ฤาหัวใจ "บิ๊กตู่" เปลี่ยนไป จากราชดำเนิน ถึง ร.1 รอ. กองทัพกลางดงข่าวลือ ในยาม Country First
วันที่ 06 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21:55:07 น.
รายงานพิเศษ/มติชนสุดสัปดาห์
ความพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ทหารออกมาเดินถนน ล้มล้างรัฐบาล ด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร ยังคงมีอยู่มาตลอดของการชุมนุมที่ราชดำเนินของพรรคประชาธิปัตย์
มีการปล่อยข่าวลือ ว่ามีกำลังทหารสายอำมาตย์ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ เข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อมาช่วยเหลือดูแลผู้ชุมนุม ไม่ให้เป็นอันตราย รวมถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการรัฐประหาร
ทั้ง ทหารม้า ทหารเสือราชินี บูรพาพยัคฆ์ โดยมีการอ้างชื่อหน่วยกันในหมู่ม็อบ และในโซเชียล มีเดีย เช่น ทหารม้าลูกป๋า จาก พล.ม.3 ค่าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จ.ขอนแก่น และ ศูนย์การทหารม้า และ ม.พัน 11 จ.สระบุรี
ทหารเสือราชินี จาก ร.21 รอ. ค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี และทหารสายบูรพาพยัคฆ์ จากทั้ง ค่ายสุรสิงหนาท ค่ายไพรีระย่อเดช ค่ายนิมมาณกลยุทธ จ.สระแก้ว และค่ายจักรพงษ์ ค่ายพรหมโยธี จ.ปราจีนบุรี และหน่วยรบสำคัญของ พล.1 รอ. อย่าง ร.31 รอ. ลพบุรี
แต่ทางกองทัพบก ได้ยืนยันว่า ไม่มีคำสั่งให้ทหารไม่ว่าจากหน่วยใด เข้ามาเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ไม่ว่าในลักษณะใด
มีการสันนิษฐานถึงสาเหตุที่ทำให้หน่วยเหล่านี้ ถูกอ้างชื่อ เพราะเป็นสายอำนาจของ 3 ป. คือ ทั้ง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. แกนนำปฏิวัติ พี่เลิฟของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถูกมองว่า เอนเอียงเข้าข้างรัฐบาล เพราะความสนิทสนมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จึงทำให้มีนายทหารสายอำมาตย์ แอบเอาใจออกห่างมาช่วยเหลือฝ่ายผู้ชุมนุม
อย่าลืมว่า พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ นั้น ได้ร่วมชะตากรรมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งร่วมปราบเสื้อแดง และสนิทสนมกันมาจนบัดนี้ จึงทำให้ ทั้ง 2 ป. ถูกพาดพิง
ที่สำคัญ ข่าวลือนี้ได้ถูกรายงานไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีความหวาดระแวงอำมาตย์เป็นเดิมอยู่แล้ว ถึงขั้นต้องกดโทรศัพท์เช็กข่าวกับทหารแตงโมทางเมืองไทย
ยิ่งเมื่อมีรายงานด้วยว่า ในเวลานั้นทั้ง พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ พากันไปรับประทานหอยทอดเจ้าอร่อยกันแถวเยาวราช ก็ถูกมองว่าเป็นการออกมาดูสถานการณ์ ที่ยิ่งทำให้ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งให้น้ำหนักของข่าวลือนี้ ส่งผลให้มีการเช็กข่าวกันวุ่นวายทั้งใน ทบ. และกลาโหม
ด้วยเพราะฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นก็เกรงว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเกรงใจ หรืออาจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรือไม่สามารถควบคุมทหารหน่วยคุมกำลังได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในขั้วอำนาจของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์
ทั้งๆ ที่ ผบ.หน่วยที่คุมกำลังหน่วยเหล่านี้ แท้ที่จริงแล้วล้วนเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น ที่จะฟังคำสั่ง ผบ.ทบ. คนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากที่เคยระบุในคลิปถั่งเช่า ว่า "ไว้ใจตู่มาก" นั้น ก็เริ่มไม่มั่นใจในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเมื่อถึงที่สุด อาจจะต้องทำเพื่อชาติบ้านเมือง
ประกอบกับจำนวนคนที่มาร่วมชุมนุม เมื่อ 24 พฤศจิกายน นั้น ฝ่ายม็อบอ้างว่า กว่า 1 ล้านคน ส่วนฝ่ายตำรวจ-ทหาร ประเมินแค่หลักแสนคน ก็ตาม แต่หากประเมินด้วยสายตาแล้ว ต้องยอมรับว่ามหาศาล
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดข่าวลือ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ป่วยหนักเข้าผ่าตัดปอดที่โรงพยาบาล อีกครั้ง และเสียชีวิต แต่ถูกปกปิดข่าวเอาไว้ก่อน ที่ถูกวิเคราะห์ว่า เพราะต้องการให้ฝ่ายอำมาตย์และฝ่ายผู้ชุมนุมเสียขวัญ
แม้ว่า พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิท จะออกมายืนยันว่าป๋าแข็งแรงดีแล้ว แถมทั้งมีนายทหารที่เป็นหลานชาย เพิ่งไปเยี่ยมเยียนป๋าที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ก็ยืนยันว่าป๋าแข็งแรงดี ตามประสาคนวัย 93 ปี
"มันมีขบวนการปล่อยข่าว มีข่าวแบบนี้ออกมาเป็นระยะๆ ก่อนหน้านี้ ก็ไม่รู้ว่าหวังผลอะไร" พล.ท.พิศณุ กล่าว
อาจกล่าวได้ว่า มีการต่อสู้กันด้วยข่าวสารและข่าวลือ ในวิกฤติการเมืองครั้งนี้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกระแสข่าวที่พาดพิงทหาร และปฏิวัติรัฐประหาร
เพราะฝ่ายทหารแตงโม ยังปักใจเชื่อในสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ กับ นายสุเทพ ถึงขั้นมีความเชื่อว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จำเป็นต้องปฏิวัติรัฐประหาร ก็จะวางตัวให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี
แม้ว่าในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา มีข่าวการจูบปากคืนดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.ประวิตร ที่ก็สนิทสนมกันมานาน โดยเฉพาะกับบ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะอย่าลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนตั้ง พล.อ.ประวิตร เป็น ผบ.ทบ. หรือแม้แต่กับ พล.อ.อนุพงษ์ ที่เป็นเพื่อน ตท.10 แกนนำปฏิวัติ ก็สานสัมพันธ์คืนดีกันแล้ว ก็ตาม
แต่ไม่มีใครไว้วางใจทหาร คนถืออาวุธ เพราะรู้ดีว่าทหารนั้นถูกปลูกฝังให้ทำหน้าที่ ผู้พิทักษ์ ผู้ทำเพื่อชาติบ้านเมือง
อีกทั้งในฝั่งทหารแตงโม ยังมีการปล่อยข่าว พุ่งเป้าไปที่บิ๊กติ๊ก พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาค 3 น้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีการนำกำลังทหารเข้ามาในกรุง หลังจากที่เขาเดินทางมาเยี่ยมกำลังพลที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้ ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ เท่านั้น แต่มีความพยายามในการปล่อยข่าวลือ
แต่ก็เป็นการสะท้อนถึงความหวาดระแวงที่ ฝ่ายรัฐบาล มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ และฝ่ายทหาร
จึงไม่แปลกที่ การไปตั้งกองบัญชาการกองทัพบกสำรอง ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ถ.วิภาวดีฯ ตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน นั้น จะถูกฝ่ายรัฐบาลจับตามอง เนื่องจากเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เกรงว่าม็อบราชดำเนินจะไปปิดล้อมกองทัพบก เมื่อ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จากเดิมที่มีม็อบกองทัพธรรมไปวางกำลังยึดอยู่หน้า บก.ทบ. อยู่แล้ว
แต่แม้ว่า ม็อบราชดำเนิน จะมาเยือนหน้า บก.ทบ. เพื่อมอบนกหวีดและดอกกุหลาบให้ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วก็กลับไป ไม่ได้ปิดล้อม ทบ. ก็ตาม อันเป็นท่าทีของม็อบที่ต้องการดึงกองทัพมาเป็นพวก และอยู่เคียงข้างประชาชน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงไปนั่งทำงานที่ ร.1 รอ. อยู่
ในเบื้องแรก ดูเหมือนทาง ทบ. จะเตรียม ร.1 รอ. แห่งนี้ ไว้รองรับ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องหลบภัยม็อบที่ดาวกระจายไปยึดสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล แต่ทว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้แวะมาแต่อย่างใด
ท่ามกลางข่าวเม้าธ์ว่า เธอก็ไม่วางใจในกองทัพด้วยเช่นกันในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเลือกที่จะกลับไปนอนบ้านมากกว่า แถมทั้งบ้านพักของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ยังอยู่ใน ร.1 รอ. และยังไม่วางใจเพราะในค่ายทหารมีทหารมากมายหลายสีหลายขั้ว อีกด้วย
อีกทั้ง ร.1 รอ. แห่งนี้ ยังคงเป็นเซฟเฮ้าส์ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ ที่หนีม็อบเสื้อแดง มาแล้ว
แต่ทว่า ความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือต้องการทดสอบระบบความพร้อมในการเป็นวอร์รูม หรือศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกที่ทันสมัย พร้อมรับทุกสถานการณ์ เพราะ ร.1 รอ. ถือเป็นหน่วยอันดับต้นๆ ของ ทบ. ในการปฏิบัติการในทุกภารกิจ และเป็นเสมือนหน่วยส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีบ้านพักอยู่ในนี้ด้วยเช่นกัน
ไม่แค่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังห่วงว่า ในการเดินทางไปที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน ของบิ๊กๆ ใน ทบ. อาจไม่สะดวก เพราะม็อบปิดถนนด้านหน้า เข้า-ออกได้เฉพาะประตูหลัง เท่านั้น และเกรงว่าหากขบวนรถของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง หรือบิ๊ก ทบ. ไปติดอยู่กลางดงม็อบ อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ เพราะฝ่ายม็อบก็ไม่เข้าใจในจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์ และ ทบ. จึงตัดปัญหาด้วยการไปใช้ ร.1 รอ. เป็น บก.ทบ. ชั่วคราว ที่ห้าเสือ ทบ. และบิ๊กๆ ใน ทบ. ไปนั่งทำงานอยู่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ทว่า ไม่ใช่แค่รัฐบาลจับตามองและหวาดระแวง แต่ฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็หวาดหวั่นว่า การเข้าไปทั้งวอร์รูมแล้ว ผบ.ทบ. ไปเก็บตัวเงียบอยู่ใน ร.1 รอ. นั้น อาจวางแผนบางอย่างในการสลายม็อบ
แต่ดูเหมือนฝ่ายคนเสื้อแดงจะหวาดระแวงมากกว่า ว่าจะเป็นการไปกบดานวางแผนเพื่อเตรียมการปฏิวัติยึดอำนาจ เพราะบิ๊กหมู พล.ท.ธีระชัย นาควานิช แม่ทัพภาค 1 ก็ย้ายกองทัพภาค 1 เข้าไปอยู่ที่ ร. 1 พัน 1 รอ. อีกด้วย เพราะที่กองทัพภาค 1 ก็มีปัญหาด้านการจราจร
บก.ทบ. สำรองที่ ร.1 รอ. จึงถูกจับตามองเขม็งจากทุกฝ่าย เพราะ ผบ.ทบ. และแม่ทัพนายกอง ไปรวมตัวกันอยู่เงียบๆ ท่ามกลางการเดินเกมรุกของ นายสุเทพ ที่บุกยึดสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และประกาศจะยึดอีกหลายกระทรวงนั้น เพื่อกดดันให้ฝ่ายรัฐบาลใช้กำลังสลายม็อบ
แต่ฝ่ายรัฐบาลเลือกที่จะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ด้วยการออกหมายจับ แล้วหาจังหวะในการจับตัว นายสุเทพ รวมทั้งปล่อยให้ม็อบทำทุกอย่างที่ต้องการ เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อผู้ชุมนุม เพราะถ้าสลายม็อบ ก็จะเกิดความสูญเสียที่สำคัญ ฝ่ายทหารนั้น จะไม่ออกมาร่วมในการสลายม็อบ
แต่หากมองลึกลงไปในตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว จะพบว่าไม่เคยมีแนวคิดเรื่องการปฏิวัติยึดอำนาจ ล้มรัฐบาล แต่ต้องการปล่อยให้การเมืองเป็นไปตามระบบ เขาจึงพยายามนิ่ง แล้วรอดูสถานการณ์ต่อไป จนตอนนี้ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาลและผู้ชุมนุม ก็เริ่มไม่มั่นใจในจุดยืนของเขา
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายผู้ชุมนุมก็ยังเดินเกมที่จะดึงกองทัพมาเป็นพวก ทั้งการเดินสายไปยื่นหนังสือ มอบกุหลาบ และนกหวีด ให้ ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อขอให้ยืนเคียงข้างประชาชนและต่อต้านระบอบทักษิณ
ทว่า บรรดานายทหารที่ใกล้ชิดนั้นรู้ดีว่า บทเรียนที่ ทบ. ได้รับจากฝ่ายการเมืองและที่ผ่านมา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องอยู่เฉยๆ ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ยังคงทำหน้าที่การเป็นกลไกของรัฐบาลต่อไป เพราะไม่ได้มีเจตนาที่จะปฏิวัติรัฐประหาร เพื่อล้มรัฐบาล แต่ทว่าพร้อมที่จะออกมาอย่างฮีโร่ เพื่อกอบกู้สถานการณ์ ตามม็อตโต้ Country First ของเขา
จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกำชับให้ ผบ.หน่วย วางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด "ถ้ามีใครเคลื่อนย้ายกำลัง หรือทำอะไรในช่วงนี้ ผมจะย้าย" คำขู่ของบิ๊กตู่
"นิ่งอย่างเดียว ทหารเรา" บิ๊กตู่ ย้ำ
พร้อมกับยืนยันว่า "ขอให้มั่นใจว่ากองทัพบกจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อชาติบ้านเมือง โดยใช้บทเรียนในอดีต เพราะการแก้ปัญหาทุกอย่างนั้นจะต้องไม่แก้ด้วยการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
"ผมจะทำทุกอย่าง แต่ต้องภายใต้กฎหมายเท่านั้น" พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ
แต่สำหรับนายทหาร ผบ.หน่วย ที่เป็นน้องเลิฟสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น รู้ดีว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์
"แต่พวกเราเชื่อมั่นในตัวท่าน ว่าจะเลือกความถูกต้อง และชาติบ้านเมือง เมื่อสถานการณ์วิกฤติอยู่เบื้องหน้า" สายข่าวในขุมกำลังรบ ระบุ
จากที่เคยเป็นพระเอกในหัวใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะช่วยเหลือเกื้อกูลและเป็นที่ปรึกษามาตลอดกว่า 2 ปี ของการเป็นนายกรัฐมนตรี และแนบแน่นยิ่งขึ้นเมื่อเธอควบ รมว.กลาโหม
มาตอนนี้ หัวใจของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจเปลี่ยนไปแล้ว ก็เป็นได้...???
.......................
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1386322061&grpid=01&catid=50&subcatid=5000
ฤาหัวใจ "บิ๊กตู่" เปลี่ยนไป จากราชดำเนิน ถึง ร.1 รอ. กองทัพกลางดงข่าวลือ ในยาม Country First
วันที่ 06 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21:55:07 น.
รายงานพิเศษ/มติชนสุดสัปดาห์
ความพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ทหารออกมาเดินถนน ล้มล้างรัฐบาล ด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร ยังคงมีอยู่มาตลอดของการชุมนุมที่ราชดำเนินของพรรคประชาธิปัตย์
มีการปล่อยข่าวลือ ว่ามีกำลังทหารสายอำมาตย์ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ เข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อมาช่วยเหลือดูแลผู้ชุมนุม ไม่ให้เป็นอันตราย รวมถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการรัฐประหาร
ทั้ง ทหารม้า ทหารเสือราชินี บูรพาพยัคฆ์ โดยมีการอ้างชื่อหน่วยกันในหมู่ม็อบ และในโซเชียล มีเดีย เช่น ทหารม้าลูกป๋า จาก พล.ม.3 ค่าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จ.ขอนแก่น และ ศูนย์การทหารม้า และ ม.พัน 11 จ.สระบุรี
ทหารเสือราชินี จาก ร.21 รอ. ค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี และทหารสายบูรพาพยัคฆ์ จากทั้ง ค่ายสุรสิงหนาท ค่ายไพรีระย่อเดช ค่ายนิมมาณกลยุทธ จ.สระแก้ว และค่ายจักรพงษ์ ค่ายพรหมโยธี จ.ปราจีนบุรี และหน่วยรบสำคัญของ พล.1 รอ. อย่าง ร.31 รอ. ลพบุรี
แต่ทางกองทัพบก ได้ยืนยันว่า ไม่มีคำสั่งให้ทหารไม่ว่าจากหน่วยใด เข้ามาเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ไม่ว่าในลักษณะใด
มีการสันนิษฐานถึงสาเหตุที่ทำให้หน่วยเหล่านี้ ถูกอ้างชื่อ เพราะเป็นสายอำนาจของ 3 ป. คือ ทั้ง บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหม บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. แกนนำปฏิวัติ พี่เลิฟของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.
เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถูกมองว่า เอนเอียงเข้าข้างรัฐบาล เพราะความสนิทสนมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จึงทำให้มีนายทหารสายอำมาตย์ แอบเอาใจออกห่างมาช่วยเหลือฝ่ายผู้ชุมนุม
อย่าลืมว่า พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ นั้น ได้ร่วมชะตากรรมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งร่วมปราบเสื้อแดง และสนิทสนมกันมาจนบัดนี้ จึงทำให้ ทั้ง 2 ป. ถูกพาดพิง
ที่สำคัญ ข่าวลือนี้ได้ถูกรายงานไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีความหวาดระแวงอำมาตย์เป็นเดิมอยู่แล้ว ถึงขั้นต้องกดโทรศัพท์เช็กข่าวกับทหารแตงโมทางเมืองไทย
ยิ่งเมื่อมีรายงานด้วยว่า ในเวลานั้นทั้ง พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ พากันไปรับประทานหอยทอดเจ้าอร่อยกันแถวเยาวราช ก็ถูกมองว่าเป็นการออกมาดูสถานการณ์ ที่ยิ่งทำให้ ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ยิ่งให้น้ำหนักของข่าวลือนี้ ส่งผลให้มีการเช็กข่าวกันวุ่นวายทั้งใน ทบ. และกลาโหม
ด้วยเพราะฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นก็เกรงว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเกรงใจ หรืออาจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ หรือไม่สามารถควบคุมทหารหน่วยคุมกำลังได้ทั้งหมด โดยเฉพาะในขั้วอำนาจของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์
ทั้งๆ ที่ ผบ.หน่วยที่คุมกำลังหน่วยเหล่านี้ แท้ที่จริงแล้วล้วนเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น ที่จะฟังคำสั่ง ผบ.ทบ. คนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากที่เคยระบุในคลิปถั่งเช่า ว่า "ไว้ใจตู่มาก" นั้น ก็เริ่มไม่มั่นใจในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเมื่อถึงที่สุด อาจจะต้องทำเพื่อชาติบ้านเมือง
ประกอบกับจำนวนคนที่มาร่วมชุมนุม เมื่อ 24 พฤศจิกายน นั้น ฝ่ายม็อบอ้างว่า กว่า 1 ล้านคน ส่วนฝ่ายตำรวจ-ทหาร ประเมินแค่หลักแสนคน ก็ตาม แต่หากประเมินด้วยสายตาแล้ว ต้องยอมรับว่ามหาศาล
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดข่าวลือ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ป่วยหนักเข้าผ่าตัดปอดที่โรงพยาบาล อีกครั้ง และเสียชีวิต แต่ถูกปกปิดข่าวเอาไว้ก่อน ที่ถูกวิเคราะห์ว่า เพราะต้องการให้ฝ่ายอำมาตย์และฝ่ายผู้ชุมนุมเสียขวัญ
แม้ว่า พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิท จะออกมายืนยันว่าป๋าแข็งแรงดีแล้ว แถมทั้งมีนายทหารที่เป็นหลานชาย เพิ่งไปเยี่ยมเยียนป๋าที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ก็ยืนยันว่าป๋าแข็งแรงดี ตามประสาคนวัย 93 ปี
"มันมีขบวนการปล่อยข่าว มีข่าวแบบนี้ออกมาเป็นระยะๆ ก่อนหน้านี้ ก็ไม่รู้ว่าหวังผลอะไร" พล.ท.พิศณุ กล่าว
อาจกล่าวได้ว่า มีการต่อสู้กันด้วยข่าวสารและข่าวลือ ในวิกฤติการเมืองครั้งนี้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกระแสข่าวที่พาดพิงทหาร และปฏิวัติรัฐประหาร
เพราะฝ่ายทหารแตงโม ยังปักใจเชื่อในสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ กับ นายสุเทพ ถึงขั้นมีความเชื่อว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ จำเป็นต้องปฏิวัติรัฐประหาร ก็จะวางตัวให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี
แม้ว่าในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา มีข่าวการจูบปากคืนดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.ประวิตร ที่ก็สนิทสนมกันมานาน โดยเฉพาะกับบ้านจันทร์ส่องหล้า เพราะอย่าลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนตั้ง พล.อ.ประวิตร เป็น ผบ.ทบ. หรือแม้แต่กับ พล.อ.อนุพงษ์ ที่เป็นเพื่อน ตท.10 แกนนำปฏิวัติ ก็สานสัมพันธ์คืนดีกันแล้ว ก็ตาม
แต่ไม่มีใครไว้วางใจทหาร คนถืออาวุธ เพราะรู้ดีว่าทหารนั้นถูกปลูกฝังให้ทำหน้าที่ ผู้พิทักษ์ ผู้ทำเพื่อชาติบ้านเมือง
อีกทั้งในฝั่งทหารแตงโม ยังมีการปล่อยข่าว พุ่งเป้าไปที่บิ๊กติ๊ก พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาค 3 น้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีการนำกำลังทหารเข้ามาในกรุง หลังจากที่เขาเดินทางมาเยี่ยมกำลังพลที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในภาคใต้ ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ เท่านั้น แต่มีความพยายามในการปล่อยข่าวลือ
แต่ก็เป็นการสะท้อนถึงความหวาดระแวงที่ ฝ่ายรัฐบาล มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ และฝ่ายทหาร
จึงไม่แปลกที่ การไปตั้งกองบัญชาการกองทัพบกสำรอง ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ถ.วิภาวดีฯ ตั้งแต่ 25 พฤศจิกายน นั้น จะถูกฝ่ายรัฐบาลจับตามอง เนื่องจากเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เกรงว่าม็อบราชดำเนินจะไปปิดล้อมกองทัพบก เมื่อ 25 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จากเดิมที่มีม็อบกองทัพธรรมไปวางกำลังยึดอยู่หน้า บก.ทบ. อยู่แล้ว
แต่แม้ว่า ม็อบราชดำเนิน จะมาเยือนหน้า บก.ทบ. เพื่อมอบนกหวีดและดอกกุหลาบให้ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วก็กลับไป ไม่ได้ปิดล้อม ทบ. ก็ตาม อันเป็นท่าทีของม็อบที่ต้องการดึงกองทัพมาเป็นพวก และอยู่เคียงข้างประชาชน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังคงไปนั่งทำงานที่ ร.1 รอ. อยู่
ในเบื้องแรก ดูเหมือนทาง ทบ. จะเตรียม ร.1 รอ. แห่งนี้ ไว้รองรับ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องหลบภัยม็อบที่ดาวกระจายไปยึดสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล แต่ทว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้แวะมาแต่อย่างใด
ท่ามกลางข่าวเม้าธ์ว่า เธอก็ไม่วางใจในกองทัพด้วยเช่นกันในสถานการณ์เช่นนี้ จึงเลือกที่จะกลับไปนอนบ้านมากกว่า แถมทั้งบ้านพักของ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ยังอยู่ใน ร.1 รอ. และยังไม่วางใจเพราะในค่ายทหารมีทหารมากมายหลายสีหลายขั้ว อีกด้วย
อีกทั้ง ร.1 รอ. แห่งนี้ ยังคงเป็นเซฟเฮ้าส์ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ ที่หนีม็อบเสื้อแดง มาแล้ว
แต่ทว่า ความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือต้องการทดสอบระบบความพร้อมในการเป็นวอร์รูม หรือศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกที่ทันสมัย พร้อมรับทุกสถานการณ์ เพราะ ร.1 รอ. ถือเป็นหน่วยอันดับต้นๆ ของ ทบ. ในการปฏิบัติการในทุกภารกิจ และเป็นเสมือนหน่วยส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีบ้านพักอยู่ในนี้ด้วยเช่นกัน
ไม่แค่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังห่วงว่า ในการเดินทางไปที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน ของบิ๊กๆ ใน ทบ. อาจไม่สะดวก เพราะม็อบปิดถนนด้านหน้า เข้า-ออกได้เฉพาะประตูหลัง เท่านั้น และเกรงว่าหากขบวนรถของ พล.อ.ประยุทธ์ เอง หรือบิ๊ก ทบ. ไปติดอยู่กลางดงม็อบ อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ เพราะฝ่ายม็อบก็ไม่เข้าใจในจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์ และ ทบ. จึงตัดปัญหาด้วยการไปใช้ ร.1 รอ. เป็น บก.ทบ. ชั่วคราว ที่ห้าเสือ ทบ. และบิ๊กๆ ใน ทบ. ไปนั่งทำงานอยู่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ทว่า ไม่ใช่แค่รัฐบาลจับตามองและหวาดระแวง แต่ฝ่ายผู้ชุมนุมเองก็หวาดหวั่นว่า การเข้าไปทั้งวอร์รูมแล้ว ผบ.ทบ. ไปเก็บตัวเงียบอยู่ใน ร.1 รอ. นั้น อาจวางแผนบางอย่างในการสลายม็อบ
แต่ดูเหมือนฝ่ายคนเสื้อแดงจะหวาดระแวงมากกว่า ว่าจะเป็นการไปกบดานวางแผนเพื่อเตรียมการปฏิวัติยึดอำนาจ เพราะบิ๊กหมู พล.ท.ธีระชัย นาควานิช แม่ทัพภาค 1 ก็ย้ายกองทัพภาค 1 เข้าไปอยู่ที่ ร. 1 พัน 1 รอ. อีกด้วย เพราะที่กองทัพภาค 1 ก็มีปัญหาด้านการจราจร
บก.ทบ. สำรองที่ ร.1 รอ. จึงถูกจับตามองเขม็งจากทุกฝ่าย เพราะ ผบ.ทบ. และแม่ทัพนายกอง ไปรวมตัวกันอยู่เงียบๆ ท่ามกลางการเดินเกมรุกของ นายสุเทพ ที่บุกยึดสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และประกาศจะยึดอีกหลายกระทรวงนั้น เพื่อกดดันให้ฝ่ายรัฐบาลใช้กำลังสลายม็อบ
แต่ฝ่ายรัฐบาลเลือกที่จะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ด้วยการออกหมายจับ แล้วหาจังหวะในการจับตัว นายสุเทพ รวมทั้งปล่อยให้ม็อบทำทุกอย่างที่ต้องการ เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อผู้ชุมนุม เพราะถ้าสลายม็อบ ก็จะเกิดความสูญเสียที่สำคัญ ฝ่ายทหารนั้น จะไม่ออกมาร่วมในการสลายม็อบ
แต่หากมองลึกลงไปในตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว จะพบว่าไม่เคยมีแนวคิดเรื่องการปฏิวัติยึดอำนาจ ล้มรัฐบาล แต่ต้องการปล่อยให้การเมืองเป็นไปตามระบบ เขาจึงพยายามนิ่ง แล้วรอดูสถานการณ์ต่อไป จนตอนนี้ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาลและผู้ชุมนุม ก็เริ่มไม่มั่นใจในจุดยืนของเขา
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายผู้ชุมนุมก็ยังเดินเกมที่จะดึงกองทัพมาเป็นพวก ทั้งการเดินสายไปยื่นหนังสือ มอบกุหลาบ และนกหวีด ให้ ผบ.สส. และ ผบ.เหล่าทัพ เพื่อขอให้ยืนเคียงข้างประชาชนและต่อต้านระบอบทักษิณ
ทว่า บรรดานายทหารที่ใกล้ชิดนั้นรู้ดีว่า บทเรียนที่ ทบ. ได้รับจากฝ่ายการเมืองและที่ผ่านมา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องอยู่เฉยๆ ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ยังคงทำหน้าที่การเป็นกลไกของรัฐบาลต่อไป เพราะไม่ได้มีเจตนาที่จะปฏิวัติรัฐประหาร เพื่อล้มรัฐบาล แต่ทว่าพร้อมที่จะออกมาอย่างฮีโร่ เพื่อกอบกู้สถานการณ์ ตามม็อตโต้ Country First ของเขา
จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกำชับให้ ผบ.หน่วย วางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด "ถ้ามีใครเคลื่อนย้ายกำลัง หรือทำอะไรในช่วงนี้ ผมจะย้าย" คำขู่ของบิ๊กตู่
"นิ่งอย่างเดียว ทหารเรา" บิ๊กตู่ ย้ำ
พร้อมกับยืนยันว่า "ขอให้มั่นใจว่ากองทัพบกจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อชาติบ้านเมือง โดยใช้บทเรียนในอดีต เพราะการแก้ปัญหาทุกอย่างนั้นจะต้องไม่แก้ด้วยการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า"
"ผมจะทำทุกอย่าง แต่ต้องภายใต้กฎหมายเท่านั้น" พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำ
แต่สำหรับนายทหาร ผบ.หน่วย ที่เป็นน้องเลิฟสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น รู้ดีว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์
"แต่พวกเราเชื่อมั่นในตัวท่าน ว่าจะเลือกความถูกต้อง และชาติบ้านเมือง เมื่อสถานการณ์วิกฤติอยู่เบื้องหน้า" สายข่าวในขุมกำลังรบ ระบุ
จากที่เคยเป็นพระเอกในหัวใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะช่วยเหลือเกื้อกูลและเป็นที่ปรึกษามาตลอดกว่า 2 ปี ของการเป็นนายกรัฐมนตรี และแนบแน่นยิ่งขึ้นเมื่อเธอควบ รมว.กลาโหม
มาตอนนี้ หัวใจของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจเปลี่ยนไปแล้ว ก็เป็นได้...???
.......................
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1386322061&grpid=01&catid=50&subcatid=5000