ส่วนใหญ่คนพวกนี้ ไม่สงสารใคร ไม่แคร์ความรู้สึกใคร ไม่ว่าจะแฟนหรือภรรยาของตัวเองครับ  
ดังนั้นกับภรรยาหรือแฟนตัวเองแท้ๆยังไม่สนยังไม่แคร์ ไม่ต้องไปหวังว่าคนแบบนี้จะไปแคร์ความรู้สึกผู้หญิงคนอื่นๆ  

เพราะถ้าเขาแคร์ความรู้สึกใครเป็น  จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว

เท่าที่สังเกตุจากเพื่อนๆที่มีนิสัยแบบนี้  ไม่ใช่เรื่องของความภูมิใจนะครับ แต่เป็นเหมือนคนที่มีวุฒิภาวะแบบเด็กๆ

เหมือนเบื่อของเล่นชิ้นเก่าที่บ้าน ก็เที่ยวออกไปหาของเล่นชิ้นใหม่นอกบ้าน  
แย่ตรงที่ ของเล่นของคนแบบนี้ บังเอิญเป็นคนที่มีชีวิตจิตใจ   มีความรู้สึก มีพ่อมีแม่

ซึ่งถ้าขอกันตรงๆไม่ได้ ก็ใช้วิธีแต่งเรื่องหลอกผู้หญิง

มุขยอดฮิตที่เคยเห็นมาก็คือ มีแฟน หรือแต่งงานแล้ว แต่อ้างว่ามีปัญหากับแฟนหรือภรรยามานานแล้ว
แต่ที่ยังคบอยู่ หรือที่เห็นว่ายังอยู่ด้วยกันนั้น

ก็เพราะสงสารแฟนหรือภรรยา อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้มีอะไรกันนานแล้ว  กำลังจะเลิกกัน
แต่บอกเลิกแบบเด็ดขาดไม่ได้ สงสารผู้หญิง กลัวไปฆ่าตัวตาย

ก็แต่งเรื่องหลอกอีกฝ่ายกันไป


เคยตอบไว้นานมาแล้วครับว่า
ที่จริงผู้ชายบางคนนั้น มีมารยาแยะกว่าผู้หญิงหลายร้อยเท่า  
ความสามารถทางการแสดง ก็เรียกว่า..นักแสดงระดับตุ๊กตาทองยังสู้คนพวกนี้ไม่ได้  

จริงๆในแง่ธรรมะนั้น เค้าบอกว่า การได้เกิดเป็นผู้ชายนั้นถือว่าคุณมีบุญมากกว่าผู้หญิง
ทั้งในแง่จิตใจ และในแง่สรีระร่างกาย  ซึ่งได้เปรียบกว่าผู้หญิงทุกประการ แข็งแรงกว่า ไม่ต้องมีประจำเดือน ไม่ต้องอุ้มลูก

แต่ผู้ชายบางคน แทนที่จะใช้ความได้เปรียบนี้เพื่อช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่าตนเอง
กลับนำความได้เปรียบกว่านี้ ไปใช้เบียดเบียนผู้ที่อ่อนแอกว่าตนเอง ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ..

ในคนหนึ่งคน ในร่างกายหนึ่งร่างกาย ของเราทุกๆคน ล้วนมีสัญชาตญาณสองอย่างอยู่ในคนคนเดียว

สัญชาตญาณแรกดั่งเดิม  ของสิ่งมีชีวิต  กับ สัญชาตญาณหลังจากที่ถูกขัดเกลาจนสามารถเรียกได้ว่าคือ คน หรือ มนุษย์

ดังนั้นขณะที่เราคุยกับใคร คบหากับใคร หรือกำลังพัฒนาความสัมพันธ์กับใครก็ตาม ไม่ว่าหญิงหรือว่าชาย
เราเองต้องพยายามสำรวจเสมอด้วยว่า คนที่เรากำลังมีปฎิสัมพันธ์ด้วยนั้น เค้ากำลังใช้ สัญชาตญาณแบบไหน กับเรา