.... และแล้วก็ได้ทุนเรียนต่อ ปโท วิศวะ ตปท...

ขอแบ่งปันข้อมูลการเรียนต่อต่างประเทศและการใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศระหว่างเรียน อันนี้อาจจะเป็นประสบการณ์ของเราเองซึ่งคนอื่นอาจจะมีอะไรที่แต่ต่างออกไปน่ะ ตอนเราหาข้อมูลเรื่องเรียนต่อ เราก็เริ่มต้นจากพันทิบ วันนี้ใกล้จะเรียนจบแล้วก็อยากแบ่งปันแก่น้องๆ เพื่อนๆ ที่กำลังจะมาเรียนต่อบ้าง

Background – เราเรียนจบวิศวะด้วยเกียรตินิยมอันดับ1 ใจก็อยากเรียนต่อ ป.โท แต่ก็ไม่รู้จะเรียนอะไรต่อ แต่อีกใจก็อยากพิสูจน์ว่าที่เรียนมามันใช้ได้เลยมั้ย เพราะชอบมีคนบอกว่า   “โอ้ยที่เรียนมามันไม่ได้ใช่หรอก” เราเลยเลือกที่จะทำงานหลังเรียนจบประมาณ 4 – 5 ปี อยากจะบอกน้องๆ ว่าเราได้ใช้ความรู้ที่เราเรียนมาหลายอย่าง และอย่างน้อยที่สุดเราว่า มันทำให้เรามี engineering sense
ตอนนี้เราเรียนเทอมสุดท้ายในมหาลัยในแคนาคา

ก่อนที่เราจะเริ่มค้นหาว่าเราจะเรียนอะไร ที่ไหน เราตั้งเป้าหมายก่อนเลยว่า
1)    เราต้องเรียนสาขาที่เราอยากเรียนเท่านั้น – เพราะเราคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องได้ทำสิ่งที่เราชอบ อยากเรียน ไม่ใช่ โดนบังคับให้เรียน หรือได้ทุนในสาขาที่เราไม่อยากเรียน
2)    เราต้องได้ทุนการศึกษาให้เปล่าเท่านั้น – ซึ่งต้องยอมรับว่าหายากสำหรับ นักศึกษา ป.โท ในต่างประเทศ อีกทั้งเราเป็น International student ซึ่ง prof ที่จะให้ทุนเราก็ไม่ได้รู้จักเรามาก่อน เสี่ยงพอตัวที่อาจารย์จะให้เงินเด็กต่างด้าวอย่างเรา
3)      เราต้องเรียนใน ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น - ก่อนมาภาษาเราก็อ่อนแออยู่ เลยคิดว่าเอาหว่ะเรียนจบต้องพูดได้แบบมี สำเนียงฝรั่งหน่อยหล่ะ
จากเป้าหมายทั้ง 3 ข้อ ทำให้ choice เราค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ จนเราได้ ลิส ของ สาขา และมหาลัยที่เราอยากเรียนและประเทศที่เราอยากไปอยู่

สาขา – เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา เพราะเราอยากเอาประสบการณ์ทำงานที่เรามีมาต่อยอดกับ ป.โท ตอนที่เราทำงาน เราพยามค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร และ อย่างเรียนอะไร ที่เป็นเฉพาะทางมากขึ้น เราอยากมีส่วนร่วมในการเสนอไอเดียกับ prof  

ภาษา – อันนี้ต้องศึกษาก่อนว่า requirement ของทางมหาลัยมีอะไรบ้าง เช่น โทเฟล ไอเอล GRE สำหรับเราคือเราอ่านหนังสือเตรียมสอบอังกฤษไปด้วย หาสาขาที่เราอยากเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ตลอดเวลา 3 – 4 ปี ใช่มันหนักมากแต่มันคุ้มมากเมื่อเราได้ทุน

ทุนการศึกษา – อันนี้อยากบอกน้องๆ ว่า Master of Applied Science ส่วนใหญ่ prof. จะให้ทุนนักศึกษาซึ่งครอบคุมค่าเทอม (3เทอม ต่อปี) ซึ่งกว่าจะได้ตอบรับจากอาจารย์ เราก็ใช้ความพยามอย่างมาก นักศึกษาส่วนใหญ่ต้องติดต่อ อาจารย์ที่เราสนใจโดยตรงเช่นทาง อีเมล เนื้อหาในอีเมล โดยทั่วไปก็บอกความสนใจว่าเราต้องการทำ Research ใน area นั้นๆ ส่วนตัวเราเอง ส่งอีเมลหาอาจารย์หลายคนมากหลายประเทศ (มากกว่า 50 อีเมล) บ้างก็ตอบกลับมาว่าไม่รับ บ้างก็ไม่ตอบ บ้างก็รับแต่ไม่ได้ทุน ในเวลาเดียวกันเราก็ติดต่อเพื่อนๆสมัยเรียนว่ามีใครเรียนอยู่เมืองนอกบ้าง และก็อาจารย์ที่มหาลัยที่เราเคยเรียน  เผื่อเค้าให้คำแนะนำเราได้บ้าง นอกจากนี้เราก็สมัครทุนต่างๆ เช่น eramus (เรียนที่ยุโรป แต่เป็น international program) สรุปว่าพยามทำทุกทางที่ให้ได้ทุนเรียนฟรี เราเชื่อมันมีและเราน่าจะได้
สำหรับใครที่หาทุนเรียนอยู่ แล้วยังไม่ได้อย่าเพิ่งท้อแท้น่ะ เราใช้ความพยามทั้งหมด 3 ปี กว่าจะได้และ meet ทุก เป้าหมายของเรา เราได้ทุนเรียนในมหาลัยที่ใช้ภาษาอังกฤษที่สำคัญ หัวข้อ research ที่เราอยากทำ มันต่อยอดกับที่เราทำงานมา

มีอีกวิธีนึงที่เราเห็นเพื่อนต่างชาติบางคนได้ทุนหลังจากที่เราได้เข้ามาเรียน ป.โท แล้วคือปกติ master’s degree จะมี 2 โปรแกรมคือ
1)    Master of Engineering (MEng) – เรียนแต่ coursework ไม่ต้องทำ research ดังนั้นคนที่เรียนโปรแกรมนี้ต้องจ่ายเงินค่าเทอมเอง
2)    Master of Applied Science (MASc) หลักๆ คือทำ research แต่ก็มี coursework ด้วยนิดหน่อย คนส่วนใหญ่ที่เรียนโปรแกรมนี้ ได้ทุนจากอาจารย์เพราะเหมือนเราช่วยอาจารย์ทำวิจัย

เนื่องจากมันก็ยากที่อาจารย์จะให้ทุน นศ ที่ตัวเองไม่รู้จักมาก่อน เพื่อนบางคนจึงเข้ามาเรียน MEng ก่อนสัก 1 – 2 เทอม เพื่อทำเกรดและเข้าหาอาจารย์ได้ง่ายขึ้น หลังจากที่อาจารย์รู้จักเค้าก็อาจจะรับเข้าเป็น MASc student นั่นแปลว่า อาจารย์จะจ่ายค่าเทอมให้ (ที่นี่เทอมละประมาณ 180,000 บาท) สรุปวิธีการหาทุนคือ ก็สมัครทุนที่เปิดโดยทั่วไป หรือ ติดต่อ prof. เองโดยตรงเลย (อันนี้ยากแต่ได้แล้ว ฟินสุดๆ) หรือ สมัครเรียน MEng ไปก่อนแล้วค่อย convert เป็น MASc.

ที่พัก – หลังจากที่เราได้ตอบรับจากมหาลัยแล้ว ก็เราติดต่อเด็กเรียนไทยที่เมืองนั้น เพื่อให้เค้าช่วยดูสภาพบ้านที่เราต้องการจะเช่า หลักๆที่เราสนใจคือเราอยากอยู่กับ Landlord ฝรั่งเราอยากเรียนรู้วัฒนธรรมของเค้า ไหนๆ ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว บ้านที่เราเช่าอยู่ตอนนี้ก็ดีมากเลย ในบ้านมีสามีภรรยาฝรั่งแก่แล้วหล่ะ แต่ลูกๆ เค้าย้ายออกหมดแล้วเค้าเลยเปิดคนนักเรียน ปโท หรือไม่ก็ ปเอก เช่าอยู่ สบายเลยเราไม่ต้องมี roommate ให้ลำบากใจ  เจ้าของบ้านก็ดูแลเราเหมือนลูกเค้าเลย เป็นคนไทยมีมารยาท อยู่ที่ไหนใครๆก็รัก ....

การเรียน – เรื่องเรียนก็คงไม่มีปัญหาสำหรับคนที่ตั้งใจมาเรียนอยู่แล้ว แต่ระหว่างการเรียนเราสามารถทำงานได้ด้วยการเป็น teacher assistance (TA) ก็เหมือนเป็นผู้ช่วยอาจารย์ ตรวจการบ้าน คุมแลป tutorial คุมสอบ เป็นต้น ซึ่งก็จัดว่ารายได้ดีอยู่ สำหรับเราค่าเทอมได้จากอาจารย์ ค่ากินอยู่ได้จากการทำ TA แต่สำหรับ ป เอก ไม่ต้องทำ ทีเอก็อยู่ได้เพราะเค้าได้ทุนมากกว่าเรา

แต่ตั้งเรามาเรียนตลอด 2 ปี ไม่ได้ขอเงินพ่อแม่เพื่อต้องมาอยู่เมืองนอกเลยกินใช้ให้พอกับเงินที่หาได้ที่นี่  ส่วนเงินที่เราสะสมไว้ก่อนที่เราจะมาเรียนต่อ เราใช้ผ่อน ทั้งบ้าน ทั้งรถ ทั้งคอนโด ที่เราซื้อที่เมืองไทย กลับไปก็เริ่มต้นกันใหม่ ... สู้ !

ชีวิตไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากจนเกินไป เป็นกำลังใจให้ทุกคนน่ะ


....แหล่งข้อมูลทุน ............
http://www.riannork.com/scholarlist.php
http://www.vcharkarn.com/vcafe/?catid92-4021 ext. 2308
ทุน Shell (อังกฤษ)
ทุน Japan-IMF     www.imf.org
ทุนประเทศเยอรมัน (DAAD) www.daad.th.com
http://www.international-scholarship.net/
http://www.esl-lab.com/credit/creditcardrd1.htm
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่