ปล่อยเงินกู้ไป 40000 บาท แต่ครบสัญญาแล้วลูกหนี้ไม่จ่าย คำถามครับ
1. การฟ้องร้องหากผมชนะคดี ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมถึงค่าทนายของผมใช่ไหมครับ และปกติศาลจะตัดสินให้ลูกหนี้จ่ายคืนให้ผมเป็นก้อนเลย(หมายถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมดตอนฟ้องร้องรวมค่าจ้างทนาย) หรือผ่อนชำระเป็นรายเดือนโดยรวมกับยอดเงินผ่อนในแต่ละเดือนที่เป็นคำตัดสินของศาลครับ
2. ทราบมาว่าค่าจ้างทนายตามคำพิพากษาของศาลจะน้อยกว่าที่ผมจ่ายไปจริงใช่หรือไม่ครับ
3. วงเงิน 40000 บาท ค่าจ้างทนายเท่าไหร่ครับที่ผมต้องออกไปก่อน และหากมีคำพิพากษาของศาลแล้วว่าผมชนะคดีศาลจะกำหนดค่าจ้างทนายให้ประมาณเท่าไหร่ครับ (ส่วนนี้ลูกหนี้ต้องจ่ายคืนให้ผมด้วยใช่ไหมครับ)
4. เมื่อ 5 เดือนก่อนผมเคยยกทรัพย์ลูกหนี้มา และเขาไปแจ้งความ มีคนโทรหาผมว่าเป็นจนท.ตำรวจบอกว่าหากนำของไปคืนจะไม่ดำเนินคดี และผมคืนของไปแล้ว เลยไม่ทราบว่าเขาได้ลงบันทึกประจำวันไปรึยัง นี่ก็ 5 เดือนแล้วก็ไม่มีโทรศัพท์หรือหมายเรียกมาที่ผม แสดงว่าเขายังไม่ลงบันทึกประจำวันใช่หรือไม่ และจะมีผลกับการฟ้องรัองสัญญาเงินกู้ไหมครับ
5. จากข้อ 4 คดีมีโอกาสพลิกไปทางเขาไหมครับ และตอนเก็บดอกไม่ได้ผมก็ว่าเขาไปเยอะเหมือนกัน เขาจะเอาคำต่อว่าของผมไปฟ้องศาลในเรื่องอะไรได้บ้าง
6. การปรึกษาเรื่องคดี หรือการจ้างทนายควรไปคุยกับนิติกรศาลเพื่อขอคำแนะนำในการดำเนินคดีใช่หรือไม่
7. กรณีที่มีหนังสือจากศาลหรือจากทนายที่ว่าจ้างไปที่ลูกหนี้ หากหลังจากนั้นลูกหนี้ย้ายบ้านหนีหรือขายทรัพย์สินออกไป จะดำเนินดคีกับลูกหนี้ได้หรือไม่
8. คำพิพากษาของศาลในครั้งแรก จะหมายรวมถึงหากลูกหนี้ผิดนัดชำระตามคำตัดสินของศาลแล้ว เจ้าหนี้สามารถให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์สินลูกหนี้ได้เลยรึเปล่าครับ หรือว่าหากลูกหนี้เบี้ยวหนี้แล้วผมต้องไปติดต่อกรมบังคับคดีใหม่หรือไม่ (เหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่)
9. จากคำถามข้อ 8 ผมต้องเริ่มต้นมีค่าใช้จ่ายในการบังคับคดีอีกใช่หรือไม่ ประมาณเท่าไหร่ครับ
10. หากลูกหนี้ให้การกับศาลว่ามีความสามารถในการผ่อนชำระเดือนละ 100 หรือ 500 บาท (แม้ว่าความจริงอาจผ่อนได้มากกว่านี้ก็ตาม เพราะตอนผ่อนดอกผมผ่อนได้เดือนละ 3000) ศาลจะให้ตามที่ลูกหนี้แจ้งมาหรือไม่ครับ ลูกหนี้เปิดร้านเสริมสวยครับ
11. หากลูกหนี้อ้างว่าไม่มีเงินผ่อนหรือไม่มีทรัพย์สินให้ยึดหรือขายทอดตลาด เราก็ทำอะไรลูกหนี้ไม่ได้เลยรึเปล่าครับ
เงินแค่นี้หากฟ้องคุ้มกันหรือไม่
1. การฟ้องร้องหากผมชนะคดี ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมถึงค่าทนายของผมใช่ไหมครับ และปกติศาลจะตัดสินให้ลูกหนี้จ่ายคืนให้ผมเป็นก้อนเลย(หมายถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมดตอนฟ้องร้องรวมค่าจ้างทนาย) หรือผ่อนชำระเป็นรายเดือนโดยรวมกับยอดเงินผ่อนในแต่ละเดือนที่เป็นคำตัดสินของศาลครับ
2. ทราบมาว่าค่าจ้างทนายตามคำพิพากษาของศาลจะน้อยกว่าที่ผมจ่ายไปจริงใช่หรือไม่ครับ
3. วงเงิน 40000 บาท ค่าจ้างทนายเท่าไหร่ครับที่ผมต้องออกไปก่อน และหากมีคำพิพากษาของศาลแล้วว่าผมชนะคดีศาลจะกำหนดค่าจ้างทนายให้ประมาณเท่าไหร่ครับ (ส่วนนี้ลูกหนี้ต้องจ่ายคืนให้ผมด้วยใช่ไหมครับ)
4. เมื่อ 5 เดือนก่อนผมเคยยกทรัพย์ลูกหนี้มา และเขาไปแจ้งความ มีคนโทรหาผมว่าเป็นจนท.ตำรวจบอกว่าหากนำของไปคืนจะไม่ดำเนินคดี และผมคืนของไปแล้ว เลยไม่ทราบว่าเขาได้ลงบันทึกประจำวันไปรึยัง นี่ก็ 5 เดือนแล้วก็ไม่มีโทรศัพท์หรือหมายเรียกมาที่ผม แสดงว่าเขายังไม่ลงบันทึกประจำวันใช่หรือไม่ และจะมีผลกับการฟ้องรัองสัญญาเงินกู้ไหมครับ
5. จากข้อ 4 คดีมีโอกาสพลิกไปทางเขาไหมครับ และตอนเก็บดอกไม่ได้ผมก็ว่าเขาไปเยอะเหมือนกัน เขาจะเอาคำต่อว่าของผมไปฟ้องศาลในเรื่องอะไรได้บ้าง
6. การปรึกษาเรื่องคดี หรือการจ้างทนายควรไปคุยกับนิติกรศาลเพื่อขอคำแนะนำในการดำเนินคดีใช่หรือไม่
7. กรณีที่มีหนังสือจากศาลหรือจากทนายที่ว่าจ้างไปที่ลูกหนี้ หากหลังจากนั้นลูกหนี้ย้ายบ้านหนีหรือขายทรัพย์สินออกไป จะดำเนินดคีกับลูกหนี้ได้หรือไม่
8. คำพิพากษาของศาลในครั้งแรก จะหมายรวมถึงหากลูกหนี้ผิดนัดชำระตามคำตัดสินของศาลแล้ว เจ้าหนี้สามารถให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์สินลูกหนี้ได้เลยรึเปล่าครับ หรือว่าหากลูกหนี้เบี้ยวหนี้แล้วผมต้องไปติดต่อกรมบังคับคดีใหม่หรือไม่ (เหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่)
9. จากคำถามข้อ 8 ผมต้องเริ่มต้นมีค่าใช้จ่ายในการบังคับคดีอีกใช่หรือไม่ ประมาณเท่าไหร่ครับ
10. หากลูกหนี้ให้การกับศาลว่ามีความสามารถในการผ่อนชำระเดือนละ 100 หรือ 500 บาท (แม้ว่าความจริงอาจผ่อนได้มากกว่านี้ก็ตาม เพราะตอนผ่อนดอกผมผ่อนได้เดือนละ 3000) ศาลจะให้ตามที่ลูกหนี้แจ้งมาหรือไม่ครับ ลูกหนี้เปิดร้านเสริมสวยครับ
11. หากลูกหนี้อ้างว่าไม่มีเงินผ่อนหรือไม่มีทรัพย์สินให้ยึดหรือขายทอดตลาด เราก็ทำอะไรลูกหนี้ไม่ได้เลยรึเปล่าครับ