ตอนแรกว่าจะไม่เขียน แต่คิดไปคิดมา มันเป็นเรื่องที่เตือนคนสังคมได้ เลยเขียนซะเลย
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 ผม เวลาบ่าย 2 ผมกับเพื่อนๆ 3 คน ไปกินข้าวที่ Big C บางนา พอเข้าไปจะกินข้าวที่ศูนย์อาหาร ซึ่งต้องซื้อคูปอง ผมเลยไปซื้อคูปอง 300 บาท พอไปถึงเคาน์เตอร์ซื้อคูปอง ผมยื่นเงิน 300 ให้กับน้องผู้หญิงที่ขายคูปอง พร้อมบอกว่า ซื้อคูปอง 300 แต่ปรากฏว่า น้องเขายื่นคูปองที่มีอยู่ แล้วมา 2 ใบ ผมเอะใจเลยถามกลับไปว่าคูปองใบละ 150 บาทหรือเปล่าถึงให้มา 2 ใบ น้องมองไปที่เงินผม แล้วขอคูปองคืน แบบหน้าไม่รับแขก แล้วคีย์ให้ใหม่เป็นใบละ 150 บาท
ผมกับเพื่อนพอได้คูปองแล้ว ก็เดินไปซื้อข้าวกัน แต่ดูกับข้าวไม่น่าสนใจ เลย แลกคูปองกลับคืนมา 300 บาท
ผมว่าจะกลับแล้วแต่ไปเห็นว่ามันมีส่วนหนึ่งของศูนย์อาหารที่รับเฉพาะเงินสด อาหารดูน่ากินเลยซื้อทานกัน แต่พอจะกินน้ำ ปรากฏว่าเคาน์เตอร์ขายน้ำรับคูปอง
ผมเลยไปซื้อคูปอง 30 เพื่อซื้อน้ำขวดละ 10 บาท หลังได้คูปองมา ไปรูดซื้อน้ำที่เคาน์เตอร์ขายน้ำ คนขายน้ำบอกว่าในคูปองมี 25 บาท ไม่พอซื้อน้ำ 3ขวด
**ผมละงงเลยที่ 25 ได้ไง ทั้งๆผมให้ไป 30 บาท เป็นแบงค์ 20 ใบ กับเหรียญ 10 เพราะผมไม่มีเหรียญ 5 อยู่ในกระเป๋า อีกอย่างผมจำแม่นเลย เหรียญมีสีทองอยู่ตรงกลาง
ผมเลยเดินไปท้วงกับน้องคนขายคูปอง ได้คำตอบมาว่า เหรียญที่ให้ เป็นเหรียญ 5 ไม่ใช่เหรียญ 10 ผมขี้เกียจต่อความเลยซื้อเพิ่มอีก 5 บาท โดยให้แบงค์ 20 ไป
เหตุการณ์ดูเหมือนไม่มีอะไรใช่ไหมครับ พอผมมาประติประต่อเหตุการณ์ดู ผมเชื่อว่าน้องที่ขายคูปอง ตั้งใจโกงเงินครับ
โดยวิเคราะห์จากจากเหตุการณ์ที่ 2 ที่ผมให้เงิน 30 บาทซื้อคูปอง น้องคนขายคีย์คูปอง 25 บาท พอผมเดินกลับไปท้วง ก็ตอบว่าผมให้แบงค์ 20 กับ เหรียญ 5 กลับกันว่าถ้าเหตุการณ์ที่ 1 น้องเขารับเงิน 300 บาท แล้ว ให้บัตร 2 ใบ **สมมุติว่าผมเดินออกไปจากจุดขายคูปอง แล้วย้อนกลับมาทวงถามน้องเขาก็จะตอบว่ามีแบงค์ร้อยแค่สองใบเอง ไม่ใช่ 300 **ผมก็จะโดนโกงแน่นอน 100 บาท **ถ้าทำซัก 3 คน ก็ได้เท่าค่าแรงขั้นต่ำแล้วครับ
จากเหตุการณ์ทั้งหมดน้องคนขายคูปองเขาอาจจงใจไม่ก็ตาม อยากจะฝากเตือนทุกๆคน ว่าถ้าต้องซื้อคูปองเพื่อซื้ออาหาร ไม่ว่าที่ไหนๆก็ตาม ให้ตรวจสอบยอดเงินในบัตรคูปองให้เรียบร้อยนะครับ เพราะคนส่วนใหญ่จะมองข้ามกันและปล่อยเลยตามเลย ทำให้คนขายคูปองมีช่องทางในการโกงเราครับ
กินข้าวที่ต้องซื้อคูปองแลก **ต้องระวัง
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 ผม เวลาบ่าย 2 ผมกับเพื่อนๆ 3 คน ไปกินข้าวที่ Big C บางนา พอเข้าไปจะกินข้าวที่ศูนย์อาหาร ซึ่งต้องซื้อคูปอง ผมเลยไปซื้อคูปอง 300 บาท พอไปถึงเคาน์เตอร์ซื้อคูปอง ผมยื่นเงิน 300 ให้กับน้องผู้หญิงที่ขายคูปอง พร้อมบอกว่า ซื้อคูปอง 300 แต่ปรากฏว่า น้องเขายื่นคูปองที่มีอยู่ แล้วมา 2 ใบ ผมเอะใจเลยถามกลับไปว่าคูปองใบละ 150 บาทหรือเปล่าถึงให้มา 2 ใบ น้องมองไปที่เงินผม แล้วขอคูปองคืน แบบหน้าไม่รับแขก แล้วคีย์ให้ใหม่เป็นใบละ 150 บาท
ผมกับเพื่อนพอได้คูปองแล้ว ก็เดินไปซื้อข้าวกัน แต่ดูกับข้าวไม่น่าสนใจ เลย แลกคูปองกลับคืนมา 300 บาท
ผมว่าจะกลับแล้วแต่ไปเห็นว่ามันมีส่วนหนึ่งของศูนย์อาหารที่รับเฉพาะเงินสด อาหารดูน่ากินเลยซื้อทานกัน แต่พอจะกินน้ำ ปรากฏว่าเคาน์เตอร์ขายน้ำรับคูปอง
ผมเลยไปซื้อคูปอง 30 เพื่อซื้อน้ำขวดละ 10 บาท หลังได้คูปองมา ไปรูดซื้อน้ำที่เคาน์เตอร์ขายน้ำ คนขายน้ำบอกว่าในคูปองมี 25 บาท ไม่พอซื้อน้ำ 3ขวด
**ผมละงงเลยที่ 25 ได้ไง ทั้งๆผมให้ไป 30 บาท เป็นแบงค์ 20 ใบ กับเหรียญ 10 เพราะผมไม่มีเหรียญ 5 อยู่ในกระเป๋า อีกอย่างผมจำแม่นเลย เหรียญมีสีทองอยู่ตรงกลาง
ผมเลยเดินไปท้วงกับน้องคนขายคูปอง ได้คำตอบมาว่า เหรียญที่ให้ เป็นเหรียญ 5 ไม่ใช่เหรียญ 10 ผมขี้เกียจต่อความเลยซื้อเพิ่มอีก 5 บาท โดยให้แบงค์ 20 ไป
เหตุการณ์ดูเหมือนไม่มีอะไรใช่ไหมครับ พอผมมาประติประต่อเหตุการณ์ดู ผมเชื่อว่าน้องที่ขายคูปอง ตั้งใจโกงเงินครับ
โดยวิเคราะห์จากจากเหตุการณ์ที่ 2 ที่ผมให้เงิน 30 บาทซื้อคูปอง น้องคนขายคีย์คูปอง 25 บาท พอผมเดินกลับไปท้วง ก็ตอบว่าผมให้แบงค์ 20 กับ เหรียญ 5 กลับกันว่าถ้าเหตุการณ์ที่ 1 น้องเขารับเงิน 300 บาท แล้ว ให้บัตร 2 ใบ **สมมุติว่าผมเดินออกไปจากจุดขายคูปอง แล้วย้อนกลับมาทวงถามน้องเขาก็จะตอบว่ามีแบงค์ร้อยแค่สองใบเอง ไม่ใช่ 300 **ผมก็จะโดนโกงแน่นอน 100 บาท **ถ้าทำซัก 3 คน ก็ได้เท่าค่าแรงขั้นต่ำแล้วครับ
จากเหตุการณ์ทั้งหมดน้องคนขายคูปองเขาอาจจงใจไม่ก็ตาม อยากจะฝากเตือนทุกๆคน ว่าถ้าต้องซื้อคูปองเพื่อซื้ออาหาร ไม่ว่าที่ไหนๆก็ตาม ให้ตรวจสอบยอดเงินในบัตรคูปองให้เรียบร้อยนะครับ เพราะคนส่วนใหญ่จะมองข้ามกันและปล่อยเลยตามเลย ทำให้คนขายคูปองมีช่องทางในการโกงเราครับ