คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ช่วงเรียนปอตรี..
รุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาดูแลเราดีมาก
แต่เรารู้สึกเป็นปกตินะคะ เพราะว่าเท่าที่ผ่านมาคนรอบข้างก็ดีกับเราเป็นส่วนใหญ่
เขามิใช่คนเดียวที่นั่งรถไปส่งเรายังบ้านที่อยู่ไกลถึงเกือบร้อย กม
และมิใช่คนเดียวที่เดินทางจากกรุงเทพไปหาเราที่นั่นในวันหยุด
ฯลฯ
แต่เป็นคนเดียวที่บอกกับเราในวันหนึ่ง
ว่า "พี่ต้องห่างจากมาดินไปสักระยะนะครับ"
เราตกใจมาก ถามไปทันทีเลยว่า "ทำไมหละ มาดินทำอะไรผิดเหรอ ?"
เขาตอบมาแบบให้เราตกใจมากกว่า..
ว่า "เปล่า..แต่พี่เกรงว่าจะรักมาดินมากเกินกว่าน้องแล้ว"
ในวัยและจังหวะที่ไม่รู้จักการตั้งสตินั้น
เราใจร้ายมากที่สุด..
บอกเขาไปอย่างเย็นชาว่า "งั้นพี่ห่างจากมาดินไปตลอดกาลเลยค่ะ"
อารมณ์นั้นเรารู้สึกว่าเขากำลังทรยศต่อน้ำใจของน้องสาวกึ่งเพื่อนอย่างเราที่สุดเลย
แล้วเราก็ลืมเขาไปเกือบสนิทใจ
จนเรามาได้รับรู้ในวันรับปริญญาว่าไม่มีเขาอยู่ในหมู่บัณฑิตคณะนั้น
เพื่อนเขาบอกว่าเขาเลิกเรียนนับจากปีนั้นเป็นต้นมา
เรารู้สึกผิดมากมายมาจนบัดนี้เลยค่ะ
รุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามาดูแลเราดีมาก
แต่เรารู้สึกเป็นปกตินะคะ เพราะว่าเท่าที่ผ่านมาคนรอบข้างก็ดีกับเราเป็นส่วนใหญ่
เขามิใช่คนเดียวที่นั่งรถไปส่งเรายังบ้านที่อยู่ไกลถึงเกือบร้อย กม
และมิใช่คนเดียวที่เดินทางจากกรุงเทพไปหาเราที่นั่นในวันหยุด
ฯลฯ
แต่เป็นคนเดียวที่บอกกับเราในวันหนึ่ง
ว่า "พี่ต้องห่างจากมาดินไปสักระยะนะครับ"
เราตกใจมาก ถามไปทันทีเลยว่า "ทำไมหละ มาดินทำอะไรผิดเหรอ ?"
เขาตอบมาแบบให้เราตกใจมากกว่า..
ว่า "เปล่า..แต่พี่เกรงว่าจะรักมาดินมากเกินกว่าน้องแล้ว"
ในวัยและจังหวะที่ไม่รู้จักการตั้งสตินั้น
เราใจร้ายมากที่สุด..
บอกเขาไปอย่างเย็นชาว่า "งั้นพี่ห่างจากมาดินไปตลอดกาลเลยค่ะ"
อารมณ์นั้นเรารู้สึกว่าเขากำลังทรยศต่อน้ำใจของน้องสาวกึ่งเพื่อนอย่างเราที่สุดเลย
แล้วเราก็ลืมเขาไปเกือบสนิทใจ
จนเรามาได้รับรู้ในวันรับปริญญาว่าไม่มีเขาอยู่ในหมู่บัณฑิตคณะนั้น
เพื่อนเขาบอกว่าเขาเลิกเรียนนับจากปีนั้นเป็นต้นมา
เรารู้สึกผิดมากมายมาจนบัดนี้เลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
มีความผิดที่ทำกับเพื่อน...แล้วยังรู้สึกผิดมาจนถึงปัจจุบันไหม?
ทำให้เรานึกถึงความผิดสมัยเรายังเด็กมากๆ
* สมัยเราเรียนประถม 2 เราเรียนโรงเรียนในตัวเมืองกรุงเทพฯ และบ้านเราก็อยู่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ
ตั้งแต่จำความได้ ชีวิตเราเห็นต้นไม้เขียวๆ แค่สวนสาธารณะกับเขาดิน..
วันหนึ่งก่อนปิดเทอมเล็ก คุณครูให้นักเรียนทุกคนเขียนเรียงความเรื่อง วันหยุดของฉัน ว่าปิดเทอมไปไหนมาบ้าง ทำอะไรบ้าง
(เรื่องเริ่มต้นจากตรงนี้)
เมื่อเปิดเทอม นักเรียนแต่ละคน ก็ออกมาอ่านเรื่องวันหยุด ส่วนใหญ่เนื้อหาก็ไม่แตกต่างกัน ไปเยี่ยมญาติ ไปทะเล ไปภูเขา ไปต่างประเทศ
จนมาถึงเพื่อนผู้หญิงคนนึง (เธอเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อนคบ..ซึ่งไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เราเองก็ไม่ได้ไปเล่นกับเค้า)
เค้าเล่าว่า ปิดเทอม เค้าไม่ได้ออกไปต่างจังหวัด อยู่ในกรุงเทพตลอด มีวันหนึ่ง พ่อเค้าพาไปดูการทำนาในกรุงเทพ ..
!!จังหวะนี้เอง ที่นักเรียนทั้งห้อง มองหน้ากัน เลิกลั่ก และเริ่มมีเสียงซุบซิบนินทา..
......แล้วตัวเราเอง ก็แหกปากเสียงดัง (อยากย้อนกลับไป ตบกระโหลกจริงๆ เด็กบ้า)
"ขี้โม้!! กรุงเทพจะเอาดินที่ไหนมาทำนา มีแต่ตึกกับถนนทั้งนั้น ทำนาบนปูนหรอ รัตนาภรณ์ขี้โม้ ขี้โม้ 5555 " (สมัยก่อนทำไมต้องเรียกชื่อจริงเนอะ) แล้วรัตนาภรณ์ก็ตะแบงเสียงดังว่า ไม่ได้โม้ พ่อเธอพาไปจริงๆ ทำนาในกรุงเทพ!!
จังหวะนั้น วุ่นวายมาก เด็กๆ เริ่มผสมโรงกับเราเสียงดัง "คนขี้โม้ๆๆๆๆ โกหกหน้าไม่อาย กิ้วๆๆๆ" คุณครูก็เริ่มวอแวให้เด็กๆ เงียบ สุดท้ายรัตนาภรณ์ก็นั่งยองๆ ก้มหน้าร้องไห้ คุณครูก็บอกให้พอแค่นี้
(เรื่องเป็นยังไงต่อเราจำไม่ค่อยได้แล้ว เราจำได้แค่นี้)
วันหนึ่งเมื่อโตขึ้น (ครอบครัวเราซื้อบ้านใหม่..ย้ายไปแทบชานเมือง เขตชื่อขนมหวาน) เราถึงรู้ว่า กรุงเทพมีพื้นที่ทำนา!!..บางวันได้เห็นควาย!! Oh My God!!!! มันทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้น แล้วช็อคมาก...รู้สึกผิดแบบบอกไม่ถูก เราทำให้เด็กคนหนึ่งต้องอับอาย ร้องไห้ เสียใจ โดนล้อ โดยที่ตอนนั้นไม่รู้สึกผิดอะไรเลย รู้สึกแค่ตลก สนุก
เพราะความที่โลกตอนนั้นเราแคบ..ทำให้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย...
เราอยากบอกรัตนาภรณ์ว่า "เราขอโทษ"
เพื่อนๆ ล่ะคะ..มีความผิดที่ทำกับเพื่อน...แล้วยังรู้สึกผิดมาจนถึงปัจจุบันไหม?