ครั้งหนึ่ง เคยเป็นเด็กซิ่ว

ขึ้นชื่อว่า "ซิ่ว" คำที่ตามมาคือ แก่ ? 555 ถึงจะแก่แต่ก็ได้ประสบการณ์นะ
วันนี้เมื่อปีที่แล้ว เรากำลังคร่ำเคร่งกับตำราเรียนมากมาย ยอมรับว่าตอนนั้นเครียดที่สุดเพราะเราต้องดูตำรา 2 อย่างควบ คือ ภาษาอังกฤษ และ วิศวฯ ตอนนั้นเราเรียนคณะมนุษยศาสตร์ภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยชื่อดังภาคตะวันออก เราคิดว่านั่นคือสิ่งที่เราชอบที่สุด เราชอบภาษาอังกฤษ เรามีความสุขมากเวลาเข้าเรียนภาษาอังกฤษ คะแนนสอบของเราก็ประมาณ top ของ section เวลาสอบเพื่อนๆ ก็มาให้เราสอน บ้างเราก็ทำสรุปไปให้เพื่อนๆอ่าน เพื่อนๆหลายคน ก็บอกว่าอ่านของเราแล้วรู้เรื่อง อ่านแล้วเข้าใจ เห็นภาพ เราก็รู้สึกยินดี รู้สึกสนุก มีความสุขที่เพื่อนๆอ่านแล้วเข้าใจ

ขอย้อนไปตอน ม.6 นะคะ เป็นช่วง admission ตอนนั้นเราอยากเป็นครูค่ะ วางแผนไว้ดีมาก อยากเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ มีสองทางเลือกค่ะ คือ 1. ครุศาสตร์ จุฬา 2.มนุษยอิ๊ง (มนุษยศาสตร์ ภาษาอังกฤษ) ตอนนั้นเราสอบติด มนุษยก่อนค่ะ เลยไม่ได้เลือก จุฬาไว้ ตอนนั้นคิดว่าสอบไม่ติดด้วยค่ะ คะแนนปริ่มมากๆ (แต่ตอนหลังมาดูคะแนนต่ำสุดของ แอดมิชชั่น ปรากฏว่าถ้าเลือกก็สอบติด ) ตอนไปสัมภาษณ์ เขาก็ถามว่าทำไมถึงเรียนมนุษอิ๊ง เราก็ตอบไปว่า จะเรียนให้ได้เกรดดีๆ แล้วไปเป็นอาจารย์ค่ะ จนเรียนปี 1 ไปได้ 2-3 เดือน จู่ๆก็มีความคิดอยากจะซิ่ว เพราะอะไร เราก็ไม่รู้เหมือนกัน จนตอนนี้เราก็ยังไม่รู้อะไรคือ เหตุผลที่แท้จริง ตอนนั้นคิดแต่ว่า "เรียนม.ปลายสายวิทย์มา แล้วทำไมตอนนี้มาเรียนสายภาษาได้ล่ะ เสียดายตังค์พ่อแม่ ที่เคยเอาไปลงกวดวิชาทั้ง เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ สุดท้ายเรากลับไม่ได้ใช้ส่วนนั้นเลย จะเรียนทั้งทีก็เรียนในสิ่งที่ยากๆ เรียนในสิ่งที่ไม่รู้ไปเลย" นั่นแหล่ะความคิดของเราในตอนนั้น เราก็ไปคุยเรื่องนี้กับเพื่อนคนนึงค่ะ ในคณะเดียวกันนี่ล่ะ พ่อเขาเป็นวิศวกรไฟฟ้า เราฟังแล้วเราชอบมาก อยากเป็นวิศวะ แถมได้ใช้ความรู้ที่เคยไปกวดวิชามาด้วย เป็นอันว่าตอนนั้นเราเลือกที่จะซิ่วคณะวิศว พอกลับบ้านเราตัดสินใจบอกแม่ก่อน เพราะพ่อเราดุ แม่บอกว่าจะเอาจริงหรอ ตามใจเราค่ะ เราก็เลยฝากแม่เกริ่นๆให้พ่อฟังด้วย แต่แม่ก็ยื่นข้อแลกเปลี่ยนมาค่ะ ถ้าจะซิ่ว อย่าเพิ่งทิ้งของที่เรียนอยู่ แม่กลัวเราซิ่วไปไม่ได้ ตอนนั้นรู้สึกแย่ค่ะ น้อยใจแม่ แต่ก็ฮึดสู้ค่ะ อ่านหนังสือให้แม่เห็น ตอนนั้นเราไปอยู่หอไม่ค่อยกลับบ้าน เพราะ รูมเมทเราจะนอนดึก ไม่ก็เช้า เวลาเราอ่านหนังสือดึกๆ ก็เลยมีเพื่อน หลังจากที่พ่อเรารู้ พ่อก็มาถามเรา ถามว่าซิ่วทำไม ที่เรียนอยู่ไม่ดีหรือไง ซิ่วไปแล้วถ้าไม่ถูกใจอีกก็จะซิ่วไปเรื่อยๆหรอ? เรานิ่งพูดไม่ถูก 555 แต่ยืนยันว่าจะซิ่วแน่นอน ตอนนั้นเรามาลองคำนวณคะแนนดู เราไม่เคยสอบวิชาความถนัดวิศวะเลยค่ะ แถมในปีนั้นสมัครครั้งแรกไม่ทัน เหลือสมัครครั้งที่สองซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเรา ตอนนั้นเครียดมาก ถึงขนาดทำข้อสอบไปมือสั่นไป ตอนหมดเวลานี่ทำไม่ทันส่งข้อสอบพร้อมน้ำตา (ฟังดูโอเว่อร์ แต่ตอนนั้นเครียดจริงๆ555) จะว่าไปเป็นข้อสอบชุดแรกที่เราทำเต็มเวลา เพราะ gat pat2 อะไรพวกนี้เวลาเราเหลือเฟือมาก (นอนไป ทำไป 555) ส่วนเรื่องการเรียนของที่เดิม เราไม่ทิ้งซะทีเดียว เข้าเรียนครบทุกครั้ง แต่เวลาสอบอ่านไปบ้าง ส่วนวิชาภาษาอังกฤษ เราอาศัยทำสรุปให้เพื่อน ถือเป็นการอ่านไปในตัวค่ะ ตอนนั้นอาจารย์ที่ปรึกษาเราก็มาถามๆว่าทำไมคะแนนเราลดลง (แต่ก็ยังอยู่ในระดับเดิมนะ) เราก็ยิ้มๆ ไป ไม่กล้าบอกว่าเราจะซิ่ว เพราะกลัวซิ่วไม่ติดแล้วจะโดนซ้ำ

   แล้ววันเลือกอันดับ admission ก็มาถึงตอนนั้นเราอยากได้บางมดมาก เพราะเราติดเพื่อนด้วยแหล่ะค่ะ แต่พอเราลองคำนวณคะแนนดู ปรากฏคะแนนเราถึงจุฬา(ประมาณคาบเส้น) เราก็เลยเลือกไปเป็นอันดับ 1 และ 3 อันดับที่เหลือบางมดหมดเลยค่ะ เย็นวันนั้นเพื่อนที่บางมดโทรมาถามเรเลือกอะไรไปบ้าง เราก็บอกมันไปค่ะ ปรากฏว่ามันจะให้เราสมัครใหม่ ให้เลือกบางมดไว้อันดับที่ 1  เราเลยบอกเพื่อนไปว่า ขอเลือกไว้แบบเดิมแหล่ะ ไม่ติดเพราะคะแนนไม่ถึง ดีกว่าไม่ติดเพราะไม่ได้เลือก พอวันประกาศผลมาถึง ปรากฏว่าเราได้ที่เลือกไว้อันดับแรกค่ะ พ่อแม่เราก็ดีใจ เราก็รู้สึกดีใจเล็กๆค่ะ ที่เห็นพ่อแม่เราดีใจ

  แต่การซิ่วของเรามันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เราเหนื่อยกว่าคนอื่นเขาหลายเท่า ด้วยเพราะเราซิ่วมา ความรู้บางอย่างเลือนลาง แถม 1 ปีที่ผ่านมาเรียนแต่ภาษาอังกฤษ ตามเพื่อนไม่ทันบ้าง แต่ก็โชคดีค่ะ มีเพื่อนคอยช่วยสอน ส่วนเพื่อนที่ม.เก่าก็คอยให้กำลังใจมาตลอด จนตอนนี้เราเหนื่อยมาก เรียนหนักกว่าของเดิมหลายเท่า เวลาในการเตรียมตัวอ่านหนังสือมากกว่ามากๆ จนบางทีเรารู้สึกท้อ อยากกลับไปที่เดิม แต่เราก็ย้อนไปนึกถึงตอนที่เราทะเยอทะยานจะซิ่ว เรามาเพื่อนมาศึกษาในสิ่งที่เราไม่รู้ สิ่งไหนรู้แล้วเราจะเรียนไปทำไม เรามาเรียนที่นี่เพื่อนเอาสิ่งที่เคยร่ำเรียนมาตอนม.ปลายไปต่อยอด ตอนนี้เรารู้สึกท้อแท้มาก อยากกลับไปเรียนภาษาอังกฤษ แต่เราก็คงไม่ซิ่วอีกละ เหนื่อย เลยต้องเดินหน้าต่อไป แต่ทุกวันนี้เราก็ยังชอบเอาแกรมม่า มาอ่าน เอาศัพท์มาท่องนะ สนุกดี ชอบ


ปล. กระทู้นี้เราขอแชร์ประสบการณ์ (รึเปล่า?) เราอยากให้คนที่อ่าน ที่กำลังจะสอบent คิดให้ดีๆว่าเราเองอยากเรียนอะไร ถนัดอะไร เหนื่อยหรือท้อก็สู้ๆ ต่อไป ใช้เวลาให้คุ้มค่า   


ทำในสิ่งที่รักแล้วเราจะมีความสุข หัวใจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่