ผลิตภัณฑ์นี้ปอคิดว่าคนที่แต่งหน้าแทบทุกคนต้องมี นั่นก็คือ แป้งฝุ่น(เซ็ตรองพื้น) หรือ Loose Powder นั่นเอง รีวิวนี้จะรวมแป้งฝุ่นเอาไว้ 4 ตัวด้วยกัน ปอจะรวมเป็นรีวิวเดียวเลยแล้วกันเนอะ แต่จะแยกเป็นแต่ละตัวๆ ไป แป้งฝุ่น 4 ตัวที่ว่ามีรายชื่อผู้เข้าร่วมรีวิวดังนี้

CHANEL Poudre Universelle Libre
LAURA MERCIER Loose Setting Powder
REVLON Microfine Natural Loose Powder
REVLON Touch & Glow Extra Moisturizing Face Powder

CHANEL POUDRE UNIVERSELLE LIBRE

     ถ้ารู้จักเครื่องสำอางในแบรนด์นี้ ไม่น่ามีใครที่ไม่รู้จักกับแป้งฝุ่นตัวดังประจำแบรนด์ ซึ่งมันเป็นแป้งฝุ่นแต่งหน้าตัวแรกที่ปอซื้อ (แลดูกระแดะใช้ของแพงตัวแต่เริ่ม 55+)

ราคา

     แป้งฝุ่นตัวนี้แค่เห็นชื่อแบรนด์ก็น่าจะพอเดาราคาได้ว่ามันไม่ถูก ตัวนี้มาในราคา 2,100 บาท กับปริมาณสุทธิ 30 กรัม และมาพร้อมกับพัฟพิมพ์ตรา CHANEL หนึ่งอัน (ปล.ปอใช้จนเปื่อยและทิ้งไปและเลยไม่ได้ถ่ายรูปให้ดู)



แพกเกจ

     เนื้อผลิตภัณฑ์บรรจุมาในบรรจุภัณฑ์พลาสติกใส ทำลักษณะคล้ายแก้ว มีฝาปิดแบบหมุนเกลียว แพกเกจเรียบง่าย แต่หรูหรา มีตราแบรนด์สีขาวอยู่บนฝาสีดำชัดเจน แป้งฝุ่นตัวนี้ไม่เหมาะสำหรับการพกพานะ เหมาะจะตั้งไว้ประดับโต๊ะเครื่องแป้งเฉยๆ เพราะมันใหญ่มว้ากกก รูแป้งค่อนข้างใหญ่ (ปอเอาเทปกาวใสมาปิดไว้ครึ่งหนึ่ง เป็นการใช้อย่างประหยัด และป้องกันแป้งไม่ให้ออกมาเยอะเกิน ของแพงมันเปลือง!)



เนื้อผลิตภัณฑ์

     ถ้าไม่เนียนจริง ปอเชื่อว่าหลายคนคงไม่ควักเงินซื้อ รวมทั้งปอด้วย เนื้อแป้งตัวนี้เนียนมากๆ ทั้งจากการสัมผัสโดยตรงจากในบรรจุภัณฑ์ หรือการนำมาใช้งาน ไม่เป็นคราบและไม่หนา ปอใช้เบอร์ 20 Clair : Translucent 1 เป็นแป้งโปร่งแสงที่สีสว่างกว่าอีกเบอร์ คือเบอร์ 30 Translucent 2 ใช้แล้วสีรองพื้นไม่เปลี่ยน และหน้าก็ไม่ขาวลอย แป้งจะกลืนไปกับสีของรองพื้น ยิ่งใช้รองพื้นแบบบางเบาเป็นธรรมชาติ แป้งก็จะกลืนหายไปดูเป็นธรรมชาติเช่นกัน เนื้อแป้งตัวนี้มีชิมเมอร์ละเอียดมากๆ ผสมอยู่ด้วยนะ ปอเองก็เพิ่งสังเกตเห็นก่อนที่จะมาเขียนรีวิวนี้ ก่อนหน้าไม่เคยสังเกตเพราะชิมเมอร์มันละเลียดมากๆ (ใช้มาจนจะหมดอยู่แล้ว เพิ่งสังเกต 555+) อาจจะช่วยกระจายแสงที่มาตกกระทบให้หน้าดูประจ่างใสขึ้น แต่ว่าตัวเนื้อแป้งค่อนข้างจะแมตต์หน่อยนะ ตามความรู้สึกปอ แต่มันไม่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน เนื้อแป้งมีกลิ่นน้ำหอมเพราะมีส่วนผสมของน้ำหอมด้วย



สรุป

     ก็อย่างที่บอกแหละว่าถ้ามันไม่ดี ไม่เนียนจริง คงไม่ควักเงินซื้อ ปอชอบเพราะเนื้อที่ละเอียดของมัน และการดูเป็นธรรมชาติ ไม่หนักหน้า

ข้อดี
- เนื้อแป้งละเอียด เนียนและกลืนไปกับผิว
- สีแป้งไม่ทำให้รองพื้นเปลี่ยนสี
- ใช้แล้วไม่หมอง ไม่เปลี่ยนสีระหว่างวัน
- มีชิมเมอร์ละเอียดมากๆ ช่วยกระจายแสงให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้น
- แพกเกจดี หรูหรา ใช้งานง่าย และไม่หกเลอะเทอะ

ข้อเสีย
- ราคาแพง
- พัฟที่ให้มาค่อนข้างแข็งและสาก
- มีส่วนผสมของน้ำหอม
- ไม่ควบคุมความมัน (แต่เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว)

LAURA MERCIER LOOSE SETTING POWDER

     แป้งฝุ่นตัวนี้ไม่น่ามีใครที่ไม่รู้จัก แป้งฝุ่นสุดโด่งดังประจำโต๊ะเครื่องแป้ง และเป็นขวัญใจของใครหลายๆ คน

ราคา

     แป้งตัวนี้มาในราคาเกือบสูง นั่นคือ 1,590 บาท ในปริมาณ 29 กรัม และไม่มีพัฟใดๆ มาให้ (ต้องซื้อพัฟแยกต่างหาก)



แพกเกจ

     ตัวแพกเกจก็ไม่แตกต่างจากแป้งอื่นๆ ลักษณะเป็นกระปุกเรียบๆ โปร่งแสงเห็นเนื้อผลิตภัณฑ์ด้านใน มีชื่อแบรนด์เขียนอยู่ที่บริเวณฝาที่เป็นแบบหมุนเกลียว ปิดและเปิดสะดวก ไม่หกเลอะเทอะ รูเทแป้งค่อนข้างกว้างเช่นกัน ฉะนั้นเวลาคว่ำแพกเกจหรือเทเพื่อใช้งานจะกะปริมาณได้ยาก และหกออกมาได้ง่าย



เนื้อผลิตภัณฑ์

     เนื้อแป้งตัวนี้ละเอียดมากเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับชาเนล เนื้อของลอล่าจะหนักกว่าเล็กน้อย แต่สิ่งที่น่าจะเป็นจุดที่ครองใจของใครหลายๆ คนคงจะเป็นเวลาใช้งาน แม้เนื้อจะหนักกว่าชาเนล แต่พอลงไปกับผิวหน้าแล้ว เนียนและบางเบามากๆ ปอรู้สึกว่ามันเนียนกว่าชาเนลด้วยซ้ำเวลาใช้งานจริง มีคุณสมบัติควบคุมความมัน ซึ่งเป็นจุดขายของแบรนด์นี้อยู่แล้ว แต่ใช้แล้วหน้าไม่แมตต์นะ น่าแปลกมั้ย? มันจะดูเนียน และเป็นเฉดของแสงและเงาที่มาตกกระทบตามธรรมชาติ ถ้าใช้พัฟอาจจะดูแมตต์นิดหน่อย แต่ถ้าใช้แปรง จะดูเป็นธรรมชาติมากๆ จนเหมือนกับไม่ได้ลงแป้งด้วยซ้ำ



สรุป

     เป็นแป้งฝุ่นที่เก๋าจริง ไม่งั้นไม่ครองใจหลายๆ คนได้อยู่หมัดหรอก ก่อนหน้าที่ไปลองเล่นที่เคาน์เตอร์ แค่ลองเนื้อ สัมผัสเนื้อเฉยๆ ปอไม่ค่อยถูกใจ แต่พอได้ใช้งานจริง ปลื้มมากๆ กับความเนียนบาง เป็นธรรมชาติของมัน เป็นแป้งฝุ่นที่น่าลงทุน พูดเลย!

ข้อดี
- เนื้อแป้งเนียนละเอียด ยิ่งเวลาใช้งานจะบางเบาและดูเป็นธรรมชาติมาก
- มีคุณสมบัติควบคุมความมัน
- ปอใช้สี Translucent ซึ่งเป็นแป้งโปร่งแสง ไม่ทำให้รองพื้นเปลี่ยนสี
- แพกเกจดี ใช้งานง่าย ไม่หกเลอะเทอะ

ข้อเสีย
- ไม่มีพัฟมาให้ ต้องซื้อแยกหรือหาพัฟอื่นมาใช้แทน
- รูเทผลิตภัณฑ์กว้าง ทำให้กะผลิตภัณฑ์ได้ยาก






     ปอรู้สึกว่าแป้งฝุ่นรุ่นนี้จะเลิกผลิตไปแล้วมั้ง (ไม่แน่ใจ) เพราะไปหาที่ไหนๆ ก็ไม่มีขายแล้ว (ถ้าใครเจอบอกด้วยนะ) เพราะมันคือของถูกและดีตัวหนึ่งเลยที่อยากแนะนำ

ราคา

     ปอจำราคาตอนที่ซื้อมาไม่ได้ แต่ไม่เกิน 300 บาท ที่ร้านเจ๊เล็ง ดอนเมือง ซึ่งปริมาณก็เยอะ นั่นคือ 36 กรัม คุ้มแบบสุดๆ อ่ะ มีพัฟมาให้ด้วย พัฟก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง ไม่ได้นุ่มมากแต่ก็ไม่ได้แข็งหรือสากจนเกินไป



แพกเกจ

     ปอไม่ชอบแพกเกจของแป้งตัวนี้เลย ก๊อกแก๊กมากๆ ฝาก็หลุดง่าย ไม่มีเกลียวหรือตัวล็อก และบอบบาง แตกหักได้ง่ายมาก จะเห็นได้จากฝาของปอที่มีรอยแตกหักไปแล้ว รูเทเนื้อแป้งถือว่าโอเค ไม่กว้างและไม่เล็กจนเกินไป กะปริมาณได้สะดวก แพกเกจไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการพกพา เพราะหกเลอะเทอะได้ง่ายมาก



เนื้อผลิตภัณฑ์

     เนื้อแป้งละเอียดอยู่นะ ถือว่าเทียบแบรนด์ดังๆ ได้เลย ปอถึงเสียดายที่มันเลิกผลิตไปแล้ว แต่เสียนิดหนึ่ง คือเนื้อแป้งมันเกาะตัวกัน ต้องใช้พัฟกดเบานิดหน่อย ก่อนใช้งาน แป้งตัวนี้ไม่มีสี Translucent นะ จะเป็นสี ซึ่งปอใช้สี Medium 02 ถ้าเทียบกับแป้งลอล่า แป้งตัวนี้จะสีเข้มและออกเหลืองกว่านิดหน่อย เวลาใช้สีรองพื้นจะเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนจนเป็นที่สังเกต ใช้แล้วหน้าจะดูแมตต์ๆ แต่ถือว่าเนียนระดับหนึ่ง ถ้าลงมากเกินก็หนาได้เหมือนกัน แป้งมีกลิ่นน้ำหอมอยู่เหมือนกัน น่าจะมีส่วนผสมของน้ำหอม



สรุป

     น่าเสียดายที่เลิกผลิตไป ถ้ายังมีอยู่ปอจะยกให้เป็นของถูกและดียังมีอยู่เลย ถ้าใครยังสามารถหาซื้อได้อยู่ ตัวนี้ปอแนะนำเลย เซฟเงินและยังได้ของดีมากใช้ด้วย

ข้อดี
- เนื้อแป้งละเอียด ใช้งานแล้วก็ดูเนียน แต่ถ้าลงมากเกินก็หน้าได้เหมือนกัน
- ถึงแม้แป้งจะมีสี แต่ก็ไม่ได้ทำให้สีรองพื้นเปลี่ยนแปลงมากจนเป็นที่สังเกต
- รูเทแป้งไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป กะปริมาณแป้งได้สะดวก
- ราคาถูก ปริมาณเยอะ

ข้อเสีย
- มีส่วนผสมของน้ำหอม
- แพกเกจบอบบาง แตกหักได้ง่าย และหกเลอะเทอะง่าย






     แป้งฝุ่นตัวนี้ได้มาเพราะทาง Watson จัดโปรโมชั่น ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ยอมรับว่าตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าดีหรือเปล่า แต่เห็นมันถูกก็เลยสอยมาซะ ดีไม่ดีค่อยว่ากันอีกที ฮ่าๆ

ราคา

     ปกติแล้วราคาแป้งตัวนี้คือ 269 บาท แต่ปอซื้อตอนจัดโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 เลยเฉลี่ยกระปุกละ 135 บาท ในปริมาณสุทธิ 24 กรัม ถือว่าคุ้มสุดๆ มีพัฟให้ด้วย



แพกเกจ

     เป็นกระปุกเล็กๆ พกพาสะดวก แพกเกจเรียบง่าย แต่ดูดีอยู่นะ ดูมีราคา ฝาหมุนเกลียวเปิดปิดได้สะดวก ไม่หกเลอะเทอะ แต่มีปัญหาคือรูเทแป้งใหญ่มากๆ ใหญ่ที่สุดในบรรดา 3 ตัวก่อนหน้า แป้งหกได้ง่าย และกะปริมาณยากสุดๆ ส่วนพัฟที่ให้มาเป็นอีกอย่างที่ปอไม่ชอบเอามากๆ เข้าใจว่าตัวบรรจุภัณฑ์มันเล็ก พัฟจึงต้องทำให้เล็กเพื่อให้ใส่ในบรรจุภัณฑ์ได้ แต่มันก็ทำให้ใช้งานได้ยากเช่นกัน (หรือมือปอใหญ่ด้วยก็ไม่รู้นะ) และด้วยความที่พัฟมันเล็ก บางและไม่ฟูหนา ทำให้เวลาลงเนื้อแป้งจะดูไม่เนียนสม่ำเสมอ ใช้กับแปรงดีกว่า



เนื้อผลิตภัณฑ์

     ถ้าเทียบกับ 3 ตัวก่อนหน้า แป้งตัวนี้เนื้อจะหนักสุด แต่ไม่ได้หนักอะไรมากมายนะ เวลาใช้งานก็เนียนดี ไม่เป็นคราบ ไม่หนาด้วย ให้ลุคตามชื่อ ก็คือจะดูโกว์ลๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้โกว์ลอะไรมากนะ จะดูเป็นผิวธรรมชาติมากกว่า ควบคุมความมันหรือเปล่าอันนี้ปอไม่แน่ใจ แต่ปอใช้มันก็ไม่ได้ทำให้หน้ามันขึ้นแต่อย่างใด ชอบความทนของมันนะ ถือว่าดีเลย ไม่หลุด ไม่หมอง มีกลิ่นน้ำหอมอยู่เหมือนกัน แล้วก็สีของแป้งตัวนี้จะแค่ 2 เบอร์ ก็คือ Translucent 1 จะเป็นอันเดอร์โทนชมพู เหมาะกับคนผิวขาว กับ Translucent 2 เป็นอันเดอร์โทนเหลือง เหมาะกับคนผิวสองสีถึงคล้ำ แน่นอนกว่าปอใช้ Translucent 2 ไม่งั้นหน้าคงเทา 555+



สรุป

    น่าลงทุน! ง่ายๆ สั้นๆ แถมราคาถูกแบบนี้ปอเชียร์แทนตัวข้างบนที่เลิกผลิตเลย เหมาะสำหรับใช้ประจำวัน จะได้เป็นการประหยัดด้วย ราคาถูก คุณภาพโอเค ไม่ได้ด้อยเลย คุ้มฝุดๆ

ข้อดี
- แม้เนื้อแป้งจะดูหนัก แต่ใช้แล้วเนียน เป็นธรรมชาติ
- ติดทนดี ไม่หมอง ไม่หลุด
- แพกเกจทำได้ดี เรียบ หรู ดูดี พกพาได้ง่าย
- ราคาถูกมากจนน่าตะลึง

ข้อเสีย
- มีส่วนผสมของน้ำหอม และกลิ่นค่อนข้างแรง
- พัฟที่ให้มาด้วยกันเล็ก บาง และใช้งานได้ลำบากมาก
- รูเทแป้งกว้างมาก จนทำให้หกง่ายและกะปริมาณลำบาก


     ไม่ขอจัดลำดับหรือเชียร์ตัวใดตัวหนึ่งเป็นพิเศษทั้งสิ้น ขอแยกเป็นตัวๆ แบบนี้ดีกว่า เพราะแต่ละตัวก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันไป ^___^







Porsche Por