รักกันมา 7 ปี ทุ่มเทให้เธอทุกอย่าง ทั้งกายและใจ สุดท้ายเธอก็ทิ้งผมไปแต่งงานกับคนรวย
เรื่องมิอยู่ว่าเธอกับผมเราคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัยปี 3 และเราดูแลเอาใจใส่กันเป็นอย่างดี ความรักของเรานับวันยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อยๆ แทบไม่เคยทะเลาะกันเลยเท่าที่จำได้ มีแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆทั่วไป ต่างคนต่างซื่อสัตย์ต่อกันแม้จะทำงานกันคนละที่ เราสู้ชีวิตมาด้วยกันพอสมควรจนวันหนึ่งในเดือนเมษยนปี 56 นี่เอง เธอสามารถเปลี่ยนที่ทำงานมาอยู่ใกล้กัน เราจึงตัดสินใจเช่าบ้านหลังหนึ่งอยู่ด้วยกันสองคน สำหรับผมแล้วมันเป็นอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุด ผมตัดสินใจกู้เงินมาซื้อรถยนต์เอาไว้ไปรับไปส่งเธอเวลาทำงาน และเงินเหลือผมก็ซื้อ iphone5 สองเครื่องให้ผมกับเธอคนละเครื่องเพราะผมเคยรับปากเธอว่าจะซื้อให้ เราใช้ชีวิตอยู่บ้านหลังเล็กของเราอย่างมีความสุข แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นความผิดปกติก็คือ เวลารับโทรศัพท์เธอเดินหนีไปคุยที่อื่นไกลจากผมทั้งที่เธอไม่เคยทำแบบนี้ เธอคุยโทรศัพท์วันละสองสามชั่วโมงทุกวัน พอผมถามว่าคุยกับใคร เธอบอกว่าเป็นพี่ที่รู้จักกัน(แค่คนรู้จักกันมันต้องโทรหากันและคุยกันวันละสองสามชั่วเลยเหรอ ผมคิดในใจ) ผมเริ่มสังเกตเธอมาตลอดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม สิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจที่สุดว่าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆคือเรื่องบนเตียง ซึ่งผมขอไม่อธิบายละกันครับ เวลาผ่านไปผมก็ได้แต่ภาวนาว่าสิ่งที่ผมรู้สึกว่าจะโดนทิ้งมันจะไม่เป็นความจริง ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติไม่ให้เธอสงสัยว่าผมรู้ทุกอย่าง จนมาวันหนึ่งในเดือนสิงหาคมผมตัดสินใจเคลียร์กับเธอว่ายังไงกันแน่ เพราะทนต่อไปไม่ไหว แต่เธอปฏิเสธว่าเธอมีคนอื่นแต่ผมไม่เชื่อเพราะหลักฐานพยานที่ผมแอบสืบมามันชัดเจนพอสมควร พอต้นเดือนกันยายนเธอลางานตั้งแต่วันพุธเพื่อจะกลับต่างจังหวัดรวมเสาร์อาทิตย์ก็ห้าวัน เธอบอกผมว่าใจไปงานศพของปู่ทวด ก่อนหน้าเธอมาปรึกษาว่าจะลางานดีมั้ย ผมบอกไปว่าถ้ามันจำเป็นก็ลาสิ และผมก็เหน็บแนมเธอไปหนึ่งประโยคว่า จะได้ไปหาผู้ชายคนนั้นด้วยไง เธอยิ้มแล้วพูดว่า ไม่ต้องมาประชดเลยนะ เหมือนรู้สึกอะไรเลย เพราะตอนที่ผมพูด ในใจผมแทบจะขาดเพราะรู้อยู่เต็มอก เธอก็กลับต่างจังหวัดโดยที่ไม่ติดต่อมาหาผมเลยตลอดห้าวัน line ก็เงียบ facebook ก็เงียบ แต่สเตตัสเธออัพแทบทุกชั่วโมงทั้งรูปต่างๆที่อัพ ผมใจแทบขาดตลอดห้าวัน จนเย็นวันอาทิตย์เธอยังไม่กลับมาผมไลน์ไปหาเธอว่าจะกลับมั้ยเธอบอกว่ากลับถึงประมาณเช้ามืดของวันจันทร์ ซึ่งผมก็ตื่นตีสามเพื่อรับเธอที่ฟิวเจอร์ตรงที่รถทัวร์จอด อ้อ....ผมลืมบอกไปว่าเราเช่าบ้านแถวคลอง 10 ธัญบุรี กลับมาถึงบ้านก็ตีห้า เราจึงงีบกันคนละชั่วโมงตื่นหกโมงอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานตามปกติ ซึ่งผมก็ขับรถไปส่งเธอเหมือนเช่นเคย พอเลิกงานผมก็ไปรับเธอตามปกติ แวะกินอะไรนิดหน่อยก่อนถึงบ้าน พอมาถึงบ้านต่างคนต่างมานั่งพักตรงทีวี และต่างคนต่างเงียบผมจึงหยิบไอแพดมาเล่นเพื่อกลบเกลื่อน แล้วเธอก็สะกิดผมให้ไปคุยกับเธอ เธอทำหน้าเศร้าๆ น้ำตาคลอเบ้า ผมจึงถามเธอว่า .....
"เป็นอะไร มีอะไร" ผมถาม
"เค้าจะแต่งงาน" เธอตอบ
ผมออึ้งกับคำตอบที่เธอให้ผมมา เงียบไปครู่ใหญ่
"ผู้ชายคนนั่นเป็นใคร" ผมถาม
"เป็นพี่ที่บ้าน" เธอตอบ(หมายถึงเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันอยู้หมู่บ้านเดียวที่ต่างจังหวัด)
"อายุเท่าไหร่" ผมถาม
"อ่อนกว่าแม่ 2 สองปี" เธอตอบ
อึ้งอีกแล้วครับ อึ้งกว่าคำตอบแรกอีก
"ยังไงถึงได้เป็นแบบนี้" ผมถามด้วยความใจเย็นอีกครั้ง
"เขาเป็นคนที่แอบปลื้มมานานแล้ว และก็รอเขามาตลอด เป็นผู้ชายในฝัน" เธอตอบ
"รวยเหรอ" ผมถาม
"โคตรรวย" เธอตอบ
"แล้วเขาไม่มีลูกมีเมียเหรอ" ผมถาม
"ไม่มี" เธอตอบ
"แล้วคิดเหรอว่าเขาจะซื่อสัตย์ เพราะจนป่านนี้ยังไม่มีลูกมีเมีย" ผมถาม
"ตอนนี้เค้าไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้นแหละ แต่เค้าเลือกแล้ว เค้าก็ต้องรับมันให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า" เธอตอบ
"แล้วจะเอายังไง" ผมถาม
"เค้าจะขนของไปอยู่ที่อื่น" เธอตอบ
หลังจากนั้นเราคุยกันหลายเรื่อง และประโยคที่ผมยังจำได้ดีคือเธอบอกกับผมว่าม"เค้ายังรักตัวเองอยู่นะ เค้าก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่เค้าขอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเค้า" มันช่างเป็นประโยคที่ทำให้ผมเจ็บปวดจนไม่รู้จะบรรยายยังไง หลังจากวันนั้นถัดมาอีกสองเดือนเพื่อนบอกว่าเธอแต่งงาน (21 พย 56) เห็นโพสในเฟสบุค (ผมเลิกเป็นเพื่อนในเฟส บล็อกไลน์ด้วยเพราะไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นอะไรที่เธอโพส) ผมจึงตัดสินใจดูรูปที่เธอโพสจากเฟสของเพื่อน ภาพที่ผมเห็นคือเป็นเก่าผมในชุดเจ้าสาวสวยมากยืนข้างกับชายวัยกลางคนอายุประมาณ 46 ปี (เจ้าสาวอายุ 28 เท่าผม) หน้าเหมือนหม่ำ จกม๊ก ช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ผมมาคิดทบทวนว่าทำไมเธอถึงทิ้งผมไป คิดไปคิดมา คิดมาคิดไป ผมก็ได้คำตอบเหมือนเดิมทุกทางคือ "รักแท้แพ้เงิน" เพราะว่าผมก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีพอสมควร เรื่องความรักผมให้เธอเต็มที่ ไม่เคยนอกใจ ไม่เคยมองผู้หญิงอื่น ดูแลเทคแคร์เอาใจใส่ทุกอย่าง ยิ่งเรื่องอายุแล้วชนะขาด เรื่องเดียวที่ผมสู้ผู้ชายคนนั้นไท่ได้ก็คือ "รวย"
ปล.มีหลายเรื่องที่ผมอยากเล่า อยากระบาย แต่วันนี้พอแค่นี้ละกันครับ
ผมอกหักครับขอกำลังใจหน่อย :(
เรื่องมิอยู่ว่าเธอกับผมเราคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัยปี 3 และเราดูแลเอาใจใส่กันเป็นอย่างดี ความรักของเรานับวันยิ่งเพิ่มพูนขึ้นไปเรื่อยๆ แทบไม่เคยทะเลาะกันเลยเท่าที่จำได้ มีแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆทั่วไป ต่างคนต่างซื่อสัตย์ต่อกันแม้จะทำงานกันคนละที่ เราสู้ชีวิตมาด้วยกันพอสมควรจนวันหนึ่งในเดือนเมษยนปี 56 นี่เอง เธอสามารถเปลี่ยนที่ทำงานมาอยู่ใกล้กัน เราจึงตัดสินใจเช่าบ้านหลังหนึ่งอยู่ด้วยกันสองคน สำหรับผมแล้วมันเป็นอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุด ผมตัดสินใจกู้เงินมาซื้อรถยนต์เอาไว้ไปรับไปส่งเธอเวลาทำงาน และเงินเหลือผมก็ซื้อ iphone5 สองเครื่องให้ผมกับเธอคนละเครื่องเพราะผมเคยรับปากเธอว่าจะซื้อให้ เราใช้ชีวิตอยู่บ้านหลังเล็กของเราอย่างมีความสุข แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นความผิดปกติก็คือ เวลารับโทรศัพท์เธอเดินหนีไปคุยที่อื่นไกลจากผมทั้งที่เธอไม่เคยทำแบบนี้ เธอคุยโทรศัพท์วันละสองสามชั่วโมงทุกวัน พอผมถามว่าคุยกับใคร เธอบอกว่าเป็นพี่ที่รู้จักกัน(แค่คนรู้จักกันมันต้องโทรหากันและคุยกันวันละสองสามชั่วเลยเหรอ ผมคิดในใจ) ผมเริ่มสังเกตเธอมาตลอดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม สิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจที่สุดว่าเปลี่ยนไปแล้วจริงๆคือเรื่องบนเตียง ซึ่งผมขอไม่อธิบายละกันครับ เวลาผ่านไปผมก็ได้แต่ภาวนาว่าสิ่งที่ผมรู้สึกว่าจะโดนทิ้งมันจะไม่เป็นความจริง ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติไม่ให้เธอสงสัยว่าผมรู้ทุกอย่าง จนมาวันหนึ่งในเดือนสิงหาคมผมตัดสินใจเคลียร์กับเธอว่ายังไงกันแน่ เพราะทนต่อไปไม่ไหว แต่เธอปฏิเสธว่าเธอมีคนอื่นแต่ผมไม่เชื่อเพราะหลักฐานพยานที่ผมแอบสืบมามันชัดเจนพอสมควร พอต้นเดือนกันยายนเธอลางานตั้งแต่วันพุธเพื่อจะกลับต่างจังหวัดรวมเสาร์อาทิตย์ก็ห้าวัน เธอบอกผมว่าใจไปงานศพของปู่ทวด ก่อนหน้าเธอมาปรึกษาว่าจะลางานดีมั้ย ผมบอกไปว่าถ้ามันจำเป็นก็ลาสิ และผมก็เหน็บแนมเธอไปหนึ่งประโยคว่า จะได้ไปหาผู้ชายคนนั้นด้วยไง เธอยิ้มแล้วพูดว่า ไม่ต้องมาประชดเลยนะ เหมือนรู้สึกอะไรเลย เพราะตอนที่ผมพูด ในใจผมแทบจะขาดเพราะรู้อยู่เต็มอก เธอก็กลับต่างจังหวัดโดยที่ไม่ติดต่อมาหาผมเลยตลอดห้าวัน line ก็เงียบ facebook ก็เงียบ แต่สเตตัสเธออัพแทบทุกชั่วโมงทั้งรูปต่างๆที่อัพ ผมใจแทบขาดตลอดห้าวัน จนเย็นวันอาทิตย์เธอยังไม่กลับมาผมไลน์ไปหาเธอว่าจะกลับมั้ยเธอบอกว่ากลับถึงประมาณเช้ามืดของวันจันทร์ ซึ่งผมก็ตื่นตีสามเพื่อรับเธอที่ฟิวเจอร์ตรงที่รถทัวร์จอด อ้อ....ผมลืมบอกไปว่าเราเช่าบ้านแถวคลอง 10 ธัญบุรี กลับมาถึงบ้านก็ตีห้า เราจึงงีบกันคนละชั่วโมงตื่นหกโมงอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานตามปกติ ซึ่งผมก็ขับรถไปส่งเธอเหมือนเช่นเคย พอเลิกงานผมก็ไปรับเธอตามปกติ แวะกินอะไรนิดหน่อยก่อนถึงบ้าน พอมาถึงบ้านต่างคนต่างมานั่งพักตรงทีวี และต่างคนต่างเงียบผมจึงหยิบไอแพดมาเล่นเพื่อกลบเกลื่อน แล้วเธอก็สะกิดผมให้ไปคุยกับเธอ เธอทำหน้าเศร้าๆ น้ำตาคลอเบ้า ผมจึงถามเธอว่า .....
"เป็นอะไร มีอะไร" ผมถาม
"เค้าจะแต่งงาน" เธอตอบ
ผมออึ้งกับคำตอบที่เธอให้ผมมา เงียบไปครู่ใหญ่
"ผู้ชายคนนั่นเป็นใคร" ผมถาม
"เป็นพี่ที่บ้าน" เธอตอบ(หมายถึงเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันอยู้หมู่บ้านเดียวที่ต่างจังหวัด)
"อายุเท่าไหร่" ผมถาม
"อ่อนกว่าแม่ 2 สองปี" เธอตอบ
อึ้งอีกแล้วครับ อึ้งกว่าคำตอบแรกอีก
"ยังไงถึงได้เป็นแบบนี้" ผมถามด้วยความใจเย็นอีกครั้ง
"เขาเป็นคนที่แอบปลื้มมานานแล้ว และก็รอเขามาตลอด เป็นผู้ชายในฝัน" เธอตอบ
"รวยเหรอ" ผมถาม
"โคตรรวย" เธอตอบ
"แล้วเขาไม่มีลูกมีเมียเหรอ" ผมถาม
"ไม่มี" เธอตอบ
"แล้วคิดเหรอว่าเขาจะซื่อสัตย์ เพราะจนป่านนี้ยังไม่มีลูกมีเมีย" ผมถาม
"ตอนนี้เค้าไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้นแหละ แต่เค้าเลือกแล้ว เค้าก็ต้องรับมันให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า" เธอตอบ
"แล้วจะเอายังไง" ผมถาม
"เค้าจะขนของไปอยู่ที่อื่น" เธอตอบ
หลังจากนั้นเราคุยกันหลายเรื่อง และประโยคที่ผมยังจำได้ดีคือเธอบอกกับผมว่าม"เค้ายังรักตัวเองอยู่นะ เค้าก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ แต่เค้าขอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเค้า" มันช่างเป็นประโยคที่ทำให้ผมเจ็บปวดจนไม่รู้จะบรรยายยังไง หลังจากวันนั้นถัดมาอีกสองเดือนเพื่อนบอกว่าเธอแต่งงาน (21 พย 56) เห็นโพสในเฟสบุค (ผมเลิกเป็นเพื่อนในเฟส บล็อกไลน์ด้วยเพราะไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นอะไรที่เธอโพส) ผมจึงตัดสินใจดูรูปที่เธอโพสจากเฟสของเพื่อน ภาพที่ผมเห็นคือเป็นเก่าผมในชุดเจ้าสาวสวยมากยืนข้างกับชายวัยกลางคนอายุประมาณ 46 ปี (เจ้าสาวอายุ 28 เท่าผม) หน้าเหมือนหม่ำ จกม๊ก ช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ผมมาคิดทบทวนว่าทำไมเธอถึงทิ้งผมไป คิดไปคิดมา คิดมาคิดไป ผมก็ได้คำตอบเหมือนเดิมทุกทางคือ "รักแท้แพ้เงิน" เพราะว่าผมก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีพอสมควร เรื่องความรักผมให้เธอเต็มที่ ไม่เคยนอกใจ ไม่เคยมองผู้หญิงอื่น ดูแลเทคแคร์เอาใจใส่ทุกอย่าง ยิ่งเรื่องอายุแล้วชนะขาด เรื่องเดียวที่ผมสู้ผู้ชายคนนั้นไท่ได้ก็คือ "รวย"
ปล.มีหลายเรื่องที่ผมอยากเล่า อยากระบาย แต่วันนี้พอแค่นี้ละกันครับ