สว้สดีค่ะ ทุกคน ขอแทนตัวเองว่าหลินนะคะ พอดีว่าหลินมีที่ดินติดกับแม่น้ำค่า ที่ดินนี้เกิดจากการทับถมของดินตะกอนแม่น้ำและแม่น้ำเปลี่ยนทิศทางการไหล จนเกิดเป็นที่ดินเนื้องอกขึ้นมา คุณตาของหลินจึงมีสิทธิครอบครองเพราะที่ดินนี้อยู่หน้าบ้านของหลินพอดีเลย กฎหมายในสมัยนั้นบอกว่า พื้นที่นี้อยู่หน้าบ้านใครก็เป็นของคนนั้นไปเลย คุณตาก็เลยเพาะปลูก และทำมาหากินบนพื้นที่นั้น มาได้ประมาณ 40 ปี เห็นจะได้ค่ะ ซึ่งตามหลักแล้ว หากเราครอบครองเกิน 15 ปีเราสามารถออกใบครอบครองทำกินได้ใช่มั้ยคะ แต่เมื่อปี 2547 ทางอำเภอ ได้จัดโครงการอำเภอเคลื่อนที่เพื่อออกใบ นส.๓ ให้กับคนที่ครอบครองพิ้นที่เนื้องอกริมแม่น้ำ โดยให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้จัดการเรื่อง แต่ทางผู้ใหญ่บ้านกลับมาขอเงินจากคุณตา 15000 บาท เป็นค่าโฉนด คุณตาของหลินไม่มีให้ค่ะ เรื่องมันก็เลยเงียบไป พอไม่นาน ผู้ใหญ่บ้านคนเดิม ก็มาขอแบ่งที่ดินครึ่งหนึ่งเป็นค่าทำโฉนด คุณตาไม่ให้ค่ะ เรื่องก็เลยเงียบหายไปจนทุกวันนี้ ต่อมาไม่นานหน้าบ้านหลินมีการขุดลอกทำท่อระบายน้ำค่ะ คนทำถนนไม่รู้จะเอาดินที่ขุดไปทิ้งที่ไหน เขาเลยมาขอทิ้งในพื้นที่ตรงนี้ คุณตาก็ยอมเพราะจะได้เป็นการปรับที่ดินให้เท่ากับถนนไปในตัว พอที่ดินสวยงามเท่าขอบถนนแล้ว ทางเทศบาลตำบลก็มาขอแบ่งไปครึ่งหนึ่งเพื่อเอาไปสร้างศาลาอเนกประสงค์ คุณตาก็ยกให้เพราะเห็นแก่ที่ขอ ง้อ ตื้อ มานาน แล้วก็เกิดศาลาอเนกประสงค์ขึ้น ยังไม่จบแค่นั้น ตอนนี้ทางเทศบาลจะมาขอพื้นที่ที่เหลือ ไปทำที่จอดรถ คุณอาไม่ยอมค่า เลยล้อมรั้วพื้นที่ที่เหลือซะเลย แล้วคุณอาก็จะสร้างร้านค้าขึ้นค่ะ กำลังจะลงเสาอยู้แล้ว คนของเทศบาลก็มาบอกว่าห้ามทำ เราไม่มีสิทธิ?? งงมากเลยค่ะ เราครอบครองมานาน ทำไมเราไม่มีสิทธิ คุณอาก็เลยยกเลิกการสร้างไป เพราะถ้าเราสร้างแล้วเขามารื้อ เงินก็จะสูญไปเปล่าๆๆ ก็เลยทำได้แค่ปลูกต้นไม่ต่อไปค่ะ แต่เมื่อเดือนก่อนนี้เอง ทางเทศบาลได้วานคนจากกรมที่ดินมาปักหมุดค่า ปักหมุดล้อมรอบที่ดินของหลิน และศาลาอเนกประสงค์เลย แล้วเอาไปขึ้นเป็นโฉนด นสร. เฉยเลยค่า โดยที่ครอบครัวหลินไม่รับรู้เลยว่ามีใครมาปักหมุด ไปเห็นอีกทีหมุดก็ปักเสร็จแล้ว ครอบครัวของหลินจึงไปถามในเทศบาลค่า ได้คำตอบว่า เขาจะเอาที่ดินทั้งหมดไปออกโฉนด นสร. เป็นที่ดินสาธารณะโดยอยู่ในความดูแลของเทศบาลค่า แล้วจะเอาที่ดินที่เหลือ ไปทำเป็นโรงรับจำนำของหมู่บ้าน คือหลินงงมากเลยค่ะ เขาไม่มาถามเราซักนิด แล้วมายึดที่ดินของเราไป ทั้งๆที่ในที่ดินก็มีต้นไม่ที่เราปลูกไว้เยอะเยะ มีบ้านอีก 1 หลัง แบบนี้จะมาอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นที่ดินของใคร มันดูน่าเกลียดไปนะคะ แล้วตอนนี้ทางเทศบาลกำลังรอมตติจากหมู่บ้านว่าจะให้ทำการสร้างโรงรับจำนำหรือไม่ ถ้ามตตินี้ผ่านเขาจะดำเนินเรื่องไปที่อำเภอ และออดโฉนด นสร.ได้อย่างสมบูรณ์เลยค่ะ และถึงแม้ว่ามตตินี้จะไม่ผ่าน ทางเทศบาลก็จะเอาที่ดินตรงนี้อยู่ดีค่ะ เพราะเขาอ้างเรื่องการปักหมุดไปแล้ว หลินควรทำอย่างไรดีคะ ครอบครัวหลินก็เป็นคนหาเช้ากินค่ำ ที่ดินผืนนี้ก็เป็นมรดกตกทอดมา ยอมรับค่ะว่าคนในครอบครัวไม่มีความรู้ด้านกฎหมายเลย ครั้นจะให้ไปฟ้องร้องเอากับเทศบาล เราก็คงสู้กำลังทรัพย์ และความเชี่ยวชาญของเขาไม่ได้ วานขอผู้รู้ให้คำปรึกษาทีนะคะ ช่วยหน่อยนะคะ ทุกข์ใจมากจริงๆ ขอบคุณค่ะ
ปรึกษาปัญหาที่ดินเนื้องอกตะหลิ่งแม่น้ำ