ถ้า ผม  เป็น  จขกท   นะครับ

               หาก   มีความสามารถ  ในการผ่อนชำระ หนี้ บ้าน  ไปได้เรื่อย ๆ  โดยไม่ขัดสน     ก็ให้ผ่อน ต่อไป เรื่อย ๆ    อย่าเพิ่งเอาเงินสดไปโปะบ้าน    แล้วเอาดอกเบี้ย ค่าผ่อนบ้าน  ไป หักภาษีเงินได้

              แล้วพยายาม ขยัน เก็บเงิน  เพิ่มขึ้นอีก    เอาเงิน 1 ล้าน ที่มีอยู่ ไป ลงทุน เพื่อสร้างรายได้ เพิ่มขึ้น   เพื่อให้มีรายได้ เป็นคู่ขนานกับเงินได้ที่ได้จากงานประจำ   จะได้มีผลตอบแทนมากขึ้น     แล้วก็เอาผลตอบแทนที่ได้ มาช่วยผ่อนบ้านเพิ่มขึ้น  ทำอย่างนี้  หมุนเวียน ไปเรื่อย ๆ   จนกว่าจะหมดภาระการผ่อน     เมื่อนั้น   ก็จะมีอิสระภาพทางการเงินแล้ว ครับ     คือ  บ้าน ก็มีอยู่  เงินก็มีอยู่   ผลตอบแทน ก็ได้เพิ่มขึ้น  

             แต่ถ้า เอาเงินสดที่มี อยู่ ไป โปะ บ้าน จนหมด   สภาพคล่องทางการเงินของเราหดหายไป  ถือเป็นการปิดโอกาสที่ดีของเราไปได้นะครับ       แม้หนี้จะลดลงบางส่วน แต่เราก็ยังคงต้องผ่อนหนี้ บ้าน ต่อไปดังเดิม แต่อาจจะผ่อนเบาลงมาหน่อยนึง เท่านั้นเอง    

             คนที่บริหารการเงินได้เก่ง ๆ   จะไม่นิยม เอาเงินสดไปโปะ บ้านนะครับ   ถ้าตราบใดยังมีกำลัง ความสามารถในการผ่อนนะครับ โดยไม่เดือดร้อน   มีเงินอยู่กับตัว ถือว่า  ความมั่นคงในชีวิต ก็จะมีมากขึ้น ครับ     ดอกเบี้ย ที่ผ่อนบ้าน เพิ่ม  ถือเป็นการฝากเงินสะสมในบ้าน   เป็นต้นทุนในการซื้อบ้าน  ซึ่งสามารถ ชดเชยได้กับเงินเฟ้อที่ทำให้ราคาบ้านเพิ่มขึ้นในอนาคต  และให้ความคุ้มค่ากับการได้อยู่บ้าน โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า  ครับ
  

            เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว นะครับ