*ทางออกความขัดแย้ง จะเป็นไปทางไหนดี?*
ถ้าสองฝ่ายต่างเชื่อแต่สื่อตัวเอง ปิดหูปิดตาไม่อยากรับรู้วิชาการฝ่ายตรงข้าม ความขัดแย้งยังไงก็ไม่จบ มีแต่จะหนักขึ้นๆ อีกหลายสิบปีก็ไม่จบ
ในเมื่อทั้งสองฝ่ายเชื้อชาติก็เชื้อเดียวกัน ศาสนาก็เหมือนๆ ต่างกันแค่เพียงการรับสื่อไม่เหมือนกันแล้วเชื่อตามสื่อไม่เหมือนกัน จะไปใช้อำนาจปิดกั้นสื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้ ยิ่งปิดยิ่งอยากรู้
ทางแก้ก็คือ ปลุกเทรนของการ เปิดหูเปิดตารับฟังความรู้วิชาการจากฝ่ายตรงข้าม ลดอีโก้ ลดอัตตา ท้าทายฝ่ายตรงข้ามด้วยเหตุผล ถ้าเหตุผลสู้ไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธ เครียด กลัวเสียหน้า อะไรพวกนี้ ต้องปรับมุมมองให้คิดเป็นแง่บวก คนเถียงสู้ไม่ได้ก็ให้คิดว่า ดีเลยเราได้ความรู้เพิ่มเราฉลาดขึ้น คนที่มีเหตุผลเถียงสู้ได้ก็จะไ้ด้สมาชิกที่คิดเหมือนกันเพิ่มขึ้นมา
ต้องรณรงค์สร้างเทรนแบบนี้ขึ้นมาให้ได้ แล้วจะมีแต่ WIN กับ WIN มีแต่สร้างสรรค์
*ทางออกความขัดแย้ง จะเป็นไปทางไหนดี?*
ถ้าสองฝ่ายต่างเชื่อแต่สื่อตัวเอง ปิดหูปิดตาไม่อยากรับรู้วิชาการฝ่ายตรงข้าม ความขัดแย้งยังไงก็ไม่จบ มีแต่จะหนักขึ้นๆ อีกหลายสิบปีก็ไม่จบ
ในเมื่อทั้งสองฝ่ายเชื้อชาติก็เชื้อเดียวกัน ศาสนาก็เหมือนๆ ต่างกันแค่เพียงการรับสื่อไม่เหมือนกันแล้วเชื่อตามสื่อไม่เหมือนกัน จะไปใช้อำนาจปิดกั้นสื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้ ยิ่งปิดยิ่งอยากรู้
ทางแก้ก็คือ ปลุกเทรนของการ เปิดหูเปิดตารับฟังความรู้วิชาการจากฝ่ายตรงข้าม ลดอีโก้ ลดอัตตา ท้าทายฝ่ายตรงข้ามด้วยเหตุผล ถ้าเหตุผลสู้ไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องโกรธ เครียด กลัวเสียหน้า อะไรพวกนี้ ต้องปรับมุมมองให้คิดเป็นแง่บวก คนเถียงสู้ไม่ได้ก็ให้คิดว่า ดีเลยเราได้ความรู้เพิ่มเราฉลาดขึ้น คนที่มีเหตุผลเถียงสู้ได้ก็จะไ้ด้สมาชิกที่คิดเหมือนกันเพิ่มขึ้นมา
ต้องรณรงค์สร้างเทรนแบบนี้ขึ้นมาให้ได้ แล้วจะมีแต่ WIN กับ WIN มีแต่สร้างสรรค์