการเปิดเผย price level ของคู่แข่งนั้น..เราอาจจะใช้ในการ "พัฒนาผู้ขาย" โดยบอกเป็นช่วงราคาและบอกในภาพรวม... เพื่อให้เรามีผู้ขายหลายรายครับ.. ผมเคยเจออยู่หลายกรณีที่มี ยกตัวอย่างเช่นผู้ขายอยู่เจ้านึง..เสนอราคาไม่เคยสู้อีกเจ้าหนึ่งได้เลย..แต่ผู้ขายเจ้านี้ไม่เคยลดละความพยายาม ผมเลยเรียกเขาเข้ามาพบแล้วแจ้งเขาว่า.. ราคาของคุณสูงกว่าราคาที่เราซื้ออยู่ปัจจุบัน X% ถ้าคุณอยากค้าขายกับเรา คุณต้องพยายามลดราคาขาย (ด้วยการพัฒนา/ปรับปรุงภายในองค์กรของคุณ) ให้ต่ำกว่า X% ครับ... ซึ่งเขาก็เข้าใจและพยายามทำจนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ บัญชีผู้ขายของผม...

พอแร๊ะ..พิมพ์มากๆแล้วเหนื่อย..เหอๆ

จัดซื้อเช่นกันครับ...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่