ใครที่เคยโดน ตบตี หรือถูกผู้ชายทำร้ายบ้าง ช่วยมาแชร์หน่อยค่ะ (วันนี้วันที่ 25 พย)เป็นวันต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก

เชื่อหรือไม่ ว่าวันนี้เป็นวันที่ 25 พย เป็นวันต่อต้านความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก

และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ผู้หญิงไทยยอมรับการทำร้ายร่างกายจากผู้ชายเป็นอันดับ 2 ของโลก

เราก็ไม่รู้ว่าข้อนี้เป็นความจริงหรือไม่ เลยมาถามในกระทู้นี้ค่ะ

ข่าวที่น่าตกในคือ 62 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยหรือ 2 ใน 3 จะเมินผู้หญิงที่ถูกทำร้าย เพราะเห็นเป็นเรื่องครอบครัวไม่อยากยุ่ง

เราเลยอยากหาทางออกด้วยการที่ อยากให้ผู้หญิงเล่าเรื่องที่ถูกผู้ชายทำร้ายร่างกายและจิตใจ มาแชร์เป็นประสบการณ์ค่ะ

ส่วนผู้ชายที่โดนผู้หญิงทำร้ายก็สามารถแชร์ประสบการณ์ได้นะค่ะ (สงสารจัง)


เครดิต : https://www.facebook.com/ContrastTH

(ขออยุญาติแท็กในห้องที่มีคนมาตอบเยอะๆนะค่ะ อาจจะไม่เกี่ยวกัน)
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เราค่ะ
แฟนเก่าเราตอนมหาวิทยาลัยเป็นคนอารมณ์ร้อน โมโหง่ายมาก ขี้หงุดหงิด พูดอะไรไม่เข้าหูจะด่าก่อนเลย
พอคบไปซักพักเริ่มปากล่องทิชชู่ในรถใส่ หยิบมือถือจากมือเราไปปาลงพื้น ทุบตัวเอง ตีหัวตัวเอง
พอเราตีตัวออกห่างก็ตามมาหาถึงบ้าน ขับรถมาเฉี่ยวรถพี่ชายเราที่จอดอยู่หน้าบ้าน
เราพยายามเลิกหลายทีแล้วเค้าไม่ให้เลิก เราก็โง่ค่ะตอนนั้นไม่กล้าบอกที่บ้าน กลัวพ่อแม่เครียด
มีวันนึงหลวมตัวไปห้างด้วยกัน นั่งไปในรถ เค้าถามเรื่องว่าทำไมไม่รักเค้าแล้ว แล้วเค้าก็ทุบไหปาร้าเรา กระชากผมเราดึงไปที่ด้านคนขับ แล้วก็ทุบหลังเรา เราร้องไห้กรี๊ดแหกปากโวยวายขอโทษเค้า เค้าก็ปล่อย แล้วพามาส่งบ้าน แล้วจากนั้นก็โทรขู่เราตลอดว่าถ้าเลิกกันเรากับที่บ้านต้องตาย เราเลยบอกที่บ้านแล้วพี่ชายเราพาไปโรงพักทำบันทึกประจำวัน แล้วเราสแกนใบแจ้งความส่งอีเมลไปให้เค้าดู เค้าถึงเลิกทำค่ะ

เข็ดมากๆค่ะผู้ชายแบบนี้ จากนั้นมาเราเห็นผู้ชายคนไหนที่มีสัญญาณบ่งบอกว่าใจร้อน วู่วาม เอะอะก็ปาของหรือทำตึงตังๆเวลาไม่พอใจ เราชิ่งเลยค่ะ และเรากลายเป็นมีนิสัยไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนรู้บ้านเราด้วยค่ะ เวลาไปเที่ยวไปกินข้าวไม่ต้องมารับหรือส่งเรา เราไปรถไฟฟ้าเอาอย่างเดียว
ความคิดเห็นที่ 8
ดิฉันทำงานด้านนี้อยู่ต่างประเทศ  สิ่งที่อยากเห็นเกิดขึ้นในประเทศไทยคือ ขอให้ตำรวจรับแจ้งความในคดีที่เป็นการ abuse ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย ทะเลาะเบาะแว้งทุ่มข้าวของใส่กัน หรือกักขังหน่วงเหนี่ยว ฯลฯ  จะมาอ้างว่าเรื่องของผัวเมียเดี๋ยวก็ดีกัน มันไม่ใช่แค่นั้น

การทำร้ายร่างกาย เป็นหนึ่งในเหตุแห่งการหย่า คือฝ่ายที่ถูกทำร้ายสามารถฟ้องหย่าได้ทันที  แต่ปัญหาคือ เมื่อตำรวจไม่รับแจ้งความ ทำให้ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอในการยื่นฟ้องหย่า/เรียกค่าเลี้ยงดูบุตร  พยานก็ไม่อยากเข้ามายุ่ง และหากเข้ามายุ่งก็ต้องเปิดเผยตัว  ต่างกับในหลายๆ ประเทศ ที่ตำรวจต้องรับแจ้งความ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร  คนที่เป็นพยาน สามารถให้ปากคำเป็นจดหมายได้ และมีการปกปิดตัวตนของพยานเพื่อเหตุผลด้านความปลอดภัย ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์ยินดีให้ความช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กที่ถูกทำร้าย

นอกจากนั้น ยังมีการใช้อำนาจศาลออกเอกสารห้ามฝ่ายที่ทำร้ายเขา เข้าใกล้เกินกว่าระยะ 100 หลา หรือที่เรียกว่า  restraining order เพื่อป้องกัน คุ้มครองสวัสดิภาพของผู้ถูกทำร้าย  หากฝ่าฝืน  restraining order ตำรวจสามารถจับกุมได้ทันทีและโทษคือนอนกรงอย่างเดียว ไม่มีการประกันตัว อยากให้กฏหมายไทยมีตรงนี้ด้วย

ที่ว่าสถิติของไทยสูงมากขนาดนั้น ดิฉันไม่แปลกใจเลย เพราะกลไกของกฏหมายและวิธีการปฏิบัติงานของตำรวจไทย ทำให้ผู้หญิงหมดที่พึ่ง มูลนิธิปวีณาแห่งเดียวไม่พอหรอกค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่