สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 46
ขออนุญาตแบ่งปันนะคะ เรากับสามีแต่งงานมาหลายปีและไม่มีลูก จู่ๆฟ้าประทานให้มีเด็กตัวน้อยมาอยู่กับเรา
เขามาตอนอายุ 8 เดือน ตอนแรกเราช่วยแม่เขาเป็นของใช้ เช่นผ้าอ้อมสำเร็จรูป อาหาร รถเข็นเด็ก ฯลฯ
ต่อมาแม่มีปัญหาส่วนตัวทำให้ไม่สามารถดูแลเจ้าตัวน้อยนี้ได้ เรากับสามีจึงตัดสินใจรับเด็กมาเป็นลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เขาอยู่กับเราตั้งแต่ยังพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ มาหัดเดินหัดพูดที่บ้านเรานั่นแหละ เสน่ห์ของเขา...หลงรักกันทั้งบ้าน
ทั้งบ้านย่าบ้านยาย
พ่อของเด็กเป็นฝรั่ง มีความสัมพันธ์กับแม่วูบเดียวก็กลับประเทศตน(เหมือนหนังไทยเปี๊ยบ)
และเขาไม่รับรู้รับผิดชอบใดๆ ไม่มีส่วนในการเลี้ยงดูเลย เพราะเขามีแฟนอยู่แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้
เข้าประเด็น เรากับสามีเป็นคนไทยมาก ไม่มี DNA ฝรั่งแต่เด็กหน้าตาลูกครึ่งชัดเจนมาก เด็กรับรู้ว่าเขามีแม่ 2 คน
เพราะแม่เด็กมาเยี่ยมปีละ1ครั้ง( ถ้าเป็นฝรั่ง เค้าไม่ให้เยี่ยมนะคะ เขาให้ขาดกันไปเลย แต่เราก็ใช้วิธีแบบไทยๆ)
ตอบลูก 5 ขวบกว่าๆ เคยถามว่าเขามีแม่2 คน แล้วเขามีพ่อกี่คน....เราฟังแล่วอึ้ง..ไปไม่ถูก..แล้วก็บอกเค้าว่า 2 คนค่ะลูก
ทุกคนมีพ่อ 2 คน แม่มีคุณตาและพระบิดาบนสวรรค์เป็นพ่อของเรา หนูก็มีพ่อและพระบิดาบนสวรรค์เช่นกัน(เราเป็นคริสต์ค่ะ)
...รอด....
ผ่านไปอีก 1 ปี สามีเราตัดสินใจเล่าเรื่องพ่อฝรั่งให้เขาฟัง เขาก็รับฟังอย่างดีนะคะ
สาเหตุที่เล่าก็เพราะวลาไปไหนมาไหนด้วยกันชอบมีคนมาทักว่าลูกครึ่งใช่มั้ย
หล่อจัง ลูกครึ่งอะไร หล่อเหมือนพ่อแน่ๆ ฯลฯ เขาก็มักเจอคำถามแบบนี้อยู่เป็นประจำ
เราเคยดูหนังเรื่องนึง พ่อบอกกับลูกสาวว่าเขาไม่ใช่พ่อจริง ในบทสนทนาพ่อบอกว่า
"ถึงแม่ว่าลูกจะไม่ได้เติบโตมาจากร่างกายของเรา แต่ลูกเกิดในหัวใจของเรา"
เราเองก็มักบอกกับลูกเสมอว่า หนูคนพิเศษที่พระผู้เป็นเจ้าประทานพรมาให้
ถ้าไม่มีพระองคื เราคงไม่ได้พบกัน และไม่ได้รักกัน แม่รักลูกนะครับ
บอกลูกเมื่อเราพร้อม ลูกพร้อม พระผู้เป็นเจ้าจะบอกเราว่าควรเป็นเวลาใด ให้รู้จากปากของเรา
เขาอาจอยากตามหาพ่อของเขาในอนาคต ก็เป็นสิทธิของเขา ณ เวลานี้เรามีความสุข
เราให้สิ่งที่ดีกับเขา อนาคตเขาจะเป็นคนเลือกว่าจะไปทางไหน การเลือกเป็นของเขาค่ะ
เขามาตอนอายุ 8 เดือน ตอนแรกเราช่วยแม่เขาเป็นของใช้ เช่นผ้าอ้อมสำเร็จรูป อาหาร รถเข็นเด็ก ฯลฯ
ต่อมาแม่มีปัญหาส่วนตัวทำให้ไม่สามารถดูแลเจ้าตัวน้อยนี้ได้ เรากับสามีจึงตัดสินใจรับเด็กมาเป็นลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เขาอยู่กับเราตั้งแต่ยังพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ มาหัดเดินหัดพูดที่บ้านเรานั่นแหละ เสน่ห์ของเขา...หลงรักกันทั้งบ้าน
ทั้งบ้านย่าบ้านยาย
พ่อของเด็กเป็นฝรั่ง มีความสัมพันธ์กับแม่วูบเดียวก็กลับประเทศตน(เหมือนหนังไทยเปี๊ยบ)
และเขาไม่รับรู้รับผิดชอบใดๆ ไม่มีส่วนในการเลี้ยงดูเลย เพราะเขามีแฟนอยู่แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้
เข้าประเด็น เรากับสามีเป็นคนไทยมาก ไม่มี DNA ฝรั่งแต่เด็กหน้าตาลูกครึ่งชัดเจนมาก เด็กรับรู้ว่าเขามีแม่ 2 คน
เพราะแม่เด็กมาเยี่ยมปีละ1ครั้ง( ถ้าเป็นฝรั่ง เค้าไม่ให้เยี่ยมนะคะ เขาให้ขาดกันไปเลย แต่เราก็ใช้วิธีแบบไทยๆ)
ตอบลูก 5 ขวบกว่าๆ เคยถามว่าเขามีแม่2 คน แล้วเขามีพ่อกี่คน....เราฟังแล่วอึ้ง..ไปไม่ถูก..แล้วก็บอกเค้าว่า 2 คนค่ะลูก
ทุกคนมีพ่อ 2 คน แม่มีคุณตาและพระบิดาบนสวรรค์เป็นพ่อของเรา หนูก็มีพ่อและพระบิดาบนสวรรค์เช่นกัน(เราเป็นคริสต์ค่ะ)
...รอด....
ผ่านไปอีก 1 ปี สามีเราตัดสินใจเล่าเรื่องพ่อฝรั่งให้เขาฟัง เขาก็รับฟังอย่างดีนะคะ
สาเหตุที่เล่าก็เพราะวลาไปไหนมาไหนด้วยกันชอบมีคนมาทักว่าลูกครึ่งใช่มั้ย
หล่อจัง ลูกครึ่งอะไร หล่อเหมือนพ่อแน่ๆ ฯลฯ เขาก็มักเจอคำถามแบบนี้อยู่เป็นประจำ
เราเคยดูหนังเรื่องนึง พ่อบอกกับลูกสาวว่าเขาไม่ใช่พ่อจริง ในบทสนทนาพ่อบอกว่า
"ถึงแม่ว่าลูกจะไม่ได้เติบโตมาจากร่างกายของเรา แต่ลูกเกิดในหัวใจของเรา"
เราเองก็มักบอกกับลูกเสมอว่า หนูคนพิเศษที่พระผู้เป็นเจ้าประทานพรมาให้
ถ้าไม่มีพระองคื เราคงไม่ได้พบกัน และไม่ได้รักกัน แม่รักลูกนะครับ
บอกลูกเมื่อเราพร้อม ลูกพร้อม พระผู้เป็นเจ้าจะบอกเราว่าควรเป็นเวลาใด ให้รู้จากปากของเรา
เขาอาจอยากตามหาพ่อของเขาในอนาคต ก็เป็นสิทธิของเขา ณ เวลานี้เรามีความสุข
เราให้สิ่งที่ดีกับเขา อนาคตเขาจะเป็นคนเลือกว่าจะไปทางไหน การเลือกเป็นของเขาค่ะ
ความคิดเห็นที่ 3
คิดว่าไม่ควรบอกค่ะ เราเป็นเด็กกำพร้าพ่อขอมาเลี้ยงเหมือน ที่ จขกท.ขอเด็กมาเลี้ยงทุกอย่างเลยค่ะ
แล้วอยู่มาวันนึงพ่อก็บอก ความลับ กับเรา ใจนึงก็คิดว่าก็ดีแล้วพ่อแม่ก็ยังรักเรา และรักมาก
แต่อีกใจนึงเหมือนเป็นด้านมืด ครุ่นคิดแต่ว่า ทำไมเขาทิ้งเรา เขาเป็นใคร ตอนนี้เขาทำอะไร
สารพัดคำถามเป็น ? อยู่ตลอดเวลา ทุกวันนี้ถึงจะอยู่ดีมีสุขก็ตาม แต่ต้องคิดแน่นอนค่ะ เพราะงั้น
อย่าบอกเลยค่ะ พอเขาโต เขาคิดเป็นคิดได้ เขาจะคิดไม่หยุดค่ะ อีกอย่าง ถ้าเขารู้ว่าพ่อแม่แท้ๆ
ไม่มีเงิน อยากจน เขาอาจจะเกลียดตัวเองก็ได้ค่ะ
แล้วอยู่มาวันนึงพ่อก็บอก ความลับ กับเรา ใจนึงก็คิดว่าก็ดีแล้วพ่อแม่ก็ยังรักเรา และรักมาก
แต่อีกใจนึงเหมือนเป็นด้านมืด ครุ่นคิดแต่ว่า ทำไมเขาทิ้งเรา เขาเป็นใคร ตอนนี้เขาทำอะไร
สารพัดคำถามเป็น ? อยู่ตลอดเวลา ทุกวันนี้ถึงจะอยู่ดีมีสุขก็ตาม แต่ต้องคิดแน่นอนค่ะ เพราะงั้น
อย่าบอกเลยค่ะ พอเขาโต เขาคิดเป็นคิดได้ เขาจะคิดไม่หยุดค่ะ อีกอย่าง ถ้าเขารู้ว่าพ่อแม่แท้ๆ
ไม่มีเงิน อยากจน เขาอาจจะเกลียดตัวเองก็ได้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 61
เป็นเหมือน จขกท เลยคะได้เด็กมาโดยไม่ตั้งใจเป็นเด็กผู้หญิง ได้มาตอนน้องอายุได้3วันคือไม่เอามา แม่น้องคงทิ้งไว้ที่โรงพยาบาล เรื่องนี้เหมือนนิยายมากๆเลยคะ ดราม่าสุดๆแต่
ขอเข้ามาตอบละกันนะคะ ไว้ค่อยเรียบเรียงเรื่องมาตั้งกระทู้อีกที ทุกวันนี้เลี้ยงมาจะ5ปีละคะ เล่าความจริงน้องมาตลอด เพราะเคยอ่านเกี่ยวกับจิตวิทยา ว่ารู้ทีหลังแล้ว. ส่วนใหญ่รับไม่ได้ อาจจะใจแตก ดิฉันไปทำเรื่องรับรองบุตรบุญธรรมด้วยนะคะ ค่อนข้างยุ่งยากสุดๆ เพราะไม่ใช่สายเลือด ญาติพี่น้อง แถมสเตเตด โสดคะ(มีแฟนแต่ยังไม่แต่ง) เลยเช็คกันอยู่นาน 2ปีก็ได้ใบรอบรองมากอด(โครตดีใจเลย) แต่เล่านะคะ เค้าจะได้ยินจนชิน จนไม่ใส่ใจคะ สำคัญเราต้องเลี้ยงเค้าให้เหมือนลูกแท้ๆของเราเลยคะ น้องคนนี้ เรียนโรงเรียนดีๆ เสื้อผ้า ของเล่น เรียนพิเศษ เราทุ่มเต็มที่เลยคะแต่ไม่ได้ตามใจอะไรนะคะ แค่รักและถ้าเป็นลูกจริงๆคงต้องให้แบบนี้เหมือนกัน เริ่มๆช่วงเล่าก็เล่าเป็นนิทานก่อน แล้วค่อยเพิ่มตัวละคร เค้าฟังบ่อยๆ เค้าจะเริ่มชินแล้วก็เฉยๆ พาไปทำบุญบ่อยมากบอกเค้าว่า ชาติที่แล้วหนูทำบุญน้อยไปไม่ได้เกิดในท้องแม่ ชาตินี้เป็นลูกแม่แล้วต้องทำบุญเยอะๆชาติหน้าจะได้อยู่ด้วยกันอีก เค้าก็เข้าใจนะไม่มีน้อยอก น้อยใจ เพราะความรักมันชดเชยได้จริงๆนะคะ แฟนเราบอกไม่ให้บอกลูก เราก็บอกว่าต้องบอก มันคือความจริง เราควรรับความจริงให้ได้ก่อน แล้วเราจะสอนเค้าให้ได้ดี ขอแค่นั้นเองคะ
ขอเข้ามาตอบละกันนะคะ ไว้ค่อยเรียบเรียงเรื่องมาตั้งกระทู้อีกที ทุกวันนี้เลี้ยงมาจะ5ปีละคะ เล่าความจริงน้องมาตลอด เพราะเคยอ่านเกี่ยวกับจิตวิทยา ว่ารู้ทีหลังแล้ว. ส่วนใหญ่รับไม่ได้ อาจจะใจแตก ดิฉันไปทำเรื่องรับรองบุตรบุญธรรมด้วยนะคะ ค่อนข้างยุ่งยากสุดๆ เพราะไม่ใช่สายเลือด ญาติพี่น้อง แถมสเตเตด โสดคะ(มีแฟนแต่ยังไม่แต่ง) เลยเช็คกันอยู่นาน 2ปีก็ได้ใบรอบรองมากอด(โครตดีใจเลย) แต่เล่านะคะ เค้าจะได้ยินจนชิน จนไม่ใส่ใจคะ สำคัญเราต้องเลี้ยงเค้าให้เหมือนลูกแท้ๆของเราเลยคะ น้องคนนี้ เรียนโรงเรียนดีๆ เสื้อผ้า ของเล่น เรียนพิเศษ เราทุ่มเต็มที่เลยคะแต่ไม่ได้ตามใจอะไรนะคะ แค่รักและถ้าเป็นลูกจริงๆคงต้องให้แบบนี้เหมือนกัน เริ่มๆช่วงเล่าก็เล่าเป็นนิทานก่อน แล้วค่อยเพิ่มตัวละคร เค้าฟังบ่อยๆ เค้าจะเริ่มชินแล้วก็เฉยๆ พาไปทำบุญบ่อยมากบอกเค้าว่า ชาติที่แล้วหนูทำบุญน้อยไปไม่ได้เกิดในท้องแม่ ชาตินี้เป็นลูกแม่แล้วต้องทำบุญเยอะๆชาติหน้าจะได้อยู่ด้วยกันอีก เค้าก็เข้าใจนะไม่มีน้อยอก น้อยใจ เพราะความรักมันชดเชยได้จริงๆนะคะ แฟนเราบอกไม่ให้บอกลูก เราก็บอกว่าต้องบอก มันคือความจริง เราควรรับความจริงให้ได้ก่อน แล้วเราจะสอนเค้าให้ได้ดี ขอแค่นั้นเองคะ
ความคิดเห็นที่ 54
ขอตอบเจ้าของกระทู้นะคะ ไม่แน่ใจว่ายังมาอ่านมั้ย
บอกก่อนว่าตัวเองทำงานเป็นนักจิตวิทยานะคะ
เจอเด็กวัยรุ่นหลายคนที่เพิ่งมารู้เองตอนโต แล้วหนีเตลิดเปิดเปิง รู้สึกโลกถล่มฟ้าดินทลาย รับไม่ได้ที่เหมือนโดนหลอกลวงมาทั้งชีวิต
ปกติจึงจะแนะนำคนที่มาทำเรื่องรับบุตรบุญธรรมว่า ควรบอกให้เค้ารู้จากปากของพ่อของแม่ดีที่สุดค่ะ
ความลับไม่มีในโลก จริงๆนะคะ
เดี๋ยวพอเค้าเริ่มพูดเก่ง เริ่มตั้งคำถามเป็น คุณจะเริ่มได้ยินคำถามประมาณว่า ไหนภาพตอนที่แม่ท้องหนู หนูเกิดที่ไหน ตอนคลอดเป็นยังไง เป็นต้นซึ่งถ้าเราตอบแบบโกหก หรือ อึกๆอักๆ เด็กเค้ารู้นะคะว่ามันไม่ใช่ความจริง มันก็จะเป็นข้อสงสัยในใจตลอดเวลา
แล้ววันหนึ่งถ้าเค้ารู้ความจริงขึ้นมา วันนั้นแหละค่ะที่เค้าจะออกห่างเราไปอย่างกู่ไม่กลับ
ไม่ใช่เพราะเค้าเห็นเป็นพ่อแม่บุญธรรมเลยไม่อยากเป็นลูก
แต่เป็นเพราะคนที่รักที่สุด ไว้ใจที่สุด หลอกลวงเค้า
แบบนี้เค้าจะเชื่ออะไรจากพ่อแม่ได้อีก จริงมั้ยคะ
วิธีการบอกเบื้องต้น ง่ายๆถ้าเป็นเด็กๆ ก็คือ ตอบเท่าที่เค้าถาม และ ตอบความจริง
หรือ อาจใช้นิทานที่เกี่ยวกับลูกเลี้ยง พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง เล่าให้น้องฟังตั้งแต่เด็กๆ
ให้เค้าเติบโตมากับความรู้สึกที่ว่า สิ่งนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเลวร้าย
ไม่ว่าจะยังไงพ่อแม่ก็ยังเป็นคนที่รักเค้าที่สุด และ ไม่เคยคิดทำร้ายหรือโกหกเค้า
ถ้าอยากได้วิธีการบอกที่ละเอียด สามารถปรึกษาพวกสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน หรือเด็กกำพร้าได้ค่ะ
คิดว่าน่าจะมี คำแนะนำที่ละเอียดและนำไปใช้ได้จริงมากกว่านี้ค่ะ
บอกก่อนว่าตัวเองทำงานเป็นนักจิตวิทยานะคะ
เจอเด็กวัยรุ่นหลายคนที่เพิ่งมารู้เองตอนโต แล้วหนีเตลิดเปิดเปิง รู้สึกโลกถล่มฟ้าดินทลาย รับไม่ได้ที่เหมือนโดนหลอกลวงมาทั้งชีวิต
ปกติจึงจะแนะนำคนที่มาทำเรื่องรับบุตรบุญธรรมว่า ควรบอกให้เค้ารู้จากปากของพ่อของแม่ดีที่สุดค่ะ
ความลับไม่มีในโลก จริงๆนะคะ
เดี๋ยวพอเค้าเริ่มพูดเก่ง เริ่มตั้งคำถามเป็น คุณจะเริ่มได้ยินคำถามประมาณว่า ไหนภาพตอนที่แม่ท้องหนู หนูเกิดที่ไหน ตอนคลอดเป็นยังไง เป็นต้นซึ่งถ้าเราตอบแบบโกหก หรือ อึกๆอักๆ เด็กเค้ารู้นะคะว่ามันไม่ใช่ความจริง มันก็จะเป็นข้อสงสัยในใจตลอดเวลา
แล้ววันหนึ่งถ้าเค้ารู้ความจริงขึ้นมา วันนั้นแหละค่ะที่เค้าจะออกห่างเราไปอย่างกู่ไม่กลับ
ไม่ใช่เพราะเค้าเห็นเป็นพ่อแม่บุญธรรมเลยไม่อยากเป็นลูก
แต่เป็นเพราะคนที่รักที่สุด ไว้ใจที่สุด หลอกลวงเค้า
แบบนี้เค้าจะเชื่ออะไรจากพ่อแม่ได้อีก จริงมั้ยคะ
วิธีการบอกเบื้องต้น ง่ายๆถ้าเป็นเด็กๆ ก็คือ ตอบเท่าที่เค้าถาม และ ตอบความจริง
หรือ อาจใช้นิทานที่เกี่ยวกับลูกเลี้ยง พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง เล่าให้น้องฟังตั้งแต่เด็กๆ
ให้เค้าเติบโตมากับความรู้สึกที่ว่า สิ่งนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเลวร้าย
ไม่ว่าจะยังไงพ่อแม่ก็ยังเป็นคนที่รักเค้าที่สุด และ ไม่เคยคิดทำร้ายหรือโกหกเค้า
ถ้าอยากได้วิธีการบอกที่ละเอียด สามารถปรึกษาพวกสถานสงเคราะห์เด็กอ่อน หรือเด็กกำพร้าได้ค่ะ
คิดว่าน่าจะมี คำแนะนำที่ละเอียดและนำไปใช้ได้จริงมากกว่านี้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 42
ผมขอแนะนำให้ ตรวจเลือด ให้ชัดเจนก่อนครับ ทั้ง คุณ จขกท ภรรยา และเด็ก แล้วค่อยตัดสินใจ
ถ้าหาก กรุ๊บเลือดเดียวกัน หรือ ใกล้เคียงกัน ก็ไม่จำเป็นต้องบอกครับ
แต่ถ้าเป็น กรุ๊ปเลือด ที่ดูยังไงก็ไม่มีวัน จะเป็น ครอบครัวเดียวกันได้ แนะนำให้บอกไปครับ
เพราะยังไงความจริงก็คือความจริงหนีไม่พ้น .....
ถ้าหาก กรุ๊บเลือดเดียวกัน หรือ ใกล้เคียงกัน ก็ไม่จำเป็นต้องบอกครับ
แต่ถ้าเป็น กรุ๊ปเลือด ที่ดูยังไงก็ไม่มีวัน จะเป็น ครอบครัวเดียวกันได้ แนะนำให้บอกไปครับ
เพราะยังไงความจริงก็คือความจริงหนีไม่พ้น .....
แสดงความคิดเห็น
ความลับนี้ ผมจะเก็บไว้จนตายไปกับผมดีมั้ย หรือว่าบอกเค้าดีครับ
ตอนนี้ผมกับลูกชายอยู่กัน สองคน เรารักกันมากครับ เขาเป็นเหมือน แก้วตาดวงใจของผม ไม่มีใครรู้ นอกจากที่พันทิพย์ครับ เพราะคนที่รู้ก็อยู่ที่เมืองจีนหมด เพราะที่เมืองไทย ผมบอกว่าเป็นลูกแท้ๆผมหมดครับ แต่โชคดี ยังหน้าตาคล้ายผมอยู่บ้าง.... หรือผมสมควรนบอกตอนใหนดีครับ ใจหนึ่งก็กลัวเขาน้อยใจครับ ขอบคุณมากครับ