LTF (Long Term Equity Fund) หรือ “กองทุนรวมหุ้นระยะยาว” เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นระยะยาว ไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนใน LTF จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจในการลงทุน เมื่อลงทุนแล้วต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน โดยอาจมีการจ่ายเงินปันผล หรือไม่มีการจ่ายเงินปันผลคืนให้แก่ผู้ลงทุนก็ได้ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดนโยบายการลงทุนของ LTF กองนั้นๆ
เงื่อนไขการลงทุน
การลงทุน LTF เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี มีเงื่อนไขว่า ต้องซื้อและถือหน่วยลงทุนของ LTF ไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน โดยนับแยกกันไปในแต่ละก้อนเงินที่ลงทุน และไม่จำเป็นต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี เช่น เงินลงทุนแต่ละยอดที่ซื้อในปี 2549 จะครบเงื่อนไขตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 เป็นต้นไป และส่วนที่ลงทุนในปี 2550 จะครบเงื่อนไขตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เงินลงทุนใน LTF จะต้องลงทุนภายในปี 2559
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
หากปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน ผู้ลงทุนใน LTF จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีถึง 2 ทางด้วยกัน คือ
1) เงินลงทุนในกองทุน LTF สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ในปีภาษีนั้น แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
2) กำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ แต่หากมีการลงทุนเกิน 15% ของเงินได้ หรือเกิน 500,000 บาท เมื่อขายคืนหน่วยลงทุนแล้วมีกำไร ผู้ลงทุนจะต้องนำกำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) นับเฉพาะเงินลงทุนส่วนที่เกิน ไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
หากขายคืนหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนด 5 ปีปฏิทิน ถือว่าผิดเงื่อนไขการลงทุน ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกต่อไป และต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นไป พร้อมเงินเพิ่มในอัตรา 1.5% ต่อเดือน ทันทีที่ผิดเงื่อนไข และต้องเสียภาษีสำหรับกำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ภายในเดือนมีนาคม
ของปีถัดจากปีที่ผิดเงื่อนไข
สรุป : ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมา LTF จะได้กำไรงาม (กล้าพูดได้เลยว่ากองที่ถืออยู่ทำกำไรได้มากกว่าเม่าเล่นเอง) แต่การลงทุน LTF เหมาะกับผู้ลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับสูง เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น และพร้อมที่จะลงทุนในระยะยาว ไม่ต่ำกว่า 5 ปี ถ้าเผลอขายก่อนจะยุ่งยากมาก เพราะต้องคืนภาษีและเสียภาษีเพิ่มเติมอีก เราจึงควรจัดสรรเงินมาลงทุน โดยคำนึงถึงหลักการกระจายความเสี่ยง (Asset Allocation) มิใช่นำเงินลงทุนทั้งหมดที่มีมาลงทุนใน LTF เพียงอย่างเดียวนะจ๊ะ
ติดตามตอนเก่าๆ ได้ในบล็อกค่ะ
http://www.maoinvestor.com
ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การลงทุนได้ในเฟชบุ้คจ้า
สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: กระทบไหล่ LTF
เงื่อนไขการลงทุน
การลงทุน LTF เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี มีเงื่อนไขว่า ต้องซื้อและถือหน่วยลงทุนของ LTF ไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน โดยนับแยกกันไปในแต่ละก้อนเงินที่ลงทุน และไม่จำเป็นต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี เช่น เงินลงทุนแต่ละยอดที่ซื้อในปี 2549 จะครบเงื่อนไขตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 เป็นต้นไป และส่วนที่ลงทุนในปี 2550 จะครบเงื่อนไขตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เงินลงทุนใน LTF จะต้องลงทุนภายในปี 2559
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
หากปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน ผู้ลงทุนใน LTF จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีถึง 2 ทางด้วยกัน คือ
1) เงินลงทุนในกองทุน LTF สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ในปีภาษีนั้น แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
2) กำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ แต่หากมีการลงทุนเกิน 15% ของเงินได้ หรือเกิน 500,000 บาท เมื่อขายคืนหน่วยลงทุนแล้วมีกำไร ผู้ลงทุนจะต้องนำกำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) นับเฉพาะเงินลงทุนส่วนที่เกิน ไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย
หากขายคืนหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนด 5 ปีปฏิทิน ถือว่าผิดเงื่อนไขการลงทุน ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกต่อไป และต้องคืนเงินภาษีที่ได้รับยกเว้นไป พร้อมเงินเพิ่มในอัตรา 1.5% ต่อเดือน ทันทีที่ผิดเงื่อนไข และต้องเสียภาษีสำหรับกำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ภายในเดือนมีนาคม
ของปีถัดจากปีที่ผิดเงื่อนไข
สรุป : ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมา LTF จะได้กำไรงาม (กล้าพูดได้เลยว่ากองที่ถืออยู่ทำกำไรได้มากกว่าเม่าเล่นเอง) แต่การลงทุน LTF เหมาะกับผู้ลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับสูง เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น และพร้อมที่จะลงทุนในระยะยาว ไม่ต่ำกว่า 5 ปี ถ้าเผลอขายก่อนจะยุ่งยากมาก เพราะต้องคืนภาษีและเสียภาษีเพิ่มเติมอีก เราจึงควรจัดสรรเงินมาลงทุน โดยคำนึงถึงหลักการกระจายความเสี่ยง (Asset Allocation) มิใช่นำเงินลงทุนทั้งหมดที่มีมาลงทุนใน LTF เพียงอย่างเดียวนะจ๊ะ
ติดตามตอนเก่าๆ ได้ในบล็อกค่ะ
http://www.maoinvestor.com
ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การลงทุนได้ในเฟชบุ้คจ้า