.....สืบเนื่องจากเมื่อวาน เห็นภาพตัดต่อล้อเลียนยิ่งลักษณ์แล้วรู้สึกหงุดหงิด เลยคิดว่าต้องหาวิธีทำให้ภาพพวกนี้หมดไปจากราชดำเนิน
ก็เลยมาเป็นกะทู้ในวันนี้
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)
มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14
มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
แปลเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ ให้ชาวราชดำเนินเข้าใจก็จะได้ดังนี้
มาตรา14 แปลรวมๆทุกวรรคได้ว่า การเอาข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่ว่าจะจินตนาการไปเอง โกหกเอง หรือเอามาจากแหล่งอื่นที่โกหกไว้ face book website ไหนก็ช่าง มาโพสในราชดำเนิน มีความผิดตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง และลามกอนาจาร สุ่มเสี่ยงที่จะติดคุกได้ง่ายๆ
คำถาม : แล้วจะรู้ได้ไงล่ะ ว่าข้อมูลไหนจริงไหนเท็จ
คำตอบ : หากไม่อยากตรวจสอบข้อมูลเอง ก็ให้ดูแหล่งที่มาไว้ก่อนเลย หากเป็นองค์กรของรัฐ สื่อมวลชน อันนี้นำมาโพส ต่อได้ แต่ต้องไม่บิดเบือนเนื้อหา ส่วนแหล่งข้อมูลประเภทส่วนบุคคล อาทิเช่น คุณไปเอาข้อมูลจาก face book ใครก็ไม่รู้มามีเนื้อหาประมาณว่า ทักษิณเตรียมจ้างทหารรับจ้างมาเพื่อก่อการปฏิวัติแย่งชิงอำนาจ แล้วผมไปอ่านเกิดตกใจ กลัวอำนาจประชาธิปไตยของผมถูกทักษิณปล้น โทรไปแจ้งตำรวจกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ช่วยตรวจสอบความจริง แล้วตำรวจก็จะถามว่าเอาเรื่องนี้มากจากไหน ผมก็ได้แต่บอกว่า เอามาจากกะทู้คุณ ตำรวจก็จะไปถามพันทิพว่า ตัวตนที่แท้จริงของคุณเป็นใคร จะล็อคอินนามแฟง รึหมายเลข ก็ตามตัวไม่ยาก เพราะเขาตามกันที่ IP แล้วคุณจะโบ้ยต่อไปว่าเอามาจาก face book ก็ไม่มีผลอะไร สุดท้ายคุณก็ผิดคนเดียว เพราะ face book เขาไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลสมาชิกให้กับทางการไทย สุดท้ายเมื่อทำการตรวจสอบแล้ว ข้อมูลที่คุณเอามาโพสให้ผมเห็น ไม่เป็นความจริง คนที่ต้องรับโทษก็คือคุณคนเดียว และในกรณีมีคนในราชดำเนิน คนอื่นเอาข้อมูลที่คุณเอามาโพสไว้ไปโพสต่อ คุณก็จะได้เพื่อนร่วมรับโทษเพิ่ม จะได้ไม่เหงาเวลาติดคุกหรือเสียค่าปรับ
มาตรา15 เป็นเรื่องของเว็บไซต์ผู้ให้บริการอย่างพันทิพ ซึ่งแน่นอน โอกาสที่เขาจะผิดในมาตรานี้แทบไม่มีเลย เพราะข้อตกลงในการเป็นสมาชิกผู้มิสิทธิโพส เขาก็กำหนดเกราะป้องกันตัวเองไว้แล้ว
มาตรา16 เป็นเรื่องของการตัดต่อภาพทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ซึ่งความผิดรูปแบบนี้แหละที่ผมอยากจะกำจัดให้หมดไปจากราชดำเนิน การโพสรูปภาพเหล่านี้ ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆเลยกับประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ไม่สมควรทำทั้งสิ้น แถมภาพพวกนี้ยิ่งสร้างความแตกแยกระหว่างคนในชาติให้มากขึ้นด้วย
คำถาม : ภาพในลักษณะไหนเข้าข่ายความผิดมาตรานี้
คำตอบ : ก็ทุกภาพที่มีการตัดต่อนั้นแหละ หากก่อให้เกิดความเสียหายผิดหมด หากภาพไม่ได้ตัดต่อ แต่เติมข้อความลงไปในภาพในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ก็ผิด ภาพล้อเลียนก็ผิดหากมีข้อความที่สื่อให้เข้าใจในทางเสียหาย
ขอบอกไว้เลยว่าตั้งแต่มาตรา 14 ถึง 16 ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าทุกข์ไปเป็นผู้แจ้ง ใครก็ได้สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการได้เลย ถ้าอยากให้ดำเนินการไวก็ไม่ต้องแจ้งตำรวจท้องที่(ซึ่งเท่าที่รู้ ไม่ค่อยจะอยากตามเรื่องต่อสักเท่าไร) แต่แจ้งตรงไปที่ กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เลย เห็นผลรวดเร็วมาก แต่เร็วสำหรับขั้วข้างไหนก็คิดเอาเองนะ ว่าตอนนี้ใครเป็นฝ่ายรัฐ
คำแนะนำ อย่าได้นึกว่านักการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะที่จะตัดต่อภาพมาล้อเลียน เสียดสี หรือทำให้เกิดความเสียหายได้นะ เพราะการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานสามารถกระทำได้ตามสิทธิพึ่งมี เช่นถ้าอยากด่ารัฐบาลว่าโกง คอรัปชั่น สามารถกระทำได้ การวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะสามารถกระทำได้ถ้าเป็นความรู้สึกโดยสุจริต แต่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องหน้าที่การทำงานเท่านั้น อย่าได้เลยไปแตะเรื่องส่วนตัวเป็นอันขาด
ส่วนการด่าทอกันเองระหว่างสมาชิกก็อาจโดนข้อหาหมิ่นประมาท
ป.ล. เนื่องจากม็อบของท่านสุเทพ ทำให้ลูกค้าของผมเลื่อนหรือระงับไปหลายราย ทำให้ผมค่อนข้างว่างในช่วงนี้ อาจเป็นได้ว่าผมอาจใช้เวลาว่างที่มากขึ้น มาคอยดูหาผู้กระทำผิดในลักษณะที่เข้าข่ายที่ผมบอก แล้วส่งเรื่องให้ กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รับเรื่องไปดำเนินการต่อ ส่วนจะจับตาขั้วข้างไหนเป็นพิเศษนั้น คิดว่าน่าจะพอเดากันออก และผมก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำตัวเป็นกลางด้วย เพราะผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จะมาว่าผมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ได้
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของกะทู้นี้ คือต้องการให้ทุกคนนึกถึงมารยาทอันดีงามในการแสดงความเห็นในที่สาธารณะ และเคารพสิทธิการแสดงความเห็นของผู้อื่น เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้น ถ้าไม่เหลืออดจริงๆก็ไม่ทำหรอกครับ
คำแนะนำของพันทิพ
http://ppantip.com/about/defamation
ข้อแนะนำของนักกฎหมาย
http://www.oknation.net/blog/tigondrager/2013/05/07/entry-1
http://www.tcsd.in.th/petition แจ้งเบาะแสการโพสภาพตัดต่อ อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
เตือนนักโพส หยุดพฤติกรรมคึกคะนองเต้าข่าวเท็จ โพสภาพตัดต่อ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
ก็เลยมาเป็นกะทู้ในวันนี้
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4)
มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14
มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
แปลเป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ ให้ชาวราชดำเนินเข้าใจก็จะได้ดังนี้
มาตรา14 แปลรวมๆทุกวรรคได้ว่า การเอาข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่ว่าจะจินตนาการไปเอง โกหกเอง หรือเอามาจากแหล่งอื่นที่โกหกไว้ face book website ไหนก็ช่าง มาโพสในราชดำเนิน มีความผิดตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง และลามกอนาจาร สุ่มเสี่ยงที่จะติดคุกได้ง่ายๆ
คำถาม : แล้วจะรู้ได้ไงล่ะ ว่าข้อมูลไหนจริงไหนเท็จ
คำตอบ : หากไม่อยากตรวจสอบข้อมูลเอง ก็ให้ดูแหล่งที่มาไว้ก่อนเลย หากเป็นองค์กรของรัฐ สื่อมวลชน อันนี้นำมาโพส ต่อได้ แต่ต้องไม่บิดเบือนเนื้อหา ส่วนแหล่งข้อมูลประเภทส่วนบุคคล อาทิเช่น คุณไปเอาข้อมูลจาก face book ใครก็ไม่รู้มามีเนื้อหาประมาณว่า ทักษิณเตรียมจ้างทหารรับจ้างมาเพื่อก่อการปฏิวัติแย่งชิงอำนาจ แล้วผมไปอ่านเกิดตกใจ กลัวอำนาจประชาธิปไตยของผมถูกทักษิณปล้น โทรไปแจ้งตำรวจกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ช่วยตรวจสอบความจริง แล้วตำรวจก็จะถามว่าเอาเรื่องนี้มากจากไหน ผมก็ได้แต่บอกว่า เอามาจากกะทู้คุณ ตำรวจก็จะไปถามพันทิพว่า ตัวตนที่แท้จริงของคุณเป็นใคร จะล็อคอินนามแฟง รึหมายเลข ก็ตามตัวไม่ยาก เพราะเขาตามกันที่ IP แล้วคุณจะโบ้ยต่อไปว่าเอามาจาก face book ก็ไม่มีผลอะไร สุดท้ายคุณก็ผิดคนเดียว เพราะ face book เขาไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลสมาชิกให้กับทางการไทย สุดท้ายเมื่อทำการตรวจสอบแล้ว ข้อมูลที่คุณเอามาโพสให้ผมเห็น ไม่เป็นความจริง คนที่ต้องรับโทษก็คือคุณคนเดียว และในกรณีมีคนในราชดำเนิน คนอื่นเอาข้อมูลที่คุณเอามาโพสไว้ไปโพสต่อ คุณก็จะได้เพื่อนร่วมรับโทษเพิ่ม จะได้ไม่เหงาเวลาติดคุกหรือเสียค่าปรับ
มาตรา15 เป็นเรื่องของเว็บไซต์ผู้ให้บริการอย่างพันทิพ ซึ่งแน่นอน โอกาสที่เขาจะผิดในมาตรานี้แทบไม่มีเลย เพราะข้อตกลงในการเป็นสมาชิกผู้มิสิทธิโพส เขาก็กำหนดเกราะป้องกันตัวเองไว้แล้ว
มาตรา16 เป็นเรื่องของการตัดต่อภาพทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ซึ่งความผิดรูปแบบนี้แหละที่ผมอยากจะกำจัดให้หมดไปจากราชดำเนิน การโพสรูปภาพเหล่านี้ ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆเลยกับประเทศชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ไม่สมควรทำทั้งสิ้น แถมภาพพวกนี้ยิ่งสร้างความแตกแยกระหว่างคนในชาติให้มากขึ้นด้วย
คำถาม : ภาพในลักษณะไหนเข้าข่ายความผิดมาตรานี้
คำตอบ : ก็ทุกภาพที่มีการตัดต่อนั้นแหละ หากก่อให้เกิดความเสียหายผิดหมด หากภาพไม่ได้ตัดต่อ แต่เติมข้อความลงไปในภาพในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ก็ผิด ภาพล้อเลียนก็ผิดหากมีข้อความที่สื่อให้เข้าใจในทางเสียหาย
ขอบอกไว้เลยว่าตั้งแต่มาตรา 14 ถึง 16 ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าทุกข์ไปเป็นผู้แจ้ง ใครก็ได้สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการได้เลย ถ้าอยากให้ดำเนินการไวก็ไม่ต้องแจ้งตำรวจท้องที่(ซึ่งเท่าที่รู้ ไม่ค่อยจะอยากตามเรื่องต่อสักเท่าไร) แต่แจ้งตรงไปที่ กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เลย เห็นผลรวดเร็วมาก แต่เร็วสำหรับขั้วข้างไหนก็คิดเอาเองนะ ว่าตอนนี้ใครเป็นฝ่ายรัฐ
คำแนะนำ อย่าได้นึกว่านักการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะที่จะตัดต่อภาพมาล้อเลียน เสียดสี หรือทำให้เกิดความเสียหายได้นะ เพราะการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานสามารถกระทำได้ตามสิทธิพึ่งมี เช่นถ้าอยากด่ารัฐบาลว่าโกง คอรัปชั่น สามารถกระทำได้ การวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะสามารถกระทำได้ถ้าเป็นความรู้สึกโดยสุจริต แต่ต้องวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องหน้าที่การทำงานเท่านั้น อย่าได้เลยไปแตะเรื่องส่วนตัวเป็นอันขาด
ส่วนการด่าทอกันเองระหว่างสมาชิกก็อาจโดนข้อหาหมิ่นประมาท
ป.ล. เนื่องจากม็อบของท่านสุเทพ ทำให้ลูกค้าของผมเลื่อนหรือระงับไปหลายราย ทำให้ผมค่อนข้างว่างในช่วงนี้ อาจเป็นได้ว่าผมอาจใช้เวลาว่างที่มากขึ้น มาคอยดูหาผู้กระทำผิดในลักษณะที่เข้าข่ายที่ผมบอก แล้วส่งเรื่องให้ กองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รับเรื่องไปดำเนินการต่อ ส่วนจะจับตาขั้วข้างไหนเป็นพิเศษนั้น คิดว่าน่าจะพอเดากันออก และผมก็ไม่จำเป็นที่ต้องทำตัวเป็นกลางด้วย เพราะผมไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จะมาว่าผมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ได้
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของกะทู้นี้ คือต้องการให้ทุกคนนึกถึงมารยาทอันดีงามในการแสดงความเห็นในที่สาธารณะ และเคารพสิทธิการแสดงความเห็นของผู้อื่น เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้น ถ้าไม่เหลืออดจริงๆก็ไม่ทำหรอกครับ
คำแนะนำของพันทิพ http://ppantip.com/about/defamation
ข้อแนะนำของนักกฎหมาย http://www.oknation.net/blog/tigondrager/2013/05/07/entry-1
http://www.tcsd.in.th/petition แจ้งเบาะแสการโพสภาพตัดต่อ อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน