วันวานยังหวานอยู่ กับเจ้ากระบะมาสด้า แฟมิเลีย ตัวน้อย

กระทู้คำถาม
สำหรับเจ้ามาสด้าน้อยคันนี้ ประวัติความเป็นมา ผมอ้างอิงจากหนังสือนักเลงรถกระบะปี 2538 นะครับ

สรุปได้ใจความประมาณว่า

มาสด้า กระบะ แฟมิเลีย เริ่มเข้ามาในบ้านเราตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษที่ 60

เอาเข้ามาขายด้วยรุ่น 1000 วางเครื่อง 4 สูบ 987 ซีซี. 56 แรงม้า ที่ 6000 รอบต่อนาที และรุ่น 1200 ความจุ 1169 ซีซี. 68 แรงม้าที่ 6000 รอบต่อนาที

รุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับ มาสด้ากระบะ แฟมิเลียนี้ ก็คือรุ่น 1200 นี่เอง แม้จะมีความจุเพียง 1169 ซีซี มีม้า 68 ตัว แต่มีความจัดจ้าน ชนิดรถเก๋งเครื่อง 1600 ยังหนีไม่ค่อยออก ในยุคนั้น ทำให้ได้รับความนิยมอยู่ในระดับสูงเลยทีเดียว ( นึกไม่ออกว่า รถเก๋ง1.6 สมัยนั้นมีอะไรบ้าง พวก Ford Cortina , ต่ำกว่านั้น ก็ Champ , Sunny , AE ตระกูลต่างๆ )

จนกระทั่งมีกฎหมายห้ามนำรถเข้า ให้ขายได้เฉพาะรถที่ประกอบในประเทศ ( อันนี้ ทำให้ NV ได้เกิดครับ )

ทางมาสด้าก็เลยตั้งโรงงานประกอบรถมาสด้าขึ้นมา ในชื่อ บริษัท สุโกศล มาสด้า อุตสาหกรรมรถยนต์ จำกัด เมื่อเดือนมกราคม ปี 1974

ต่อมาในเดือนตุลาคม ปี 1980 เห็นว่าเจ้ากระบะแฟมิเลียได้รับความนิยมสูงจึงประกอบออกมาขายมั่ง แต่คราวนี้ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ เป็นรุ่น 1000 และ 1300 เข้ามารับหน้าที่แทนตัว 1200

ซึ่งต่อมาเลิกทำรุ่น 1000 มาขาย คงเหลือไว้เฉพาะรุ่น 1300 (รุ่น 1300 ถ้าจำได้จะมีพี่แอ๊ด คาราบาวมาเป็น พรีเซ็นเตอร์ กับโหน่ง ชะชะช่า พร้อมกับสโลแกน แหม่ มันน่าใช้ดีจัง......)


จวบจน ปี 1990 มาสด้าได้ทำตัว 1400 ออกมา ด้วยเครื่องยนต์ที่มีความจุ 1415 ซีซี (77x76) ซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮด แถวเรียง 4 สูบ อัตราส่วนกำลังอัด9ต่อ1 คาร์บูเรเตอร์เดี่ยว มีแรงม้า 62 ตัวตามหน่วยดิน หรือ70 ตัว ตามหน่วย เอสเออีที่ 5000รอบต่อนาที ปัจจุบัน เลิกผลิต แล้วจ้าาา

ตลาดกระบะเล็ก และเป็นรถใหม่ ตอนนี้พวก แบรนด์ใหญ่ๆ พูดได้เต็มปากว่า

ถอนตลาดกลับหมดแล้ว ,

NV-Wingroad นี่ไม่แน่ บางศูนษ์ยังจะมีขายอยู่ก็ได้ แต่จะเรียกกระบะได้ไม่เต็มปากนัก เหมือนรถกะเทย เพราะช่วงล่างหลังใช้คอยสปริง แบบรถเก๋งไปซะนี่

.. รถจีน ยี่ห้อ DFM , รถกระบะไดฮัทสุ มือสอง พวกนี้ ก็ถือว่าเป็นคู่แข่งได้เช่นกัน

เจ้ามาสด้าน้อย แฟมิเลีย นี่ก็ มีอยู่ทั้งหมด สามรุ่น สามรูปแบบ เช่นกัน

1.รุ่น Standard Cab
1.กระบะยาว ห้าขอ ,
2.กระบะสั้น สี่ขอ , อันนี้ กระบะท้าย จะสั้นลง  พอๆกับพวกมีแค๊บ
2.รุ่น Extra Cab เป็น รุ่นที่ห้องโดยสาร กว้างขึ้น เบาะสามารถ เอนหลังได้ แค๊บหลอกนั่นเอง เด็กเข้าไปนั่งไม่ได้หรอก แคบ อยู่ดี
3.รุ่น Maxi Cab รุ่นนี้เป็นรุ่นที่เป็นแค๊บ นั่งได้จริงๆครับ หลังคาสูงด้วย มีคนเรียกว่า โป๊งเหน่ง,แตงโม งี้มั่ง
เครื่องยนต์ก็ รุ่น 1.,2. ก็จะมีให้เลือกทั้ง 1.3 , 1.4 ลิตร ยกเว้นแต่ maxi cab มีแต่ 1.4 ลิตรครับ






ทุกรุ่น ในล๊อตปีหลัง 198x ของแท้ต้องกะทะล้อ พร้อมยางขนาด 13 นิ้ว

ส่วนใหญ่ จะใส่ 175/70/R13 ครับ เปลี่ยนแม๊กก็ได แต่หาแม๊กยากครับ หนำซ้ำพวงมาลัยหนักด้วย

เพียงพอต่อการใช้งานแล้วครับ



ตัวรถด้านข้าง จะถูกตกแต่งด้วย สติ๊กเกอร์ที่นำมาสร้างเส้นสายให้กับตัวรถ ดูลื่นไหล ไปในทางเดียวกันมากขึ้น ทุกรุ่น , ถ้าเป็นรุ่น 1.4 จะเป็นสติ๊กเกอร์อีกแบบหนึ่ง



รายละเอียดที่พอจะแยกว่า รุ่น 1.3 กับ 1.4 นั้นแตกต่างกันอย่างไร แล้วก็ รุ่นอื่นๆแตกต่างอย่างไร

เด่นชัดที่สุด คือกระจังหน้าครับ

เพราะว่าตัวถังนั้น กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า

เมื่อก่อนเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็เป็นอย่างนั้น สงสัยเครื่องปั้มเพลท แพง , ทรงเดิมมาตั้งแต่ยุค 70



ภายใน เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากดั้งเดิมครับ คือช่องใต้วิทยุ จะมีแอร์มาให้ มีช่องใส่ของจุกจิก

คอพวงมาลัยก็เพิ่มที่บิดกุญแจสตาร์ท จากเดิมอยู่บนคอนโซล

แผงหน้าปัด มีมาตรวัดความเร็วอันใหญ่ๆ 0-160 กับ ระดับน้ำมัน , อุณหภูมิ , และแรงดันไฟแบตเตอร์รี่!!!

...วัดAMP/แรงดันไฟดีอย่างไร , มีไว้บอกว่า มีไฟชาร์จกลับเข้าแบตไหม มีอุปกรณ์ส่วนไหนดึงไฟไปบ้าง อะไรเป็นต้น

ตำแหน่งชุดมาตรวัดค่อนข้างต่ำเอาเรื่อง ต้องละสายตามาดูทุกครั้ง แถมพวงมาลัยบังไฟเลี้ยวพอดีอีกต่างหาก

เปิดไฟเลี้ยวทีต้องก้มมองว่า ไฟเลี้ยวข้างไหนเปิดทิ้งไว้หรือเปล่า ?

  

ในรุ่น 1.4 ถึงจะเป็นหน้าปัดดีไซน์ใหม่ แล้วก็มีรอบเครื่องให้

ทุกรุ่น , กระจกมือหมุน ปัดน้ำฝน2จังหวะ ช้าเร็ว ไม่มีหน่วงเวลา

พ่วงด้วยเกียร์ธรรมดา 4สปีดในรุ่น 1.0 และ 5สปีด ในรุ่น 1.3-1.4

พวงมาลัยสองก้านแบบแร๊คแอนด์พิเนียน ถ้าฟิตพวงมาลัยใหม่ มันค่อนข้างจะฉับไวเอาเรื่องไม่น้อยหน้ารุ่นใหม่ๆ มีระยะฟรีเล็กน้อย

ปรับระดับสูงต่ำ ไม่ได้ เวลาขับค่อนข้างสูงเอาเรื่อง

การเข้าออกประตูของห้องโดยสารนั้น สูงเกิน 175 ซม. มีปัญหาแน่นอน เพราะนั่งขับแบบ เหมือนนั่งเก้าอี้เด๊ะ ชันเข่า แล้วเข่าติดพวงมาลัย

คนนั่งก็ไม่แพ้กัน คับแคบเอาเรื่อง

เบาะหนัง ไวนิล ปรับเอน ไม่ได้จ้า

รายละเอียดทางเทคนิคและทดลองขับจ้า

คันนี้ เครื่องยนต์ เบนซิน OHV วางตามยาวชนกับเกียร์ธรรมดา5สปีด

1300 ซีซี โดยประมาณ จ่ายน้ำมันด้วยระบบคาบูเรเตอร์เดี่ยว

แรงม้าสูงสุดประมาณ 70 แรงม้า

อัตราเร่ง พยายามทดสอบกันอยู่หลายครั้ง จนเป็นอันต้องล้มเลิกไป

TOPSpeed เมื่อเครื่องสมบูรณ์คันนี้ ผมจับดูแล้ว 130 Km/hr ไหลต่อได้แต่ไม่ทราบชะตากรรมข้างหน้า จึงหยุดอยู่แค่นี้

บุคลิกเครื่องยนต์ตัวน้อย พ่วงด้วยเกียร์ที่ทดจัดขนาดนี้ แรงบิดเกียร์ต้นๆ มีมาให้ใช้อย่างเหลือเฟือ เว้นเสียแต่ต้องลากรอบกันหน่อย

ปราดเปรียวมาก มีความคล่องตัวสูงในการขับในเมืองที่จะต้องมุด แทรกไปตามช่องต่างๆของถนน เพียงแค่รักษารอบเครื่องไม่ให้ต่ำมาก ยามจะใช้งาน เพียงแค่กด รถก็จะพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

แล้วทุกอย่างจะหายไป เมื่อรถทะยานขึ้นมากกว่า 100 Km/hr

..ผมคิดว่าน่าจะเซตเฟืองท้ายมาจัดมาก เพื่อที่ใช้บรรทุก ไม่ได้วิ่งเร็วๆ รอบมันได้เหลือโคตรๆ ถึงขนาดคิดว่า ถ้ามีอีกเกียร์มันน่าจะได้ไปเร็วกว่านี้

สรุปสั้นๆว่า มันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนักหรอก เจ้าเครื่อง1.3 ตัวนี้ พอจะฟัดเหวี่ยงกับชาวบ้านตามสี่แยกไฟแดงได้

ระบบกันสะเทือนนั้น เซตมาได้แบบ โคตรไม่บาลานซ์ กันอย่างสิ้นเชิง

หน้าเป็นแบบ อิสระ ปีกนก แม๊คเฟอสันสตรัท พร้อมช๊อพอัพ ... นุ่มมากกก

หลังเป็นแบบ แหนบ5แผ่น พร้อมช๊อพอัพ ... แข็งมากกก

ความพอดีคุณจะเริ่มสัมผัสได้ ต่อเมื่อคุณหาอะไรซักอย่างซัก 200kg มาไว้หลังกระบะ แล้วขับ

ยามนั้นถึงจะได้รู้สึกว่า มันจะนิ่มนวลน่าขับขึ้นมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่