ที่มา :
http://bit.ly/1eVIvrv
แฉเบื้องลึก"กลศึก"หักเหลี่ยมสุเทพ
โดย...ทีมข่าวการเมือง
กระสุนขนาด 9 มม. ซึ่งถูกยิงออกจากปากกระบอกปืนของชายนิรนาม พุ่งเข้าใส่ขาขวาของผู้ชุมนุม
รายหนึ่งที่บริเวณวัดเบญจมบพิตรเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา คือจุดเริ่มต้นของการหักเหลี่ยมเฉือนคม ระหว่าง "บิ๊กแจ๊ด" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น กับ สุเทพ เทือกสุบรณ เลขาธิการ กปปส.
ตลอด 2 วันที่มีการปะทะกันอย่างดุเดือด บิ๊กแจ้ด ได้จัดทีมงานเฝ้าดูพฤติกรรมของผู้ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ ตลอด 24 ช.ม. จนกระทั่งพบชายคนหนึ่งซึ่งปะปนอยู่กับผู้ชุมนุม อาศัยช่วงชุลมุนชักปืนยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุม ตำรวจที่เห็นเหตุการณ์จึงยิงกระสุนยางเข้าใส่ชายคนดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บ
ก่อนรวบตัวมาสอบสวน
ข้อมูลที่ได้จากมือปืนทำให้ บิ๊กแจ๊ด ถึงกับผงะ เมื่อรู้ว่าผู้ที่บงการคือ "อดีตคนกันเอง" ในวงการสีกา โดยมีแผนที่จะยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เรื่องนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับ "พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว" ผบ.ตร. เป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่า คนที่เคยเป็นตำรวจจะคิดทำร้ายตำรวจด้วยกัน
"บิ๊กดีล"จึงเริ่มขึ้น.....
เมื่อมีทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐานครบถ้วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จึงต่อสายไปที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะคนใกล้ชิดของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อประสานขอความร่วมมือในการร่วมกันป้องกันความรุนแรง พร้อมกับแจ้งเตือนไปว่า ถ้าปล่อยให้มีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ยิงเข้าใส่ตำรวจ ตำรวจก็จำเป็นจะต้องยิงโต้ตอบแน่ ซึ่งจะทำให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย
ที่สำคัญไม่อยากเห็นพี่น้องต้องมาฆ่ากันเอง
ทั้งสองเห็นตรงกันว่าไม่อยากเห็นพี่น้องมาฆ่ากันเอง และสุดท้ายองค์กรตำรวจซึ่งเป็นสถาบันอันเป็นที่รัก จะได้รับความเสียหายมากที่สุด แต่จะให้ม็อบยุติไปดื้อๆ ก็ไม่ได้ การเจรจาจึงเริ่มขึ้นในช่วงค่ำวันที่ 2 ธ.ค.
“เอางี้แล้วกัน พี่ขอให้ม็อบเข้าไปแสดงสัญลักษณ์ใน บช.น. แต่จะไม่เข้าไปทำลายข้าวของหรืออาคารสถานที่แต่อย่างใด ขออยู่สักพักไม่นานแล้วม็อบก็จะออก แต่ตอนเช้า(3 ธ.ค.) แจ๊ดทำเป็นยิงแก๊สน้ำตาไปตามปกติ สัก 1- 2 ช.ม.แล้วเราค่อยออกมาเจรจากัน เอาตามนี้นะ”
บิ๊กแจ๊ด รับปากโอเคเอาตามนี้
“ที่ทำเนียบก็เหมือนกันนะ”
บิ๊กแจ๊ด ก็รับปากเช่นกัน
หลังการเจรจาเสร็จสิ้นลง บิ๊กแจ๊ด นั่งครุ่นคิดตลอด เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ปรึกษาหารือใคร แต่ บิ๊กแจ๊ด ตัดสินใจแล้วพร้อมที่จะรับผิดชอบ ถ้างานนี้ผิดพลาดก็ต้องลาออก สถานเดียว (ก่อนหน้านี้คุณแม่ของบิ๊กแจ๊ดวัย 87 ปี ก็ได้บุกมาที่ บช.น.บอกให้ บิ๊กแจ็ด ลาออกเถอะ เพราะไม่อยากเห็นลูกชายต้องแบกรับภาระหนักขนาดนี้)
ตลอดคืน บิ๊กแจ๊ด เริ่มลังเล ต่อสายหา อัศวิน ขอคำมั่นว่า ที่ทำเนียบรัฐบาลเข้าแล้วต้องออกมานะ ซึ่งอัศวินก็รับปากว่าจะให้ม็อบออกมาก่อนเวลา 15.00 น.
แต่ด้วยสัญชาติญาณ บิ๊กแจ๊ด เริ่มไม่ไว้ใจ เพราะสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่จะถูกหักหลัง จึงนอนครุ่นคิดทั้งคืน จนไม่ได้หลับ ประมาณตี 2 มีสายตรงจากทำเนียบให้เสริมแนวแบริเออร์ให้แข็งแรงขึ้น จากนั้นแค่อึดใจ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" รมว.คมนาคม ก็ต่อสายมาแจ้งว่า จะมาเสริมคอนกรีตแนวแบริเออร์ให้
เวลาล่วงมาจนถึง 05.30 น.ใกล้รุ่งสางของวันที่มีการนัดหมายกันไว้ บิ๊กแจ๊ด คาดว่างานนี้โดนหักหลังแน่ๆ จึงคิดวาง กลศึก ตามแผน เบี้ยสยบขุน ด้วยการสั่งโยกตำรวจทั้งหมดที่อยู่ใน ทำเนียบรัฐบาลออกทั้งหมด
จากนั้นก็ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 3 กองร้อย ที่เตรียมพร้อมอยู่ในรัฐสภาให้เข้าไปอยู่ในทำเนียบรัฐบาลแทน เพื่อให้รักษาพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเอาไว้ เพราะเชื่อว่าเมื่อม็อบเข้ามาเจอทหารคงไม่กล้าปะทะและจะยอมล่าถอยออกไป
ส่วน บช.น. นั้น หากจะถูกหักหลัง ม็อบเข้ามาแล้วไม่ออกก็ต้องยอม เพราะรู้ว่างานนี้ม็อบจัดเต็มแน่ หากแข็งขืนไปก็คงจะต้องถล่มกันเละแน่นอน เนื่องจากกินนอนอยู่หน้างานกับลูกน้องมาหลายคืน รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของตำรวจทุกนายได้ดี ไม่มีใครยอมให้บุกเข้ามาแน่ๆ
วินาทีสุดท้ายก่อนรุ่งสาง บิ๊กแจ๊ด ตัดสินใจปรับแผน จากเดิมที่ตกลงกันว่าจะต้องมีการปะทะกันพอเป็นพิธีก่อน แล้วค่อยมาเจรจาสงบศึก
บิ๊กแจ๊ด พลิกเกม ตัดสินใจสั่งให้ตำรวจรื้อแนวแบริเออร์ออกให้หมดช่วงเช้ามืดเพื่อเปิดทางให้ม็อบ เข้ามาได้โดยสะดวก สร้างความงุนงงให้กับตำรวจทั้งกองบัญชาการ ที่นอนหลับเอาแรงกันไว้อย่างเต็มอิ่มพร้อมที่จะประจัญบานทุกนาย ซึ่ง บิ๊กแจ๊ด ไม่ได้อธิบายอะไรบอกเพียงว่าให้ปฏิบัติตามนี้
จากนั้นก็เรียก กองร้อยน้ำหวาน มาตั้งแถวรอต้อนรับม็อบ โดยมีการจัดดอกกุหลาบและน้ำเย็นไว้บริการ
ก่อนถึงเวลานัดหมายเพียงไม่กี่นาที บิ๊กแจ๊ด ก็หักเขี้ยวคู่เจรจา เปิดแถลงข่าวก่อนม็อบจะมาถึงเพียงไม่กี่อึดใจว่า บช.น.ยินดีต้อนรับกลุ่มผู้ชุมนุม
สิ้นการแถลง เสียงโทรศัพท์ของ บิ๊กแจ๊ด ก็ดังขึ้นทันที เสียงจากปลายสายตะโกนเข้ามาอย่างเสียงหลง
“เฮ้ย...แจ๊ด ทำไมทำอย่างนี้ ตกลงกันว่า ต้องมีการยิงแก๊สน้ำตาปะทะกับผู้ชุมนุมก่อนไง ทำไมแจ๊ดทำแบบนี้”
ด้าน บิ๊กแจ๊ด ก็สวนกลับไปทันทีว่า “ผมเอาแบบนี้แหละ ผมตัดสินใจแล้วโอเคนะ”
หมากแรก บิ๊กแจ๊ด กินไปแล้วหนึ่งต่อ
ที่ต้องลุ้นต่อคือ หมากกล ที่ บิ๊กแจ๊ด ซ่อนไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล
ระหว่างที่ม็อบเคลื่อนไปที่ทำเนียบรัฐบาล บิ๊กแจ๊ด เช็คข่าวแทบจะทุกนาที เพื่อเช็คว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่
แต่แล้วก็เริ่มมีสัญญาณผิดปกติตามที่คิดไว้จริงๆ โดยสายตำรวจที่แฝงตัวอยู่ในม็อบ แจ้งว่า "อัญชลี ไพรรีรัก" พิธีกรหลังของเวทีราชดำเนิน ได้นำรถติดตั้งเครื่องเสียงขนาดใหญ่เคลื่อนออกมาจากราชดำเนินแล้ว โดยจะไปตั้งเวทีปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล
บิ๊กแจ๊ด ถอนใจเฮือก “กูนึกแล้ว” พร้อมกับรีบโทรหา คู่เจรจา ทันที แต่เสียงที่ตอบมาคือ “กินข้าวอยู่เดี๋ยวค่อยคุยกัน” บิ๊กแจ๊ด ใช้ความอดทน ต่อสายหาคู่เจรจาตลอด 2 ช.ม. คำตอบที่ได้คือ “กินข้าวอยู่”
ในใจ “บิ๊กแจ๊ด” รู้แล้วว่าโดนหักหลังแน่ นาทีนี้จะมากินข้าวอะไร 2 ช.ม.ไม่เสร็จ
บิ๊กแจ๊ด ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอลุ้น ว่า หมากซ้อนกล ตัวที่สองคือทหารที่วางไว้จะได้ผลหรือไม่
และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด จากเดิมที่ม็อบแจ้งว่าจะเข้าไปอยู่ในทำเนียบจนถึงเวลา 15.00 น.ก็จะรีบออกมา แต่ปรากฏว่าพอม็อบเข้าไปปะหน้ากับทหาร ก็รีบบึ่งออกจากทำเนียบกลับไปที่ราชดำเนินทันที
ทุกอย่างเป็นไปตามกลศึก เบี้ยกินขุน ที่ บิ๊กแจ๊ด วางไว้
แต่กว่าจะสำเร็จ บิ๊กแจ๊ด ก็ถูกตำหนิจนหูดับ ตั้งแต่ปล่อยม็อบเข้า บช.น. แถมเปิดประตูทำเนียบให้ม็อบเข้ามาแบบหน้าตาเฉย โดย บิ๊กแจ๊ด ไม่ยอมแพร่งพรายไม้เด็ดที่ซ่อนไว้ในทำเนียบ
สุดท้ายคำชมที่ บิ๊กแจ๊ด ได้รับและพึงพอใจมากที่สุดคือ
“ความคิดประหลาดๆ ครั้งนี้ ได้ผลว่ะ”
กลศึก "เบี้ยสยบขุน" โดย...ทีมข่าวการเมือง โพสต์ทูเดย์
แฉเบื้องลึก"กลศึก"หักเหลี่ยมสุเทพ
โดย...ทีมข่าวการเมือง
กระสุนขนาด 9 มม. ซึ่งถูกยิงออกจากปากกระบอกปืนของชายนิรนาม พุ่งเข้าใส่ขาขวาของผู้ชุมนุม
รายหนึ่งที่บริเวณวัดเบญจมบพิตรเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา คือจุดเริ่มต้นของการหักเหลี่ยมเฉือนคม ระหว่าง "บิ๊กแจ๊ด" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น กับ สุเทพ เทือกสุบรณ เลขาธิการ กปปส.
ตลอด 2 วันที่มีการปะทะกันอย่างดุเดือด บิ๊กแจ้ด ได้จัดทีมงานเฝ้าดูพฤติกรรมของผู้ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ ตลอด 24 ช.ม. จนกระทั่งพบชายคนหนึ่งซึ่งปะปนอยู่กับผู้ชุมนุม อาศัยช่วงชุลมุนชักปืนยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุม ตำรวจที่เห็นเหตุการณ์จึงยิงกระสุนยางเข้าใส่ชายคนดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บ
ก่อนรวบตัวมาสอบสวน
ข้อมูลที่ได้จากมือปืนทำให้ บิ๊กแจ๊ด ถึงกับผงะ เมื่อรู้ว่าผู้ที่บงการคือ "อดีตคนกันเอง" ในวงการสีกา โดยมีแผนที่จะยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เรื่องนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับ "พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว" ผบ.ตร. เป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่า คนที่เคยเป็นตำรวจจะคิดทำร้ายตำรวจด้วยกัน
"บิ๊กดีล"จึงเริ่มขึ้น.....
เมื่อมีทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐานครบถ้วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จึงต่อสายไปที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะคนใกล้ชิดของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เพื่อประสานขอความร่วมมือในการร่วมกันป้องกันความรุนแรง พร้อมกับแจ้งเตือนไปว่า ถ้าปล่อยให้มีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์ยิงเข้าใส่ตำรวจ ตำรวจก็จำเป็นจะต้องยิงโต้ตอบแน่ ซึ่งจะทำให้เกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย
ที่สำคัญไม่อยากเห็นพี่น้องต้องมาฆ่ากันเอง
ทั้งสองเห็นตรงกันว่าไม่อยากเห็นพี่น้องมาฆ่ากันเอง และสุดท้ายองค์กรตำรวจซึ่งเป็นสถาบันอันเป็นที่รัก จะได้รับความเสียหายมากที่สุด แต่จะให้ม็อบยุติไปดื้อๆ ก็ไม่ได้ การเจรจาจึงเริ่มขึ้นในช่วงค่ำวันที่ 2 ธ.ค.
“เอางี้แล้วกัน พี่ขอให้ม็อบเข้าไปแสดงสัญลักษณ์ใน บช.น. แต่จะไม่เข้าไปทำลายข้าวของหรืออาคารสถานที่แต่อย่างใด ขออยู่สักพักไม่นานแล้วม็อบก็จะออก แต่ตอนเช้า(3 ธ.ค.) แจ๊ดทำเป็นยิงแก๊สน้ำตาไปตามปกติ สัก 1- 2 ช.ม.แล้วเราค่อยออกมาเจรจากัน เอาตามนี้นะ”
บิ๊กแจ๊ด รับปากโอเคเอาตามนี้
“ที่ทำเนียบก็เหมือนกันนะ”
บิ๊กแจ๊ด ก็รับปากเช่นกัน
หลังการเจรจาเสร็จสิ้นลง บิ๊กแจ๊ด นั่งครุ่นคิดตลอด เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ปรึกษาหารือใคร แต่ บิ๊กแจ๊ด ตัดสินใจแล้วพร้อมที่จะรับผิดชอบ ถ้างานนี้ผิดพลาดก็ต้องลาออก สถานเดียว (ก่อนหน้านี้คุณแม่ของบิ๊กแจ๊ดวัย 87 ปี ก็ได้บุกมาที่ บช.น.บอกให้ บิ๊กแจ็ด ลาออกเถอะ เพราะไม่อยากเห็นลูกชายต้องแบกรับภาระหนักขนาดนี้)
ตลอดคืน บิ๊กแจ๊ด เริ่มลังเล ต่อสายหา อัศวิน ขอคำมั่นว่า ที่ทำเนียบรัฐบาลเข้าแล้วต้องออกมานะ ซึ่งอัศวินก็รับปากว่าจะให้ม็อบออกมาก่อนเวลา 15.00 น.
แต่ด้วยสัญชาติญาณ บิ๊กแจ๊ด เริ่มไม่ไว้ใจ เพราะสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่จะถูกหักหลัง จึงนอนครุ่นคิดทั้งคืน จนไม่ได้หลับ ประมาณตี 2 มีสายตรงจากทำเนียบให้เสริมแนวแบริเออร์ให้แข็งแรงขึ้น จากนั้นแค่อึดใจ "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" รมว.คมนาคม ก็ต่อสายมาแจ้งว่า จะมาเสริมคอนกรีตแนวแบริเออร์ให้
เวลาล่วงมาจนถึง 05.30 น.ใกล้รุ่งสางของวันที่มีการนัดหมายกันไว้ บิ๊กแจ๊ด คาดว่างานนี้โดนหักหลังแน่ๆ จึงคิดวาง กลศึก ตามแผน เบี้ยสยบขุน ด้วยการสั่งโยกตำรวจทั้งหมดที่อยู่ใน ทำเนียบรัฐบาลออกทั้งหมด
จากนั้นก็ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 3 กองร้อย ที่เตรียมพร้อมอยู่ในรัฐสภาให้เข้าไปอยู่ในทำเนียบรัฐบาลแทน เพื่อให้รักษาพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลเอาไว้ เพราะเชื่อว่าเมื่อม็อบเข้ามาเจอทหารคงไม่กล้าปะทะและจะยอมล่าถอยออกไป
ส่วน บช.น. นั้น หากจะถูกหักหลัง ม็อบเข้ามาแล้วไม่ออกก็ต้องยอม เพราะรู้ว่างานนี้ม็อบจัดเต็มแน่ หากแข็งขืนไปก็คงจะต้องถล่มกันเละแน่นอน เนื่องจากกินนอนอยู่หน้างานกับลูกน้องมาหลายคืน รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของตำรวจทุกนายได้ดี ไม่มีใครยอมให้บุกเข้ามาแน่ๆ
วินาทีสุดท้ายก่อนรุ่งสาง บิ๊กแจ๊ด ตัดสินใจปรับแผน จากเดิมที่ตกลงกันว่าจะต้องมีการปะทะกันพอเป็นพิธีก่อน แล้วค่อยมาเจรจาสงบศึก
บิ๊กแจ๊ด พลิกเกม ตัดสินใจสั่งให้ตำรวจรื้อแนวแบริเออร์ออกให้หมดช่วงเช้ามืดเพื่อเปิดทางให้ม็อบ เข้ามาได้โดยสะดวก สร้างความงุนงงให้กับตำรวจทั้งกองบัญชาการ ที่นอนหลับเอาแรงกันไว้อย่างเต็มอิ่มพร้อมที่จะประจัญบานทุกนาย ซึ่ง บิ๊กแจ๊ด ไม่ได้อธิบายอะไรบอกเพียงว่าให้ปฏิบัติตามนี้
จากนั้นก็เรียก กองร้อยน้ำหวาน มาตั้งแถวรอต้อนรับม็อบ โดยมีการจัดดอกกุหลาบและน้ำเย็นไว้บริการ
ก่อนถึงเวลานัดหมายเพียงไม่กี่นาที บิ๊กแจ๊ด ก็หักเขี้ยวคู่เจรจา เปิดแถลงข่าวก่อนม็อบจะมาถึงเพียงไม่กี่อึดใจว่า บช.น.ยินดีต้อนรับกลุ่มผู้ชุมนุม
สิ้นการแถลง เสียงโทรศัพท์ของ บิ๊กแจ๊ด ก็ดังขึ้นทันที เสียงจากปลายสายตะโกนเข้ามาอย่างเสียงหลง
“เฮ้ย...แจ๊ด ทำไมทำอย่างนี้ ตกลงกันว่า ต้องมีการยิงแก๊สน้ำตาปะทะกับผู้ชุมนุมก่อนไง ทำไมแจ๊ดทำแบบนี้”
ด้าน บิ๊กแจ๊ด ก็สวนกลับไปทันทีว่า “ผมเอาแบบนี้แหละ ผมตัดสินใจแล้วโอเคนะ”
หมากแรก บิ๊กแจ๊ด กินไปแล้วหนึ่งต่อ
ที่ต้องลุ้นต่อคือ หมากกล ที่ บิ๊กแจ๊ด ซ่อนไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล
ระหว่างที่ม็อบเคลื่อนไปที่ทำเนียบรัฐบาล บิ๊กแจ๊ด เช็คข่าวแทบจะทุกนาที เพื่อเช็คว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่
แต่แล้วก็เริ่มมีสัญญาณผิดปกติตามที่คิดไว้จริงๆ โดยสายตำรวจที่แฝงตัวอยู่ในม็อบ แจ้งว่า "อัญชลี ไพรรีรัก" พิธีกรหลังของเวทีราชดำเนิน ได้นำรถติดตั้งเครื่องเสียงขนาดใหญ่เคลื่อนออกมาจากราชดำเนินแล้ว โดยจะไปตั้งเวทีปักหลักชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล
บิ๊กแจ๊ด ถอนใจเฮือก “กูนึกแล้ว” พร้อมกับรีบโทรหา คู่เจรจา ทันที แต่เสียงที่ตอบมาคือ “กินข้าวอยู่เดี๋ยวค่อยคุยกัน” บิ๊กแจ๊ด ใช้ความอดทน ต่อสายหาคู่เจรจาตลอด 2 ช.ม. คำตอบที่ได้คือ “กินข้าวอยู่”
ในใจ “บิ๊กแจ๊ด” รู้แล้วว่าโดนหักหลังแน่ นาทีนี้จะมากินข้าวอะไร 2 ช.ม.ไม่เสร็จ
บิ๊กแจ๊ด ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอลุ้น ว่า หมากซ้อนกล ตัวที่สองคือทหารที่วางไว้จะได้ผลหรือไม่
และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด จากเดิมที่ม็อบแจ้งว่าจะเข้าไปอยู่ในทำเนียบจนถึงเวลา 15.00 น.ก็จะรีบออกมา แต่ปรากฏว่าพอม็อบเข้าไปปะหน้ากับทหาร ก็รีบบึ่งออกจากทำเนียบกลับไปที่ราชดำเนินทันที
ทุกอย่างเป็นไปตามกลศึก เบี้ยกินขุน ที่ บิ๊กแจ๊ด วางไว้
แต่กว่าจะสำเร็จ บิ๊กแจ๊ด ก็ถูกตำหนิจนหูดับ ตั้งแต่ปล่อยม็อบเข้า บช.น. แถมเปิดประตูทำเนียบให้ม็อบเข้ามาแบบหน้าตาเฉย โดย บิ๊กแจ๊ด ไม่ยอมแพร่งพรายไม้เด็ดที่ซ่อนไว้ในทำเนียบ
สุดท้ายคำชมที่ บิ๊กแจ๊ด ได้รับและพึงพอใจมากที่สุดคือ
“ความคิดประหลาดๆ ครั้งนี้ ได้ผลว่ะ”