ต้องบอกก่อนนะคะ ดิฉันเป็นคนประเภทใส่ว่านับถือศาสนาพุทธในบัตรประชาชน (เพื่อไม่ให้ดูเป็นคนเถื่อน ถ่อย
ไม่นับถืออะไรเลย นอกจาก...เชื่อถือความคิดของตัวเองเป็นหลัก!! อิอิ )
ยอมรับว่าดิฉันไม่ใช่คนที่ฝักใฝ่ในการศึกษาศาสนาพุทธ หายใจเข้าออกเป็นเรื่องธรรมะขนาดนั้น
(ก็เหมือนคนทั่วๆ ไปส่วนใหญ่ในสมัยนี้น่ะแหละ)
ดิฉันไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ดีพอที่จะมาถกกับใครก็ตามที่ศึกษาเรื่องนี้มานานกว่าดิฉัน
ตัวดิฉันยังเป็นคนที่มีกิเลสหนาพันธนาการตัวและใจอยู่ค่ะ
ทุกวันนี้ยังมีความสงสัยและข้อกังขาในใจมากมาย เกี่ยวกับเรื่องของศาสนาที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือ
รวมไปถึง กลุ่มย่อยๆ ชุมนุมทางศาสนามากมายที่ตั้งขึ้นมากันเองในภายหลังซึ่งมีเยอะมาก
บ้างก็ว่าอาจารย์เจ้าสำนักนี้เจ๋งสุด ดีสุด ไปมาหลายสำนักแล้ว สำนักนี้เข้าท่าสุด
ดิฉันลองไปมาก็เฉยๆ ดูไม่น่าเชื่อถือ เพราะเจ้าสำนัก
เจ้าชุมนุมนั้นมีลูกๆ ทำงานเป็นข้าราชการอยู่ในหน่วยงานราชการที่ต้องกินสินบาตรคาดสินบนเป็นหลักแสนหลักล้าน
และตัวลูกๆ ของเขาก็หาผลประโยชน์ใส่ตัวด้วยวิธีการที่ผิดทำนองคลองธรรม กินเงินใต้โต๊ะ
วิ่งเต้นใช้เส้นสายเพื่อให้ได้ไปอยู่ในส่วนราชการที่รายได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ถ้าดิฉันไม่เคยทำงานอยู่กรมเดียว
กับลูกๆ ของอาจารย์คนนี้ก็อาจจะคล้อยตามเหมือนท่านอื่นๆ นะคะ คงจะถูกสนตะพายเอาแล้ว
ป่านนี้ก็อาจจะใส่ชุดขาวไปนั่งฟังแกเทศนาธรรมะ (คิดแล้วขำดีค่ะ ผู้นำแบบนี้ 555)
แต่บังเอิญว่าเคยอยู่กรมเดียวกะลุกๆ แก เลยรู้ว่าแต่ละที่เป็นไง ไม่มีเส้นไม่เล่นตุกติก ใช้วิธีสกปรกอุบาทว
ไม่มีทางได้ไปแน่ๆ แต่ว่าลูกๆ อาจารย์ได้ไปอยู่ค่ะเป็นที่ๆ ต้องกินสินบาตรคาดสินบน ต้องทุจริตตามน้ำ
ป็นที่อันดับต้นๆ ติด 1 ใน 5 ของที่ที่พวกเส้นใหญ่อยากจะไปอยู่กันนัก ทำงานมาเกือบ 10 ปี แต่ละที่ที่ไปอยู่
โอ้โฮ...ถ้าเส้นไม่ใหญ่จริงไม่ได้ไปแน่นอน ไม่มีการถูกเด้ง มีแต่ไปถีบคนอื่นเขาให้ตกจากเก้าอี้แค่นั้น
และที่แน่ๆ ลูกอจารย์ก็รับเงินพวกนั้นมาด้วย ทำงานแปบเดียวได้ทรัพย์สินมามากมายร่ำรวยเกินปกติ
เห็นแล้วความเชื่อถือที่มีต่ออาจารย์หดหายจริงๆ คนแบบนี้นี่อะนะ จะมาสอนธรรมะ กระเดะมาชี้แนะทางสว่างให้คนอื่น บูชาแต่เงิน
แต่สะเอือกเอาธรรมะมาบังหน้า ตั้งสัญลักษณ์ต่าๆง ขึ้นมาเองแบบแปลกๆ มีข้อกำหนดเองอีกแบบที่เราๆ ไม่เคยได้ยิน
มาพูดว่าตัวเองได้ศึกษาถูกต้องตามพระไตรปิฎก แค่เรื่องนี้ยังผิดเห็นๆ วิ่งเต้นให้ลูกตัวเองไปรับเงินใต้โต๊ะ ทุจริต
โดยใช้การนับถือศรัทธาจากลูกศิษย์บางคนที่เป็นเมียคนใหญ่ๆ ในบ้านเมืองเรา
ดิฉันไปไม่กี่ทีเลิกไปเลยค่ะ ไม่อยากจะไหว้ให้เสียมือ มีแต่ไฮโซ เศรษฐี
ผู้มีอิทธิพลที่คลั่งธรรมะแบบแปลกๆ แบบสุดโต่ง เหมือนตั้งลัทธิกันเองชอบกล
ดิฉันไปไม่กี่หน พวกเขาจำดิฉันได้แม่นจริงอะไรจริง
ชวนไปนั่นไปนี่ ขอเบอร์ แต่ดิฉันไม่ไปหรอกค่ะ ไม่ใช่แนว
ยิ่งพอรู้ว่าลูกๆอาจารย์ทำงานอยู่ที่ไหนกีน ดิฉันก็ถึงกะเบะปากเลย โลกกลมเว่อร์
หมดความศรัทธา อาจารย์กับลูกอาจารย์ก็ยังหิวเงินใต้โต๊ะไม่ต่างจากเปรต
นี่ตรูมาันั่งฟังเปรตสอนธรรมะเหรอว้า 555
นอกจากนี้ดิฉันยังสงสัยเรื่องการทำบุญอีกด้วย ว่าจะได้บุญแน่เหรอ ถ้ามีพฤติกรรมในทางโลกชั่วๆ เช่นว่า
คนบางคนมีนิสัยชั่วแสนชั่ว โสมม ถนัดแต่แย่งของรักของคนอื่น ชอบฉกของคนอื่นเขาไป อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง
สันดานเหมือนเปรตหิวกระหาย แต่ทำไมถึง ชอบเลือกเอาการทำบุญมาบังหน้า ทำเพื่อเอาหน้า ทำเพื่อเอาใจคน เอาใจเจ้านาย เอาใจผู้ใหญ่ ให้ใครๆ เห็นว่าเป็นคนธรรมะธัมโม แต่จริงๆ ทำเพื่อหวังลาภก้อนใหญ่เป็นรางวัล
สรุปคร่าวๆ ว่า ดิฉันคือผู้สงสัยค่ะ
ดิฉันเป็นคนที่จะเชื่ออะไรก็ต่อเมื่อมันน่าเชื่อถือและศรัทธา ไม่มีอะไรเึคลือบแฝงอยู่ข้างในจริงๆ เท่านั้น
ซึ่งถ้าเป็นแบบดิฉัน ชาตินี้คงหาที่พึ่งทางใจยากค่ะ เพราะเป็นคนเชื่ออะไรยาก ถ้าไม่ได้เห็นกับตา
เป็นความสามารถเฉพาะตัว น้องๆ หนูๆ ไม่ควรเลียนแบบ อิอิ
เข้าเรื่อง...
ทำไมพระพุทธเจ้าของเราจึงเสด็จออกบวช?
เท่าที่อ่านตามประวัติจากในหนังสือเรียนตั้งแต่ประถมจนมัธยมปลาย
เจ้าชายสิทธารถ เป็นผู้ที่เกิดมามีความเพียบพร้อม อยากได้อะไรก็ได้
พระบิดาทรงสร้างปราสาทสามฤดูให้ประทับตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ทรงเรียนรู้วิชาทุกวิชาเท่าที่จะมีสอนได้
ในยุคสมัยนั้น ไม่เคยพบกับความทุกข์ เพราะพระบิดามีพระราชประสงค์ไม่ให้พระโอรสทรงเห็นความทุกข์ในโลก
ทรงหาความสำราญต่างๆ ให้พระโอรสทรงสัมผัส ด้วยทรง
คาดหวังจะให้เป็นมหาราชผู้ยิงใหญ่ในอนาคต แต่วันหนึ่งเมื่อโชคชะตาหรืออะไรก็ตามแต่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าว่า
บุคคลผู้นี้จะต้องบวช จะต้องกลายมาเป็นพระพุทธเจ้า ก็ทำให้ได้เห็นเทวฑูตทั้ง 4 กล่าวคือ
คนเกิดใหม่ คนแก่มาก คนเจ็บป่วยใกล้ตายและ นักบวช
ในประวัติที่เรียนจะบอกว่าพระองค์เห็นแล้วทรงเกิดความหดหู่ยิ่ง ปรารถนาจะหลุดจากบ่วงนี้
ทรงได้เห็นว่ามนุษย์นี้ก็มีแค่เกิด จากนั้นก็แก่ แล้วก็เจ็บป่วย จนสุดท้ายเมื่อทนความเจ็บปวดไม่ไหวก็ตายลง
วนเวียนๆ และสิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่าๆง เกิดมาก็คือ กิเลส ตัณหา ความใคร่ในเพศรส ความกระสีน
หากดับความใคร่ในกาม ย่อมไม่มีการเกิดมาบนโลก และจะไม่มีทุกข์ ศาสนาจึงสอนให้ลด ละ กิเลส
เพื่อตัดหนทางแห่งทุกข์นั้นแ่ต่ต้นไฟ
แต่ไปๆมาๆ ทำไมจึงมีเรื่องกรรม บุพเพสินนิวาส ชาติภพก่อน มาบรรจุอยู่ในศาสนาพุทธ
เหตุต่างๆ ที่ทำให้ต้องเกิด อย่างงั้นอย่างงี้ ทั้งๆ ที่เห็นๆ ก็แค่คนมีเพศสัมพันธืกันจึงมีการเกิด
เป็นเรื่องธรรมชาติของการสืบพันธุ์ แล้วทำไมจึงเอามาโยงกับกรรม บุพเพสินนิวาส อะไรแบบนี้เข่าไปอีก
ตกลงว่าทุกวันนี้ คำสอนของพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไปมากๆ แล้วใช่ไหม
เหมือนธรรมชาติของคำบอกเล่าแบบปากต่อปาก
ขนาดในโลกยุคปัจจุบัน เรื่องราวที่เล่าต่อๆ กันมาแบบคุยต่อๆ กัน
เมื่อไปถึงหูคนที่ 10 พอเล่าออกมาเรื่องมันก็กลายเป็นอีกเรื่องไปแล้ว
ระหว่างการเดินทางมาถึงคนที่ 10 ก็ถูกแต่งเสริมใส่สีเข้าไปไม่รู้เท่าไหร่
จนเรื่องจริงกลายสภาพเป็นอะไรก็ไม่ร็้
ดิฉันคิดว่า ธรรมะโดยเนื้อแท้ที่พระพุทธเจ้าเอามาสอนชาวโลก
ทกุวันนี้ที่เรารู้กัน มันคงจะเพี้ยนไปมาก
แต่ที่สงสัยมากก็คือ การออกบวชของพระพุทธเจ้ามีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่นอกจากในหนังสือเรียน
ที่กล่าวถึง
การออกบวชของคนสมัยนี้ เท่าที่เห็นๆ ก็มี
- เบื่อทางโลก เบื่อการแก่งแย่งที่วุ่นวาย อยากหนีจากสภาพบัดซบในปัจจุบัน
- อกหัก จะไม่รักใครอีกเลย
- อยากอยู่ในหนทางที่สงบ ได้ศึกษาธรรมมะไปจนลมหายใจสุดท้าย
- อยากนิพพาน
- อยากล้างบาปในอดีตที่เคยทำมา
- หลงผิด คิดว่าตัวเองจะได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าในภาคหน้า
- เป็นอาชีพที่สบายๆ มีกิน ไม่มีเงินอะไรจะได้มากเท่า เงินที่ได้มาจากความศรัทธา
ฯลฯ
เพราะเหตุใด เจ้าชายสิทธารถจึงเสด็จออกผนวชเป็นสมณะ?
ไม่นับถืออะไรเลย นอกจาก...เชื่อถือความคิดของตัวเองเป็นหลัก!! อิอิ )
ยอมรับว่าดิฉันไม่ใช่คนที่ฝักใฝ่ในการศึกษาศาสนาพุทธ หายใจเข้าออกเป็นเรื่องธรรมะขนาดนั้น
(ก็เหมือนคนทั่วๆ ไปส่วนใหญ่ในสมัยนี้น่ะแหละ)
ดิฉันไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ดีพอที่จะมาถกกับใครก็ตามที่ศึกษาเรื่องนี้มานานกว่าดิฉัน
ตัวดิฉันยังเป็นคนที่มีกิเลสหนาพันธนาการตัวและใจอยู่ค่ะ
ทุกวันนี้ยังมีความสงสัยและข้อกังขาในใจมากมาย เกี่ยวกับเรื่องของศาสนาที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือ
รวมไปถึง กลุ่มย่อยๆ ชุมนุมทางศาสนามากมายที่ตั้งขึ้นมากันเองในภายหลังซึ่งมีเยอะมาก
บ้างก็ว่าอาจารย์เจ้าสำนักนี้เจ๋งสุด ดีสุด ไปมาหลายสำนักแล้ว สำนักนี้เข้าท่าสุด
ดิฉันลองไปมาก็เฉยๆ ดูไม่น่าเชื่อถือ เพราะเจ้าสำนัก
เจ้าชุมนุมนั้นมีลูกๆ ทำงานเป็นข้าราชการอยู่ในหน่วยงานราชการที่ต้องกินสินบาตรคาดสินบนเป็นหลักแสนหลักล้าน
และตัวลูกๆ ของเขาก็หาผลประโยชน์ใส่ตัวด้วยวิธีการที่ผิดทำนองคลองธรรม กินเงินใต้โต๊ะ
วิ่งเต้นใช้เส้นสายเพื่อให้ได้ไปอยู่ในส่วนราชการที่รายได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ถ้าดิฉันไม่เคยทำงานอยู่กรมเดียว
กับลูกๆ ของอาจารย์คนนี้ก็อาจจะคล้อยตามเหมือนท่านอื่นๆ นะคะ คงจะถูกสนตะพายเอาแล้ว
ป่านนี้ก็อาจจะใส่ชุดขาวไปนั่งฟังแกเทศนาธรรมะ (คิดแล้วขำดีค่ะ ผู้นำแบบนี้ 555)
แต่บังเอิญว่าเคยอยู่กรมเดียวกะลุกๆ แก เลยรู้ว่าแต่ละที่เป็นไง ไม่มีเส้นไม่เล่นตุกติก ใช้วิธีสกปรกอุบาทว
ไม่มีทางได้ไปแน่ๆ แต่ว่าลูกๆ อาจารย์ได้ไปอยู่ค่ะเป็นที่ๆ ต้องกินสินบาตรคาดสินบน ต้องทุจริตตามน้ำ
ป็นที่อันดับต้นๆ ติด 1 ใน 5 ของที่ที่พวกเส้นใหญ่อยากจะไปอยู่กันนัก ทำงานมาเกือบ 10 ปี แต่ละที่ที่ไปอยู่
โอ้โฮ...ถ้าเส้นไม่ใหญ่จริงไม่ได้ไปแน่นอน ไม่มีการถูกเด้ง มีแต่ไปถีบคนอื่นเขาให้ตกจากเก้าอี้แค่นั้น
และที่แน่ๆ ลูกอจารย์ก็รับเงินพวกนั้นมาด้วย ทำงานแปบเดียวได้ทรัพย์สินมามากมายร่ำรวยเกินปกติ
เห็นแล้วความเชื่อถือที่มีต่ออาจารย์หดหายจริงๆ คนแบบนี้นี่อะนะ จะมาสอนธรรมะ กระเดะมาชี้แนะทางสว่างให้คนอื่น บูชาแต่เงิน
แต่สะเอือกเอาธรรมะมาบังหน้า ตั้งสัญลักษณ์ต่าๆง ขึ้นมาเองแบบแปลกๆ มีข้อกำหนดเองอีกแบบที่เราๆ ไม่เคยได้ยิน
มาพูดว่าตัวเองได้ศึกษาถูกต้องตามพระไตรปิฎก แค่เรื่องนี้ยังผิดเห็นๆ วิ่งเต้นให้ลูกตัวเองไปรับเงินใต้โต๊ะ ทุจริต
โดยใช้การนับถือศรัทธาจากลูกศิษย์บางคนที่เป็นเมียคนใหญ่ๆ ในบ้านเมืองเรา
ดิฉันไปไม่กี่ทีเลิกไปเลยค่ะ ไม่อยากจะไหว้ให้เสียมือ มีแต่ไฮโซ เศรษฐี
ผู้มีอิทธิพลที่คลั่งธรรมะแบบแปลกๆ แบบสุดโต่ง เหมือนตั้งลัทธิกันเองชอบกล
ดิฉันไปไม่กี่หน พวกเขาจำดิฉันได้แม่นจริงอะไรจริง
ชวนไปนั่นไปนี่ ขอเบอร์ แต่ดิฉันไม่ไปหรอกค่ะ ไม่ใช่แนว
ยิ่งพอรู้ว่าลูกๆอาจารย์ทำงานอยู่ที่ไหนกีน ดิฉันก็ถึงกะเบะปากเลย โลกกลมเว่อร์
หมดความศรัทธา อาจารย์กับลูกอาจารย์ก็ยังหิวเงินใต้โต๊ะไม่ต่างจากเปรต
นี่ตรูมาันั่งฟังเปรตสอนธรรมะเหรอว้า 555
นอกจากนี้ดิฉันยังสงสัยเรื่องการทำบุญอีกด้วย ว่าจะได้บุญแน่เหรอ ถ้ามีพฤติกรรมในทางโลกชั่วๆ เช่นว่า
คนบางคนมีนิสัยชั่วแสนชั่ว โสมม ถนัดแต่แย่งของรักของคนอื่น ชอบฉกของคนอื่นเขาไป อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง
สันดานเหมือนเปรตหิวกระหาย แต่ทำไมถึง ชอบเลือกเอาการทำบุญมาบังหน้า ทำเพื่อเอาหน้า ทำเพื่อเอาใจคน เอาใจเจ้านาย เอาใจผู้ใหญ่ ให้ใครๆ เห็นว่าเป็นคนธรรมะธัมโม แต่จริงๆ ทำเพื่อหวังลาภก้อนใหญ่เป็นรางวัล
สรุปคร่าวๆ ว่า ดิฉันคือผู้สงสัยค่ะ
ดิฉันเป็นคนที่จะเชื่ออะไรก็ต่อเมื่อมันน่าเชื่อถือและศรัทธา ไม่มีอะไรเึคลือบแฝงอยู่ข้างในจริงๆ เท่านั้น
ซึ่งถ้าเป็นแบบดิฉัน ชาตินี้คงหาที่พึ่งทางใจยากค่ะ เพราะเป็นคนเชื่ออะไรยาก ถ้าไม่ได้เห็นกับตา
เป็นความสามารถเฉพาะตัว น้องๆ หนูๆ ไม่ควรเลียนแบบ อิอิ
เข้าเรื่อง...
ทำไมพระพุทธเจ้าของเราจึงเสด็จออกบวช?
เท่าที่อ่านตามประวัติจากในหนังสือเรียนตั้งแต่ประถมจนมัธยมปลาย
เจ้าชายสิทธารถ เป็นผู้ที่เกิดมามีความเพียบพร้อม อยากได้อะไรก็ได้
พระบิดาทรงสร้างปราสาทสามฤดูให้ประทับตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป ทรงเรียนรู้วิชาทุกวิชาเท่าที่จะมีสอนได้
ในยุคสมัยนั้น ไม่เคยพบกับความทุกข์ เพราะพระบิดามีพระราชประสงค์ไม่ให้พระโอรสทรงเห็นความทุกข์ในโลก
ทรงหาความสำราญต่างๆ ให้พระโอรสทรงสัมผัส ด้วยทรง
คาดหวังจะให้เป็นมหาราชผู้ยิงใหญ่ในอนาคต แต่วันหนึ่งเมื่อโชคชะตาหรืออะไรก็ตามแต่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าว่า
บุคคลผู้นี้จะต้องบวช จะต้องกลายมาเป็นพระพุทธเจ้า ก็ทำให้ได้เห็นเทวฑูตทั้ง 4 กล่าวคือ
คนเกิดใหม่ คนแก่มาก คนเจ็บป่วยใกล้ตายและ นักบวช
ในประวัติที่เรียนจะบอกว่าพระองค์เห็นแล้วทรงเกิดความหดหู่ยิ่ง ปรารถนาจะหลุดจากบ่วงนี้
ทรงได้เห็นว่ามนุษย์นี้ก็มีแค่เกิด จากนั้นก็แก่ แล้วก็เจ็บป่วย จนสุดท้ายเมื่อทนความเจ็บปวดไม่ไหวก็ตายลง
วนเวียนๆ และสิ่งที่ทำให้มนุษย์ต่าๆง เกิดมาก็คือ กิเลส ตัณหา ความใคร่ในเพศรส ความกระสีน
หากดับความใคร่ในกาม ย่อมไม่มีการเกิดมาบนโลก และจะไม่มีทุกข์ ศาสนาจึงสอนให้ลด ละ กิเลส
เพื่อตัดหนทางแห่งทุกข์นั้นแ่ต่ต้นไฟ
แต่ไปๆมาๆ ทำไมจึงมีเรื่องกรรม บุพเพสินนิวาส ชาติภพก่อน มาบรรจุอยู่ในศาสนาพุทธ
เหตุต่างๆ ที่ทำให้ต้องเกิด อย่างงั้นอย่างงี้ ทั้งๆ ที่เห็นๆ ก็แค่คนมีเพศสัมพันธืกันจึงมีการเกิด
เป็นเรื่องธรรมชาติของการสืบพันธุ์ แล้วทำไมจึงเอามาโยงกับกรรม บุพเพสินนิวาส อะไรแบบนี้เข่าไปอีก
ตกลงว่าทุกวันนี้ คำสอนของพระพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไปมากๆ แล้วใช่ไหม
เหมือนธรรมชาติของคำบอกเล่าแบบปากต่อปาก
ขนาดในโลกยุคปัจจุบัน เรื่องราวที่เล่าต่อๆ กันมาแบบคุยต่อๆ กัน
เมื่อไปถึงหูคนที่ 10 พอเล่าออกมาเรื่องมันก็กลายเป็นอีกเรื่องไปแล้ว
ระหว่างการเดินทางมาถึงคนที่ 10 ก็ถูกแต่งเสริมใส่สีเข้าไปไม่รู้เท่าไหร่
จนเรื่องจริงกลายสภาพเป็นอะไรก็ไม่ร็้
ดิฉันคิดว่า ธรรมะโดยเนื้อแท้ที่พระพุทธเจ้าเอามาสอนชาวโลก
ทกุวันนี้ที่เรารู้กัน มันคงจะเพี้ยนไปมาก
แต่ที่สงสัยมากก็คือ การออกบวชของพระพุทธเจ้ามีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่นอกจากในหนังสือเรียน
ที่กล่าวถึง
การออกบวชของคนสมัยนี้ เท่าที่เห็นๆ ก็มี
- เบื่อทางโลก เบื่อการแก่งแย่งที่วุ่นวาย อยากหนีจากสภาพบัดซบในปัจจุบัน
- อกหัก จะไม่รักใครอีกเลย
- อยากอยู่ในหนทางที่สงบ ได้ศึกษาธรรมมะไปจนลมหายใจสุดท้าย
- อยากนิพพาน
- อยากล้างบาปในอดีตที่เคยทำมา
- หลงผิด คิดว่าตัวเองจะได้บรรลุเป็นพระพุทธเจ้าในภาคหน้า
- เป็นอาชีพที่สบายๆ มีกิน ไม่มีเงินอะไรจะได้มากเท่า เงินที่ได้มาจากความศรัทธา
ฯลฯ