เมื่อปี ๒๕๕๓ คนเสื้อแดงอยู่ที่ราชดำเนิน และราชประสงค์ และสุดท้ายที่ไปรวมตัวที่ราชประสงค์
แต่เราแทบไม่เห็นแก๊สน้ำตา น้ำฉีด.... เราเห็นกระสุนจริง และป้ายบอกเขตใช้กระสุนจริง
และเราเห็นนายกหล่อๆ คนหนึ่ง ที่ลอยหน้าลอยตาบอกว่า "แค่โชคร้ายที่มีคนตาย"
ปี ๒๕๕๖
เราเห็นการควบคุมฝูงชนที่ใช้ทุกอย่างตามขั้นตอน แก๊สน้ำตา น้ำฉีด กระสุนยาง (ในกรณีที่ผู้ชุมนุมทำเกินขอบเขต)
แล้วก็ที่ผมน่าจะไม่เคยเห็นมาก่อนคือ น้ำสีฉีด ซึ่งเป็นกระบวนการควบคุมฝูงชนสากล เพื่อให้สามารถแยกฝูงชนได้ว่าใครเป็นผู้ชุมนุมหากต้องการจับกุม
จนถึงตอนนี้ ความอดทนของนายกยิ่งลักษณ์ น่าจะเป็นความอดทนอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งทำงานการเมือง และมีชีวิตทางการเมืองที่น้อยมาก จะทำได้ถึงขนาดนี้
ภาพการให้สัมภาษณ์และการตอบปัญหา ในช่วง๒-๓ วันนี้ ทำให้เราเห็นความพยายามที่นายกต้องการจะแก้ปัญหาด้วยการไม่ใช้ความรุนแรงอย่างถึงที่สุด
และที่สำคัญก็คือ ไม่ประกาศแม้แต่พรก.ฉุกเฉิน เพื่อใช้อำนาจอย่างเต็มที่
นี่เป็นสิ่งที่ผมทึ่งมากว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ พยายามอดทนได้ถึงขนาดนี้
ถ้าจะว่าเพราะท่านเป็นผู้หญิง ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเราไม่ค่อยเห็นนักการเมืองผู้หญิง ที่เพิ่งลงการเมือง จะอดทนได้ถึงขนาดนี้
สิ่งที่เราพอจะบอกได้ก็คือ น่าจะเป็น "จิตวิญญาณแห่งมนุษยธรรม" ที่อยู่ในตัวท่านนายก ที่ไม่ต้องการจะให้ใครตายแม้แต่คนเดียวด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่มีการประกาศเขตกระสุนจริง อย่างที่นายกคนหนึ่ง ทำกับประชาชนในประเทศตนเอง
ผมคิดว่า ผมจะไม่ได้เห็นนักการเมืองสตรี (รวมถึงนักการเมืองชาย) ที่มีความอดทนอย่างยิ่งยวดที่สุด ได้เท่ากับนายกยิ่งลักษณ์ ในขณะนี้
และที่สำคัญก็คือ ความรู้สึกที่ท่านมีต่อประชาชน ที่ท่านต้องรับผิดชอบ ในฐานะที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับเลือกจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
ขอบคุณครับ ท่านนายก ผมเชื่อว่าท่านจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้
และต่อให้ท่านต้องยุบสภาเพราะแรงกดดันอย่างไรก็ตาม หากท่านยังต้องการจะลงเลือกตั้งอีกครั้ง ผมก็จะเลือกท่านอีก
แต่ถ้าท่านจะต้องถูกทำให้ลงจากตำแหน่งด้วยวิธีพิเศษ ผมก็จะออกไปต่อสู้กับความอยุติธรรมเหล่านั้น
ไม่ใช่เพราะท่านเป็นนายกที่ผมชอบ
ไม่ใช่เพราะท่านเป็นนายกที่มาจากพรรคเพื่อไทย
ไม่ใช่เพราะท่านเป็นนายกที่เป็นน้องสาวของทักษิณ
แต่เพราะผมรู้แล้วว่า วินาทีนี้ ท่านได้ทำตนให้สมกับคำว่า "นายกรัฐมนตรีของประชาชน" อย่างแท้จริง
จิตวิญญาณแห่งมนุษยธรรมที่สูงส่งของท่านนายกยิ่งลักษณ์
แต่เราแทบไม่เห็นแก๊สน้ำตา น้ำฉีด.... เราเห็นกระสุนจริง และป้ายบอกเขตใช้กระสุนจริง
และเราเห็นนายกหล่อๆ คนหนึ่ง ที่ลอยหน้าลอยตาบอกว่า "แค่โชคร้ายที่มีคนตาย"
ปี ๒๕๕๖
เราเห็นการควบคุมฝูงชนที่ใช้ทุกอย่างตามขั้นตอน แก๊สน้ำตา น้ำฉีด กระสุนยาง (ในกรณีที่ผู้ชุมนุมทำเกินขอบเขต)
แล้วก็ที่ผมน่าจะไม่เคยเห็นมาก่อนคือ น้ำสีฉีด ซึ่งเป็นกระบวนการควบคุมฝูงชนสากล เพื่อให้สามารถแยกฝูงชนได้ว่าใครเป็นผู้ชุมนุมหากต้องการจับกุม
จนถึงตอนนี้ ความอดทนของนายกยิ่งลักษณ์ น่าจะเป็นความอดทนอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่า ผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งทำงานการเมือง และมีชีวิตทางการเมืองที่น้อยมาก จะทำได้ถึงขนาดนี้
ภาพการให้สัมภาษณ์และการตอบปัญหา ในช่วง๒-๓ วันนี้ ทำให้เราเห็นความพยายามที่นายกต้องการจะแก้ปัญหาด้วยการไม่ใช้ความรุนแรงอย่างถึงที่สุด
และที่สำคัญก็คือ ไม่ประกาศแม้แต่พรก.ฉุกเฉิน เพื่อใช้อำนาจอย่างเต็มที่
นี่เป็นสิ่งที่ผมทึ่งมากว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้ท่านนายกยิ่งลักษณ์ พยายามอดทนได้ถึงขนาดนี้
ถ้าจะว่าเพราะท่านเป็นผู้หญิง ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเราไม่ค่อยเห็นนักการเมืองผู้หญิง ที่เพิ่งลงการเมือง จะอดทนได้ถึงขนาดนี้
สิ่งที่เราพอจะบอกได้ก็คือ น่าจะเป็น "จิตวิญญาณแห่งมนุษยธรรม" ที่อยู่ในตัวท่านนายก ที่ไม่ต้องการจะให้ใครตายแม้แต่คนเดียวด้วยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่มีการประกาศเขตกระสุนจริง อย่างที่นายกคนหนึ่ง ทำกับประชาชนในประเทศตนเอง
ผมคิดว่า ผมจะไม่ได้เห็นนักการเมืองสตรี (รวมถึงนักการเมืองชาย) ที่มีความอดทนอย่างยิ่งยวดที่สุด ได้เท่ากับนายกยิ่งลักษณ์ ในขณะนี้
และที่สำคัญก็คือ ความรู้สึกที่ท่านมีต่อประชาชน ที่ท่านต้องรับผิดชอบ ในฐานะที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับเลือกจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน
ขอบคุณครับ ท่านนายก ผมเชื่อว่าท่านจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้
และต่อให้ท่านต้องยุบสภาเพราะแรงกดดันอย่างไรก็ตาม หากท่านยังต้องการจะลงเลือกตั้งอีกครั้ง ผมก็จะเลือกท่านอีก
แต่ถ้าท่านจะต้องถูกทำให้ลงจากตำแหน่งด้วยวิธีพิเศษ ผมก็จะออกไปต่อสู้กับความอยุติธรรมเหล่านั้น
ไม่ใช่เพราะท่านเป็นนายกที่ผมชอบ
ไม่ใช่เพราะท่านเป็นนายกที่มาจากพรรคเพื่อไทย
ไม่ใช่เพราะท่านเป็นนายกที่เป็นน้องสาวของทักษิณ
แต่เพราะผมรู้แล้วว่า วินาทีนี้ ท่านได้ทำตนให้สมกับคำว่า "นายกรัฐมนตรีของประชาชน" อย่างแท้จริง