กระทู้เวิ่นเว้อ ธุรกิจออนไลน์ ตอนที่ 1 (โหมโรง)
พอดีผมมีโอกาสได้สัมผัสกับหลายๆคนที่มาพร้อมกับไฟในการทำธุรกิจ อยากเปนเจ้าของกิจการ อยากทำงานอยู่กับบ้าน
ไม่อยากไปเจอเจ้านายตัวแสบ เพื่อนร่วมงานขี้นินทา อยากมีรายได้หก-เจ็ดหลักอย่างที่เหนคนอื่นเค้าทำกันบ้าง
หลายคนพาเหรดกันเข้ามาหาผมที่ออฟฟิทด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันคือ "กรูอยากทำแบบเมิงบ้าง" ...
ผมพูดเสมอครับว่าการเป็นเจ้าของกิจการหรือเจ้าของบริษท มีรายได้หลักแสนหลักล้านต่อเดือน เปนใครก้อทำได้ ... ย้ำนะครับว่าเปน"ใคร"ก้อทำได้แม้ว่าคนนั้นจะไม่มีเงินทองติดตัวซักสตางค์แดงเดียว
มันมีปัจจัยหลายอย่างที่เราจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ และทุกอย่างมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ"ต้นทุน"อย่างที่คนทั่วไปเค้าคิดกัน แน่นอนพอได้ยินแบบนี้ ก้อจะเกิดความคิดอยู่ 2 แบบ คือ
1.ไม่เชื่อ
2.มีหวัง ...
คนที่ไม่เชื่อ ผมบังคับพวกเค้าไม่ได้ เพราะถ้าย้อนกลับไปถามผมเมื่อตอนนั้นตอนที่ยังทำงานประจำอยู่ ผมเองก้อคงไม่เชื่อเหมือนกันว่าจะมาเป็นได้อย่างทุกวันนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากที่ผมเริ่มตัดสินใจและลงมือทำอะไรซักอย่าง"อย่างจิงจัง"
แต่สำหรับคนที่มีหวัง คุณมาพร้อมกับไฟแห่งความหวัง นั่นไม่ผิดครับ แต่แค่นั้นมัน ... "ไม่พอ"
ทุกคนที่เข้ามาผมสอนพวกเค้าอย่างเต็มที่และเท่าเทียม เท่าที่ความรู้ความสมารถของคนนั้นจะรับได้ตามมุมมองของผม (และไม่เคยคิดตังค์) และสอนให้เข้าใจถึงระบบ
กลไกการได้มาของเงินทองทุกบาททุกสตางค์ของการทำธุรกิจแบบนี้ และแน่นอนถึงแม้ผมจะเคยบอกกับทุกคนว่า"เปนใคร"ก้อทำได้ แต่ผมไม่เคยจะพูดแม้แต่ครั้งเดียว
ว่า ... "มันง่าย" (อันที่จิงมันโหดสัสเลยแหละ)
กระทู้เวิ่นเว้อ ธุรกิจออนไลน์
พอดีผมมีโอกาสได้สัมผัสกับหลายๆคนที่มาพร้อมกับไฟในการทำธุรกิจ อยากเปนเจ้าของกิจการ อยากทำงานอยู่กับบ้าน
ไม่อยากไปเจอเจ้านายตัวแสบ เพื่อนร่วมงานขี้นินทา อยากมีรายได้หก-เจ็ดหลักอย่างที่เหนคนอื่นเค้าทำกันบ้าง
หลายคนพาเหรดกันเข้ามาหาผมที่ออฟฟิทด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันคือ "กรูอยากทำแบบเมิงบ้าง" ...
ผมพูดเสมอครับว่าการเป็นเจ้าของกิจการหรือเจ้าของบริษท มีรายได้หลักแสนหลักล้านต่อเดือน เปนใครก้อทำได้ ... ย้ำนะครับว่าเปน"ใคร"ก้อทำได้แม้ว่าคนนั้นจะไม่มีเงินทองติดตัวซักสตางค์แดงเดียว
มันมีปัจจัยหลายอย่างที่เราจะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ และทุกอย่างมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ"ต้นทุน"อย่างที่คนทั่วไปเค้าคิดกัน แน่นอนพอได้ยินแบบนี้ ก้อจะเกิดความคิดอยู่ 2 แบบ คือ
1.ไม่เชื่อ
2.มีหวัง ...
คนที่ไม่เชื่อ ผมบังคับพวกเค้าไม่ได้ เพราะถ้าย้อนกลับไปถามผมเมื่อตอนนั้นตอนที่ยังทำงานประจำอยู่ ผมเองก้อคงไม่เชื่อเหมือนกันว่าจะมาเป็นได้อย่างทุกวันนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากที่ผมเริ่มตัดสินใจและลงมือทำอะไรซักอย่าง"อย่างจิงจัง"
แต่สำหรับคนที่มีหวัง คุณมาพร้อมกับไฟแห่งความหวัง นั่นไม่ผิดครับ แต่แค่นั้นมัน ... "ไม่พอ"
ทุกคนที่เข้ามาผมสอนพวกเค้าอย่างเต็มที่และเท่าเทียม เท่าที่ความรู้ความสมารถของคนนั้นจะรับได้ตามมุมมองของผม (และไม่เคยคิดตังค์) และสอนให้เข้าใจถึงระบบ
กลไกการได้มาของเงินทองทุกบาททุกสตางค์ของการทำธุรกิจแบบนี้ และแน่นอนถึงแม้ผมจะเคยบอกกับทุกคนว่า"เปนใคร"ก้อทำได้ แต่ผมไม่เคยจะพูดแม้แต่ครั้งเดียว
ว่า ... "มันง่าย" (อันที่จิงมันโหดสัสเลยแหละ)