บังเอิญลูกสาวได้เขียนรวบรวมประสบการณ์การไปเที่ยวญี่ปุ่น
ให้คนที่บ้านติดตามอ่านความเป็นไป เห็นว่าน่ารักดี
เลยเอามาฝากเพื่อนๆค่ะ //แม่กุ้ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
Day 2 ชา ลา ลา~
December 9, 2013 at 12:18am
ในที่สุดวันนี้กิ๊กก็จะได้ไปรู้จักกับไกด์ส่วนตัวที่จะมาพาเที่ยวแล้ว~~~ เธอชื่อ ”ซายะจัง”
เป็นคนรู้จักของป้าจุงโกะ เรานัดเจอเธอที่ร้านอาหารจีนร้านหนึ่งในชิบุย่า (ชิบุย่าอีกแล้ว! 5555)
ซึ่งนัดครั้งนี้นอกจากจะมาเพื่อแนะนำกิ๊กให้รู้จักซายะจัง
ยังมีสมาคมเพื่อนๆป้าจุงมานั่งคุยกันเรื่องปาร์ตี้ที่เขากำลังจะจัดในเดือนมกราอีกด้วย
(แน่นอนว่า เป็นการสนทนาที่กิ๊กไม่อาจเข้าถึงได้)
ซายะจังเป็นเด็กผู้หญิง อายุ 23 ปี แก่กว่ากิ๊กปีนึง แต่เธอยังเรียนอยู่ปี 4
สาเหตุที่จบช้าเพราะเธอดรอปไปตอนปี 2 เพื่อไปเที่ยวรอบโลกคนเดียว!
ตอนที่รู้นี่ โอ้โห... ชีโคตรคูลเลยว่ะ OwO !! ชักน่าสนใจแล้วไหมล่ะ...
แล้วบ้านกิ๊กก็เป็นหนึ่งในที่พักแรมของเธอระหว่างเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย!
ช่างเป็นเกียรตินัก! (แต่ตอนเธอมาเราน่าจะไม่ได้เจอกัน เพราะกิ๊กอยู่หอ)
เรานั่งจิบชา ทานติ่มซำไปพลาง คุยกันไปพลาง เพราะแค่เกริ่นมาแค่นี้เธอก็ดูเป็นคนน่าสนใจไม่น้อย
แต่ลุคของเธอไม่ได้ดูกร้านโลก หรือทอมบอยเลยนะ ดูโคตรน่ารักใสๆ อาโนเนะสไตล์ญี่ปุ่น
แถมยังดูเด็กกว่ากิ๊กอีกด้วย >///< คุยไปคุยมาก็ได้รู้ว่าเธอทำงานพาร์ทไทม์เก็บตังค์เองตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
พอถึงปี 2 มีเงินเก็บอยู่พอสมควร ก็เลยดรอปไปออกเดินทางซะเลย!
โว๊ะ แล้วก็ไม่ได้เดินทางอย่างฟุ่มเฟือยนะ ส่วนใหญ่ขึ้นรถไฟ ขึ้นบัส หรือไม่ก็นั่งเรือ
มีบ้างที่จำเป็นจริงๆ ก็นั่งเครื่องบิน
ไม่ได้ถ่ายรูปกับซายะจังมา เลยขอเอาติ่มซำมาแปะแทน
เธอใช้เวลาไป 10 เดือน กับการท่องเที่ยว 30 ประเทศโดยไม่ได้แพลนล่วงหน้า
อยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ อยากย้ายตอนไหนก็ย้าย ส่วนใหญ่ไปพักตามบ้านคนรู้จักหรือไม่ก็โฮมสเตย์
เซฟงบให้มากที่สุด โอ้โห ฟังแล้วโคตรอิจฉา!!!
ส่วนงบทั้งหมดที่ใช้ไปกับการเดินทางก็ประมาณ 1 ล้านเยน หรือ 3 แแสนหนึ่งหมื่นบาท !
ไม่มากเท่าที่คิดเลย OwO ! คุยกับเธอเสร็จนี่เริ่มอยากออกเดินทางรอบโลกมั่งแล้วนะเนี่ย 5555
ท่าทางจะเป็นคนนำทางเราได้ดีจริงๆ
กิ๊กใช้เวลาครึ่งวันคุยกับซายะจัง ระหว่างที่ป้าๆ ทั้งหลายคุยงานกัน
พอนัดกับซายะจังไปดู Gibli Studio พรุ่งด้วยกันเสร็จเรียบร้อย เธอก็กลับไป
ปล่อยให้กิ๊กนั่งเหงาหงอยกับสาวๆ 50 อัพอยู่คนเดียว T^T
ซักพักเริ่มทนไม่ไหว กิ๊กเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำซะหน่อย
ปกติแล้วส้วมที่นี่
จะมีเซนเซอร์ทุกอย่าง เซนเซอร์ให้ส้วมกด เซนเซอร์ให้น้ำไหล
เซนเซอร์ให้ส้วมปล่อยเสียงกลบเวลาตด เซนเซอร์ให้ถังขยะเปิด เยอะไปหมด -..-
แต่พอล้างมือเสร็จ ไอเราก็ยื่นมือเข้าไปในเครื่องเป่ามือที่ปกติจะมีเซนเซอร์ให้ลมเป่าอัดมือ
แต่มันไม่เป่าเนี่ยดิ มองขึ้นไปด้านบนเครื่อง ดันมีปุ่มไรไม่รู้เขียนด้วยตัวหนังสือสีเขียวที่กิ๊กอ่านไม่ออก
สงสัยเป็นสวิตช์อีเครื่องนี้มั้ง ลองกดซะหน่อย
แอ๊ด แอ๊ด แอ๊ด แอ๊ด!!!
เสียงหวอดังไม่หยุดไปทั่วส้วม! มันคือปุ่มไรวะเนี่ย!!
ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงญี่ปุ่นในส้วมโหวกเหวกขึ้นมา
ซวยละไหมเอ็ง แค่จะเป่ามือให้แห้งกลายเป็นวิกฤตระดับห้าง! เลยรีบเดินด้วยความเร็ว 140 km/h
ออกมาอย่างรวดเร็วเนียนไปกับฝูงชน
กลัวว่าจะมีใครตามมาจับตัวเราไหม แต่ก็โชคดีที่ไม่มี
จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าปุ่มนั้น
มีไว้ทำอะไร...
...
อีกครึ่งวันที่เหลือ กิ๊กตามป้าจุงไปบ้านเพื่อนเขาต่อ
จริงๆแล้วป้าจุงกับกิ๊กสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
มีซายะจังคนแรกที่พอจะสนทนากันเป็นเรื่องเป็นราวบ้าง
กิ๊กก็เตรียมใจไว้แล้วว่าคงได้แต่นั่งฟังเขาพูดญี่ปุ่นกันไปมาแน่ๆ แถมการหลับยังเป็นเรื่องต้องห้าม
(ก็นี่อายุเท่าไหร่แล้วห๊ะนังกิ๊ก!)
พอมาถึงเพื่อนสาวของป้าจุงก็ต้อนรับด้วยอาหารตำรับญี่ปุ่นเต็มโต๊ะ
เน้นไปทางผักดอง ข้าวปั้น แกงฟักญี่ปุ่น ที่เลิฟที่สุดก็แคลิฟอร์เนียเซตให้ทำเอง
ก็คล้ายๆกับการกินเป็ดปักกิ่งที่เปลี่ยนเป็น สาหร่าย ข้าว และปลาดิบ
มื้อเย็นของข้า~~
อีกอย่าง... บ้านเขาเลี้ยงหมาพันธุ์ชิบะด้วยอ่ะ!!! มาถึงขอเล่นกับหมาก่อนเลย
เรื่องกินทีหลัง เจ้าตัวนี้ชื่อฮิเมะ อายุ 2 ขวบแล้ว น่ารักมากๆ
น้องฮิเมะ >w<
ที่สำคัญเพื่อนป้าจุงคนนี้พูดอังกฤษเก่ง เลยทำให้การสนทนาครั้งนี้สนุกมาก
ป้าเขารู้ว่าควรคุยอะไร เรื่องอะไรควรถาม ต่อบทสนทนายังไง ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยกับเขาอย่างรวดเร็ว
เหมือนว่าถูกชะตาทั้งที่เพิ่งจะคุยกันเป็นครั้งแรก ทั้งที่เขาก็ไม่ใช่คนเฮฮาหยอดมุกตลกอะไรเลยด้วยซ้ำ
ป้าจุงนั่งคุยเป็นชั่วโมงๆ ซักพักก็มีแขกอีกคนเข้ามา (นี่มันงานสังสรรค์อะไรฟระเนี่ย!?)
เป็นคุณลุงอายุราวๆป้าทั้งสอง เห็นว่าเป็นหมอ
จากการสนทนาที่คละกันภาษาอังกฤษบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง กลายเป็นญี่ปุ่นล้วน
ส่วนกิ๊กได้แต่นั่งเกาคอหมาชิบะไปเรื่อยๆ พยายามทำตัวล่องหน ไม่อยากให้เขาเกรงใจเราเท่าไหร่
แต่จะคุยด้วยก็คุยกันคนละภาษา ไม่แตกต่างกับตอนเข้าอินเทอนอลใหญ่
แต่ไม่รู้แต่ละคนต้องการจะสื่ออะไรยังไงยังงั้น
ชิบ้ะ ชิบะะะ >///<
ซักพักเหมือนเพื่อนป้าจุงที่แสนน่ารักจะสังเกตเห็น เขาเลยชวนเราเข้าไปดูในบ้าน
ตอนนั้นเองที่กิ๊กได้รู้ว่า บ้านเขาเป็นโรงเรียนสอนชงชา -[]-! (นั่งมาสองสามชั่วโมงละอีกิ๊ก)
ป้าเขาก็พาเราเข้าไปดูแล้วก็อธิบายให้ฟังตั้งแต่ต้น ก่อนเข้าห้องชงชาเราจะเจอโซนแคบๆ
ที่มีโต๊ะตัวหนึ่งวางอยู่ บนโต๊ะมีกระดาษและพู่กันจุ่มหมึก
ซึ่งตรงนี้มีไว้ให้นักเรียนที่มาเรียนแต่ละคนลงชื่อก่อนเข้าเรียน
ป้าบอกว่าที่ต้องมีก็เพราะการได้เขียนชื่อด้วยเองด้วยพู่กัน
เป็นการเริ่มปรับจิตในตัวเราให้เข้าสู่ภาวะสงบนิ่ง ก่อนจะเข้าไปเรียน
วันนี้มีคนมาเรียน 8 คน
สำหรับประเพณีการชงชาและประเพณีอื่นๆ ทุกรายละเอียดล้วนมีความหมาย
ห้องเรียนชงชาจำเป็นต้องมีของเหล่านี้ ป้ายเขียนอักษรนั้นเขาจะเลือกคำให้เหมาะกับช่วงฤดูกาลหรือเดือนนั้นๆ ด้วย
แต่ละแผ่นจะถูกเขียนด้วยอาจารย์ชื่อดังหรือพระของเขา ที่ตอนนี้เขาเลือกแขวนภาพวงกลม
เป็นเพราะเข้าใกล้ช่วงสิ้นปี เราเวียนมาบรรจบครบรอบพอดี หรือแม้แต่กระถางตรงใต้ภาพนั้นก็ต้องมีดอกไม้ประดับอยู่
ซึ่งนี่ก็เป็นดอกคาโมมายที่เขาปลูกอยู่ในสวน ถ่านไฟที่ใช้ในหน้าร้อนกับหน้าหนาวก็ไม่เหมือนกัน
จริงๆแล้วบนโต๊ะที่มุมห้องต้องมีของประดับด้วย แต่นี่เลิกเรียนแล้วเขาเลยเอาไปเก็บเรียบร้อย
ฟังคร่าวๆ ก็รู้สึกว่าดีเทลเยอะเหลือเกินละ @_@
It's my thing! hahahah
นานๆครั้งเขาก็จะจัด Ceremony ซึ่งงานก็มีพิธีของมัน พิธีการชงชามีทั้งฝ่ายเจ้าบ้านและฝ่ายแขก
แต่ละฝ่ายจะชงให้ตัวเองทานก่อน แล้วจะมีการแลกเปลี่ยนกันบ้างตามโอกาส
ทุกคนในพิธีจะใส่กิโมโน เวลาสอนเค้าจึงต้องใส่กิโมโน และนักเรียนก็จะใส่มาเรียนกันเอง
ทั้งที่เขาไม่ได้ออกกฎด้วยซ้ำ กิ๊กฟังแล้วสนุกดี เลยถามไปเรื่อย รู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่
เราไม่คุ้นเคย แต่บางทีวัยรุ่นของเขาอาจจะเบื่อเรื่องแบบนี้ก็ได้
อุปกรณ์การชงชาต่างๆ
เขาว่าการชงชาไม่ใช่วิชาที่ทุกคนต้องเรียน ไม่มีหลักสูตร แต่เป็นการผ่อนคลาย
การฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ไม่ต่างจากการฝึกโยคะ หรือนั่งสมาธิ
คนที่มาเรียนส่วนใหญ่ต้องพบเจอเรื่องวุ่นวายภายนอกมากมาย
การที่เขามาเรียนชงชาที่นี่ถือเป็นการทำใจให้สงบ รอดพ้นจากเรื่องน่าปวดหัวต่างๆ
เรานั่งคุกเข่าคุยกันท่ามกลางห้องชงชาอย่างเงียบๆ ทำเอากิ๊กรู้สึกผ่อนคลายและสงบนิ่งอย่างบอกไม่ถูก
คงจริงอย่างที่ป้าเขาบอก เมื่ออยู่ในความเงียบ ความรู้สึกเราจะอ่อนไหวขึ้น
เราจะรู้สึกง่ายขึ้น เราจะได้ยินชัดขึ้น
เป็นการสนทนาที่สนุก จนกิ๊กแทบอยากจะจดเก็บไว้จริงๆ
คุณป้าทำให้บันทึกของกิ๊กมีสาระขึ้นมาก
หลังจากที่มีแต่บันทึกความโง่ของตัวเองเต็มไปหมด
เออ... อีกเรื่องที่โง่
กลับมาพิมพ์ที่บ้านจนเสร็จแล้ว
กิ๊กจำชื่อป้าเขาไม่ได้
จบ.
ติดตามตอนต่อไปได้เจ้าค่ะ
Day 0 เมื่อฉันกลายเป็นอาชญากรข้ามพรมแดน...
http://ppantip.com/topic/31388877
Day 1 ทรัพย์สมบัติ ซูชิ พละกำลัง !!
http://ppantip.com/topic/31389109
Day 2 ชา ลา ลา~
http://ppantip.com/topic/31389233
Day 3 ฅ. ดล 3
http://ppantip.com/topic/31389940
Day 4 วันที่ฉันป่วย
http://ppantip.com/topic/31390333
Day 5&6 Cookie in Kanazawa
http://ppantip.com/topic/31390347
Day 7 & 8 ส.ว. on tour
http://ppantip.com/topic/31390359
Day 9 แดนหมีดำ
http://ppantip.com/topic/31390371
Day 10と11 BeppuとYufuin
http://ppantip.com/topic/31399474
Day แถม ONEPIECE @ Huis ten bosch ฟินมว๊ากกกกก~~~~ !!!!! >0< !!!!!!
http://ppantip.com/topic/31408111
Day 12 ศึกลูฟี่หมวกฟาง ปะทะ กิ๊กกี้หัวฟู ONEPIECE @ Huis ten bosch
http://ppantip.com/topic/31409608
Day 13~15 Kicky King of Sushi
http://ppantip.com/topic/31417630
Day 16 ฟูจิ โมจิ เปอร์เซียจิ
http://ppantip.com/topic/31421929
Day 17 เปอร์ เต็ม ชั้น
http://ppantip.com/topic/31461915
Day 19 มือที่สอง
http://ppantip.com/topic/31461997
Day 20と21 โซ้ยแหลก @ Nikko
http://ppantip.com/topic/31462342
Day 23->22 ใจแตก @บาร์เกย์
http://ppantip.com/topic/31462536
Day 25.9~26.1 Special Day - Because it's New Year!
http://ppantip.com/topic/31466295
Day 26~27 feat. Ai Dokdak ปวดเกี๊ยะ ที่เกียวโต
http://ppantip.com/topic/31466446
Day 29 ตอนที่ 1 เสพติดศิลปะ ที่ Naoshima feat. Ai Dokdak
http://ppantip.com/topic/31482396
Day 29 ตอนที่ 2 เสพติดศิลปะ ที่ Naoshima feat. Ai Dokdak
http://ppantip.com/topic/31482430
Day 2 ชา ลา ลา~
ให้คนที่บ้านติดตามอ่านความเป็นไป เห็นว่าน่ารักดี
เลยเอามาฝากเพื่อนๆค่ะ //แม่กุ้ง
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
Day 2 ชา ลา ลา~
December 9, 2013 at 12:18am
ในที่สุดวันนี้กิ๊กก็จะได้ไปรู้จักกับไกด์ส่วนตัวที่จะมาพาเที่ยวแล้ว~~~ เธอชื่อ ”ซายะจัง”
เป็นคนรู้จักของป้าจุงโกะ เรานัดเจอเธอที่ร้านอาหารจีนร้านหนึ่งในชิบุย่า (ชิบุย่าอีกแล้ว! 5555)
ซึ่งนัดครั้งนี้นอกจากจะมาเพื่อแนะนำกิ๊กให้รู้จักซายะจัง
ยังมีสมาคมเพื่อนๆป้าจุงมานั่งคุยกันเรื่องปาร์ตี้ที่เขากำลังจะจัดในเดือนมกราอีกด้วย
(แน่นอนว่า เป็นการสนทนาที่กิ๊กไม่อาจเข้าถึงได้)
ซายะจังเป็นเด็กผู้หญิง อายุ 23 ปี แก่กว่ากิ๊กปีนึง แต่เธอยังเรียนอยู่ปี 4
สาเหตุที่จบช้าเพราะเธอดรอปไปตอนปี 2 เพื่อไปเที่ยวรอบโลกคนเดียว!
ตอนที่รู้นี่ โอ้โห... ชีโคตรคูลเลยว่ะ OwO !! ชักน่าสนใจแล้วไหมล่ะ...
แล้วบ้านกิ๊กก็เป็นหนึ่งในที่พักแรมของเธอระหว่างเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย!
ช่างเป็นเกียรตินัก! (แต่ตอนเธอมาเราน่าจะไม่ได้เจอกัน เพราะกิ๊กอยู่หอ)
เรานั่งจิบชา ทานติ่มซำไปพลาง คุยกันไปพลาง เพราะแค่เกริ่นมาแค่นี้เธอก็ดูเป็นคนน่าสนใจไม่น้อย
แต่ลุคของเธอไม่ได้ดูกร้านโลก หรือทอมบอยเลยนะ ดูโคตรน่ารักใสๆ อาโนเนะสไตล์ญี่ปุ่น
แถมยังดูเด็กกว่ากิ๊กอีกด้วย >///< คุยไปคุยมาก็ได้รู้ว่าเธอทำงานพาร์ทไทม์เก็บตังค์เองตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม
พอถึงปี 2 มีเงินเก็บอยู่พอสมควร ก็เลยดรอปไปออกเดินทางซะเลย!
โว๊ะ แล้วก็ไม่ได้เดินทางอย่างฟุ่มเฟือยนะ ส่วนใหญ่ขึ้นรถไฟ ขึ้นบัส หรือไม่ก็นั่งเรือ
มีบ้างที่จำเป็นจริงๆ ก็นั่งเครื่องบิน
ไม่ได้ถ่ายรูปกับซายะจังมา เลยขอเอาติ่มซำมาแปะแทน
เธอใช้เวลาไป 10 เดือน กับการท่องเที่ยว 30 ประเทศโดยไม่ได้แพลนล่วงหน้า
อยากอยู่นานแค่ไหนก็อยู่ อยากย้ายตอนไหนก็ย้าย ส่วนใหญ่ไปพักตามบ้านคนรู้จักหรือไม่ก็โฮมสเตย์
เซฟงบให้มากที่สุด โอ้โห ฟังแล้วโคตรอิจฉา!!!
ส่วนงบทั้งหมดที่ใช้ไปกับการเดินทางก็ประมาณ 1 ล้านเยน หรือ 3 แแสนหนึ่งหมื่นบาท !
ไม่มากเท่าที่คิดเลย OwO ! คุยกับเธอเสร็จนี่เริ่มอยากออกเดินทางรอบโลกมั่งแล้วนะเนี่ย 5555
ท่าทางจะเป็นคนนำทางเราได้ดีจริงๆ
กิ๊กใช้เวลาครึ่งวันคุยกับซายะจัง ระหว่างที่ป้าๆ ทั้งหลายคุยงานกัน
พอนัดกับซายะจังไปดู Gibli Studio พรุ่งด้วยกันเสร็จเรียบร้อย เธอก็กลับไป
ปล่อยให้กิ๊กนั่งเหงาหงอยกับสาวๆ 50 อัพอยู่คนเดียว T^T
ซักพักเริ่มทนไม่ไหว กิ๊กเลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำซะหน่อย
ปกติแล้วส้วมที่นี่จะมีเซนเซอร์ทุกอย่าง เซนเซอร์ให้ส้วมกด เซนเซอร์ให้น้ำไหล
เซนเซอร์ให้ส้วมปล่อยเสียงกลบเวลาตด เซนเซอร์ให้ถังขยะเปิด เยอะไปหมด -..-
แต่พอล้างมือเสร็จ ไอเราก็ยื่นมือเข้าไปในเครื่องเป่ามือที่ปกติจะมีเซนเซอร์ให้ลมเป่าอัดมือ
แต่มันไม่เป่าเนี่ยดิ มองขึ้นไปด้านบนเครื่อง ดันมีปุ่มไรไม่รู้เขียนด้วยตัวหนังสือสีเขียวที่กิ๊กอ่านไม่ออก
สงสัยเป็นสวิตช์อีเครื่องนี้มั้ง ลองกดซะหน่อย
แอ๊ด แอ๊ด แอ๊ด แอ๊ด!!!
เสียงหวอดังไม่หยุดไปทั่วส้วม! มันคือปุ่มไรวะเนี่ย!!
ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงญี่ปุ่นในส้วมโหวกเหวกขึ้นมา
ซวยละไหมเอ็ง แค่จะเป่ามือให้แห้งกลายเป็นวิกฤตระดับห้าง! เลยรีบเดินด้วยความเร็ว 140 km/h
ออกมาอย่างรวดเร็วเนียนไปกับฝูงชน
กลัวว่าจะมีใครตามมาจับตัวเราไหม แต่ก็โชคดีที่ไม่มี
จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่าปุ่มนั้นมีไว้ทำอะไร...
...
อีกครึ่งวันที่เหลือ กิ๊กตามป้าจุงไปบ้านเพื่อนเขาต่อ
จริงๆแล้วป้าจุงกับกิ๊กสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
มีซายะจังคนแรกที่พอจะสนทนากันเป็นเรื่องเป็นราวบ้าง
กิ๊กก็เตรียมใจไว้แล้วว่าคงได้แต่นั่งฟังเขาพูดญี่ปุ่นกันไปมาแน่ๆ แถมการหลับยังเป็นเรื่องต้องห้าม
(ก็นี่อายุเท่าไหร่แล้วห๊ะนังกิ๊ก!)
พอมาถึงเพื่อนสาวของป้าจุงก็ต้อนรับด้วยอาหารตำรับญี่ปุ่นเต็มโต๊ะ
เน้นไปทางผักดอง ข้าวปั้น แกงฟักญี่ปุ่น ที่เลิฟที่สุดก็แคลิฟอร์เนียเซตให้ทำเอง
ก็คล้ายๆกับการกินเป็ดปักกิ่งที่เปลี่ยนเป็น สาหร่าย ข้าว และปลาดิบ
มื้อเย็นของข้า~~
อีกอย่าง... บ้านเขาเลี้ยงหมาพันธุ์ชิบะด้วยอ่ะ!!! มาถึงขอเล่นกับหมาก่อนเลย
เรื่องกินทีหลัง เจ้าตัวนี้ชื่อฮิเมะ อายุ 2 ขวบแล้ว น่ารักมากๆ
น้องฮิเมะ >w<
ที่สำคัญเพื่อนป้าจุงคนนี้พูดอังกฤษเก่ง เลยทำให้การสนทนาครั้งนี้สนุกมาก
ป้าเขารู้ว่าควรคุยอะไร เรื่องอะไรควรถาม ต่อบทสนทนายังไง ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยกับเขาอย่างรวดเร็ว
เหมือนว่าถูกชะตาทั้งที่เพิ่งจะคุยกันเป็นครั้งแรก ทั้งที่เขาก็ไม่ใช่คนเฮฮาหยอดมุกตลกอะไรเลยด้วยซ้ำ
ป้าจุงนั่งคุยเป็นชั่วโมงๆ ซักพักก็มีแขกอีกคนเข้ามา (นี่มันงานสังสรรค์อะไรฟระเนี่ย!?)
เป็นคุณลุงอายุราวๆป้าทั้งสอง เห็นว่าเป็นหมอ
จากการสนทนาที่คละกันภาษาอังกฤษบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง กลายเป็นญี่ปุ่นล้วน
ส่วนกิ๊กได้แต่นั่งเกาคอหมาชิบะไปเรื่อยๆ พยายามทำตัวล่องหน ไม่อยากให้เขาเกรงใจเราเท่าไหร่
แต่จะคุยด้วยก็คุยกันคนละภาษา ไม่แตกต่างกับตอนเข้าอินเทอนอลใหญ่
แต่ไม่รู้แต่ละคนต้องการจะสื่ออะไรยังไงยังงั้น
ชิบ้ะ ชิบะะะ >///<
ซักพักเหมือนเพื่อนป้าจุงที่แสนน่ารักจะสังเกตเห็น เขาเลยชวนเราเข้าไปดูในบ้าน
ตอนนั้นเองที่กิ๊กได้รู้ว่า บ้านเขาเป็นโรงเรียนสอนชงชา -[]-! (นั่งมาสองสามชั่วโมงละอีกิ๊ก)
ป้าเขาก็พาเราเข้าไปดูแล้วก็อธิบายให้ฟังตั้งแต่ต้น ก่อนเข้าห้องชงชาเราจะเจอโซนแคบๆ
ที่มีโต๊ะตัวหนึ่งวางอยู่ บนโต๊ะมีกระดาษและพู่กันจุ่มหมึก
ซึ่งตรงนี้มีไว้ให้นักเรียนที่มาเรียนแต่ละคนลงชื่อก่อนเข้าเรียน
ป้าบอกว่าที่ต้องมีก็เพราะการได้เขียนชื่อด้วยเองด้วยพู่กัน
เป็นการเริ่มปรับจิตในตัวเราให้เข้าสู่ภาวะสงบนิ่ง ก่อนจะเข้าไปเรียน
วันนี้มีคนมาเรียน 8 คน
สำหรับประเพณีการชงชาและประเพณีอื่นๆ ทุกรายละเอียดล้วนมีความหมาย
ห้องเรียนชงชาจำเป็นต้องมีของเหล่านี้ ป้ายเขียนอักษรนั้นเขาจะเลือกคำให้เหมาะกับช่วงฤดูกาลหรือเดือนนั้นๆ ด้วย
แต่ละแผ่นจะถูกเขียนด้วยอาจารย์ชื่อดังหรือพระของเขา ที่ตอนนี้เขาเลือกแขวนภาพวงกลม
เป็นเพราะเข้าใกล้ช่วงสิ้นปี เราเวียนมาบรรจบครบรอบพอดี หรือแม้แต่กระถางตรงใต้ภาพนั้นก็ต้องมีดอกไม้ประดับอยู่
ซึ่งนี่ก็เป็นดอกคาโมมายที่เขาปลูกอยู่ในสวน ถ่านไฟที่ใช้ในหน้าร้อนกับหน้าหนาวก็ไม่เหมือนกัน
จริงๆแล้วบนโต๊ะที่มุมห้องต้องมีของประดับด้วย แต่นี่เลิกเรียนแล้วเขาเลยเอาไปเก็บเรียบร้อย
ฟังคร่าวๆ ก็รู้สึกว่าดีเทลเยอะเหลือเกินละ @_@
It's my thing! hahahah
นานๆครั้งเขาก็จะจัด Ceremony ซึ่งงานก็มีพิธีของมัน พิธีการชงชามีทั้งฝ่ายเจ้าบ้านและฝ่ายแขก
แต่ละฝ่ายจะชงให้ตัวเองทานก่อน แล้วจะมีการแลกเปลี่ยนกันบ้างตามโอกาส
ทุกคนในพิธีจะใส่กิโมโน เวลาสอนเค้าจึงต้องใส่กิโมโน และนักเรียนก็จะใส่มาเรียนกันเอง
ทั้งที่เขาไม่ได้ออกกฎด้วยซ้ำ กิ๊กฟังแล้วสนุกดี เลยถามไปเรื่อย รู้สึกว่าเป็นสิ่งใหม่
เราไม่คุ้นเคย แต่บางทีวัยรุ่นของเขาอาจจะเบื่อเรื่องแบบนี้ก็ได้
อุปกรณ์การชงชาต่างๆ
เขาว่าการชงชาไม่ใช่วิชาที่ทุกคนต้องเรียน ไม่มีหลักสูตร แต่เป็นการผ่อนคลาย
การฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง ไม่ต่างจากการฝึกโยคะ หรือนั่งสมาธิ
คนที่มาเรียนส่วนใหญ่ต้องพบเจอเรื่องวุ่นวายภายนอกมากมาย
การที่เขามาเรียนชงชาที่นี่ถือเป็นการทำใจให้สงบ รอดพ้นจากเรื่องน่าปวดหัวต่างๆ
เรานั่งคุกเข่าคุยกันท่ามกลางห้องชงชาอย่างเงียบๆ ทำเอากิ๊กรู้สึกผ่อนคลายและสงบนิ่งอย่างบอกไม่ถูก
คงจริงอย่างที่ป้าเขาบอก เมื่ออยู่ในความเงียบ ความรู้สึกเราจะอ่อนไหวขึ้น
เราจะรู้สึกง่ายขึ้น เราจะได้ยินชัดขึ้น
เป็นการสนทนาที่สนุก จนกิ๊กแทบอยากจะจดเก็บไว้จริงๆ
คุณป้าทำให้บันทึกของกิ๊กมีสาระขึ้นมาก
หลังจากที่มีแต่บันทึกความโง่ของตัวเองเต็มไปหมด
เออ... อีกเรื่องที่โง่
กลับมาพิมพ์ที่บ้านจนเสร็จแล้ว
กิ๊กจำชื่อป้าเขาไม่ได้
จบ.
ติดตามตอนต่อไปได้เจ้าค่ะ
Day 0 เมื่อฉันกลายเป็นอาชญากรข้ามพรมแดน... http://ppantip.com/topic/31388877
Day 1 ทรัพย์สมบัติ ซูชิ พละกำลัง !! http://ppantip.com/topic/31389109
Day 2 ชา ลา ลา~ http://ppantip.com/topic/31389233
Day 3 ฅ. ดล 3 http://ppantip.com/topic/31389940
Day 4 วันที่ฉันป่วย http://ppantip.com/topic/31390333
Day 5&6 Cookie in Kanazawa http://ppantip.com/topic/31390347
Day 7 & 8 ส.ว. on tour http://ppantip.com/topic/31390359
Day 9 แดนหมีดำ http://ppantip.com/topic/31390371
Day 10と11 BeppuとYufuin http://ppantip.com/topic/31399474
Day แถม ONEPIECE @ Huis ten bosch ฟินมว๊ากกกกก~~~~ !!!!! >0< !!!!!! http://ppantip.com/topic/31408111
Day 12 ศึกลูฟี่หมวกฟาง ปะทะ กิ๊กกี้หัวฟู ONEPIECE @ Huis ten bosch http://ppantip.com/topic/31409608
Day 13~15 Kicky King of Sushi http://ppantip.com/topic/31417630
Day 16 ฟูจิ โมจิ เปอร์เซียจิ http://ppantip.com/topic/31421929
Day 17 เปอร์ เต็ม ชั้น http://ppantip.com/topic/31461915
Day 19 มือที่สอง http://ppantip.com/topic/31461997
Day 20と21 โซ้ยแหลก @ Nikko http://ppantip.com/topic/31462342
Day 23->22 ใจแตก @บาร์เกย์ http://ppantip.com/topic/31462536
Day 25.9~26.1 Special Day - Because it's New Year! http://ppantip.com/topic/31466295
Day 26~27 feat. Ai Dokdak ปวดเกี๊ยะ ที่เกียวโต http://ppantip.com/topic/31466446
Day 29 ตอนที่ 1 เสพติดศิลปะ ที่ Naoshima feat. Ai Dokdak http://ppantip.com/topic/31482396
Day 29 ตอนที่ 2 เสพติดศิลปะ ที่ Naoshima feat. Ai Dokdak http://ppantip.com/topic/31482430