{{Preview & Spoil}] The Hobbit: The Desolation of Smaug เหตุการณ์สู่ตำนานที่เล่าขาน

เนื้อหานี้มี Spoil จัดเต็มครับ

จากที่ได้ลองไปดูในรอบ 12:00 ของ โรงหนังเมเจอร์ ฮอลลีวู๊ด รามคำแหง ต้องมาขอพรีวิวหนังสักหน่อยครับว่า




เรื่องราวในภาค 2 เป็นบทต่อเนื่องจากภาค 1 ที่ธอรินกับบิลโบ้และพรรคพวกหนีตายจากออร์คของอาซ็อคเพื่อหาทางไปยังเอเรบอร์แล้วปราบมังกรสม็อกเพื่อกอบกู้บ้านเกิด การเดินทางได้เจอความโหดร้ายของธรรมชาติที่ถูกความมืดกลืนกิน มนตรา และ ความทุกข์ของมนุษย์เดินดิน ยาวไปถึง เผ่าพันธุ์อื่นที่อยู่ร่วมใน มิดเดิ้ลเอิร์ธ แบบเหมารวมว่าไม่ใช่แค่เพียงพวกธอรินเท่านั้นที่กำลังทุกข์แต่พวกข้าก็เป็นด้วย



คำว่า The Desolation of Smaug หรือ ดินแดนอันเปลี่ยวร้างของสม็อก ตามชื่อภาค เป็นการตั้งชื่อภาคที่มีความหมายในแบบโดยรวมและคือ

ความทุกข์ทรมาน และ โศกเศร้า - คนแคระ
ความอดอยากแร้งแค้น - หมู่บ้านริมแม่น้ำ
โทสะ โอหัง และ หยิ่งยะโส - อาซ็อค
การสร้างภาพพจน์แต่แท้จริงเน่าเฟะ - ธรันดูริล

โดยรวมออกมาทั้งหมดยังดินแดนอันเปรียบได้กับตายไปแล้ว ทั้งผู้คน สัตว์ กระทั้งจิตใจของคน

สิ่งที่เนื้อหาในภาคนี้สื่อออกมาเป็นการขยายความของ ความหายนะจากสัตว์ประหลาดยักษ์เพียงตัวเดียว และ ความมืดที่เริ่มการก่อตัวขึ้นเพื่อเริ่มต้นสงครามไตรภาคใน LOTR ทั้ง 3 ภาค



ถ้าภาค 1 คือการเล่าถึงความทุกข์ทรมานของคนแคระที่ต้องเสียบ้านเกิดเมืองนอนกลายเป็นคนไร้บ้าน และ ไม่มีวันลืมวันนั้นที่อสูรกายยักษ์เอาความสุขไปจนหมด
ภาค 2 ก็คือการขยายความแบบวงกว้าง โดยเล่าสื่อออกมาทาง หมู่บ้านริมแม่น้ำติดกับซากเมืองเดล ที่ในเรื่องเล่าจากปากของ ธอรินว่า

" เมืองนี้ที่ข้าเคยเห็นสมัยก่อนเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ เรือทุกลำบรรทุเส้นไหมและเพชรพลอยไว้เต็มลำ "

และสิ่งที่ บาร์ด พูดออกมาในตอนกลางเรื่องว่า ( บาร์ดเหมือนคนที่จมปลักกับความผิดพลาดและไม่สำเร็จของบรรพบุรุธตัวเองมากกว่า )

" เมืองนี้อดอยากแร้งแค้น ข้าวยากหมากแพง ผู้คนทนทุกข์ " ( ยาวไปอีกคือมีผู้นำที่ปกครองเป็นเผด็จการบอกว่าเลือกตั้งใหม่ก็ไม่ยอม )
" พวกเจ้าจำวันนั้นที่มันเผาคนของพวกเราเป็นธุลีได้เปล่า!!! "

เห็นได้ชัดว่า นอกจากทุกอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมอย่างบ้านเมืองต้องพินาศด้วยแล้ว สิ่งที่เป็นนามธรรมอย่าง จิตใจของผู้คนไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหนก็ถูกทำลายหรือเปลี่ยนไปในทางที่ย่ำแย่เช่นกัน

แต่ถึงกระนั้นก็เหมือนกับตำนานของกล่องแพนโดร่าที่ว่า " ความชั่วร้ายในกล่องถูกเปิดออกมา เมื่อนั้นที่ความหวังใต้กล่องจะปรากฏออกมาเพื่อนำแสงสว่างกลับคืนมา " สิ่งที่ผู้คนในหมู่บ้านริมแม่น้ำเล่าขับขานกันมาก็คือ " คำทำนายของบุตรแห่งธงสีน้ำเงิน จะกลับมาเพื่อกอบกู้แสงสว่าง " ซึ่งก็คือ ธอริน และ พรรคพวก



โดยตัวชูโรง (แย่งซีน) ของภาคนี้ยังไงก็ต้องไม่พ้น สม็อกมังกรหายนะจากแดนเหนือที่ทำให้เกิดเรื่องราวได้ถึงขนาดนี้ หนังดึงความอลังการและความเกรงขามของมันรวมไปถึงความเจ้าเล่ห์และโลภมากเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์เพียงมันคือสัตว์ร้ายเท่านั้นออกมาได้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้นกว่าเดิมที่บทออกมาแค่ว่าต้องการนอนแช่ทองก็คือ

" ข้าเนี่ยแหละ King of the Mountain "
" เกราะของข้ามิอาจมีสิ่งใดทะลวง ปีกของข้าคือพายุร้าย กรงเล็บของข้าคือหอก เพลิงของข้าคือความกาฬ และ ข้าคือความตาย "

ขอพูดถึงแค่นี้นะครับ จากนี้จะเป็นพูดถึงตัวหนังโดยรวม


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

บท - ภาคนี้บทเดินแบบต่อเนื่องและกระชับในตัวของมัน ทั้งสามารถเขียนออกมาให้เห็นมุมมองที่ตลกขบขันในตัวเรื่องจนจบ ตั้งแต่ฉากต่อสู้บนแม่น้ำและการเหยียบหัวไม่ดูใครของเลโกลัส หรือ บอมเบอร์และถังไวน์

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จนถึงการสื่อความรู้สึกของตัวละครในยามที่กำลัง สิ้นหวัง ดีอกดีใจ ความหวังที่ใกล้เข้ามา ไปถึงสิ่งที่จะเล่าต่อมาในภาคหลังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตอย่างเช่น ความอยากในแหวนเอกของเซารอนที่บิลโบ้แสดงออกมาจนใกล้จะเป็นกอลลั่มในช่วงแรกของหนัง

จนไปถึงการเกลี่ยบทที่ไม่ใช่แค่เดินเรื่องโดยผ่านทางมุมมองของธอรินและบิลโบ้เพียงอย่างเดียว แต่เล่าถึงแต่ละฝ่ายที่ทุกอย่างจะมาบรรจบลงในภาคสุดท้าย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ฉากต่อสู้ - ยังคงความต่อเนื่องและรวดเร็วแต่เข้าใจได้ง่าย มีจังหวะ ตั้งแต่การลุยดุจสายลมของเอลฟ์ และ ฉากตอนท้ายกับการสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของพวกธอรินกับสม็อกในอาณาจักรเอเรบอร์ด้วยภูมิปัญญาเผ่าพันธุ์

( การต่อสู้ของหนังดำเนินเป็น ทฤษฎีโดมิโน่ แบบหนัง Tin Tin ที่เดินไปเรื่อยๆหลายเส้นทางจนมาบรรจบในจุดสุดท้าย )

ความสัมพันธ์ตัวละคร - [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ด้านการถ่ายทำ - ยังคงคุณภาพและการจัดเต็มอยู่เสมอ ทั้งได้เห็นฉากการถ่ายทำที่งามไม่ต่างจากภาคแรก



โดยรวมของหนังสื่อออกมาได้ลงตัวและตัวละครมีสมเหตุสมผลในการกระทำมากๆ ทั้งการนำเสนอของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่เข้าใจความเป็น แฟนตาซีอันแท้จริง ซึ่งสามารถดึงออกมาได้มากถึงมากที่สุด


ใครที่เป็นแฟนหนังเรื่องนี้แนะนำให้ไปดูเลยครับ สนึกสุดๆ กับการส่งท้ายปี 2013 โดยเฉพาะตอนจบของหนังภาคนี้ที่ดูจบต้องบอกได้เลยว่า

" เอ็งรีบเข็นภาค 3 มาด่วน!!!!!! กรูอารมณ์ค้างโว็ย!!!!! ปีเตอร์เอ็งดูการ์ตูนญี่ปุ่นมาใช่เปล่า ? "
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่