ตามคำเรียกร้องที่อยากให้กลับมาแวะเวียนสินธรของเราบ้าง ก็ต้องกลับมาบ้างกับบทความคุณภาพตามคำเรียกร้อง เพราะผมเองก็อยู่ห้องนี้มานานหลายยยยยปี ผ่านมาก็หลายยยยยวิกฤต แล้วก็มักจะเป็นคนที่มักจะมาทำนายทายทักประเด็นวิกฤตอยู่เสมอ วันนี้ก็เอามาอีกหนึ่งวิกฤตอีกตามเคย ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือประเด็นร้อนอะไรมากนัก แต่ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่มีคนกำลังสนใจพอสมควร
Bit Coin หลายๆคนที่ไม่เคยรู้จักมันเลย อาจจะงง ว่ามันคืออะไร? และหลายๆคนที่รู้จักมันแค่เล็กน้อยก็คงรู้แค่ว่ามันคงเป็นเงินอิเลคทรอนิกส์ที่ไม่น่าสนใจอะไร ...
สำหรับผมเอง แน่นอนว่าทำงานในแวดวงคอมพิวเตอร์มานาน อยู่กับระบบการเงินมาก็นาน ดังนั้นเรื่อง Bit Coin จึงเป็นประเด็นให้หยิบยกมาพูดคุยกันได้เสมอสำหรับผม เพราะค่อนข้างศึกษามาพอสมควร รวมถึงมีความเข้าใจในระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะสามารถเข้าถึง และเข้าใจมันได้ง่าย
แต่กับหลายคนที่พยายามไปหาบทความอ่านหลายๆที่ คงอ่านแล้วก็ปิดไปเพราะบางครั้งศัพท์ทางเทคนิคเองก็ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นวันนี้เลยมาเขียนให้มันเข้าใจง่ายๆ แบบอธิบายให้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ ได้เข้าใจมัน + อธิบายแบบภาษาหุ้น เพื่อให้เราทุกคนสนุกกันยิ่งขึ้น

รอบครึ่งปีแรกของปี 2012 Bit Coin ซื้อขายกันที่ช่วงราคาแถวๆ 4-7 ดอลลาร์เท่านั้น ณ จุดนั้นยังมีหลายคนว่ามันเริ่มไม่สะท้อนความจริง
เข้าเรื่องเลย ... Bit Coin คืออะไร? ในส่วนนี้มันยังไม่มีใครกำหนดสถานะที่แท้จริงว่า “มันคืออะไรกันแน่” แต่ถ้าให้ผมอธิบายตามความเข้าใจส่วนตัว มันก็คือ “เงินออนไลน์” ที่เป็นหนึ่งในสกุลเงินตราใหม่ (แต่เป็นสกุลเงินที่ไม่ค่อยมีคนยอมรับ) และให้บริการทางด้านการเงินเสมือนธนาคารออนไลน์ สามารถใช้งานได้เหมือนเงินทั่วไปนั่นเอง
แต่ในเรื่องนี้เราต้องเข้าใจในระบบของมันด้วยนะครับว่า ถ้าเรานิยามคำว่า “เงินตรา” เช่น เงินบาท เงินดอลลาร์ เงินเยน เงินยูโร สาระสำคัญของเงินตราคือ “ผู้ค้ำประกัน” หรือพูดง่ายๆก็คือ เงินนั้นจะมีค่า ก็ต้องมีคนทำให้มัน “มีค่า”
ไม่ว่าจะเป็นเงินบาท เราจะผลิตเงินตราใช้ได้ เราก็ต้องมีทุนสำรอง มีสินทรัพย์ หรือมีพันธบัตร เพื่อรับรองว่า แบงค์ชาติพิมพ์เงินออกมา มันเป็นเงินที่มีค่า มีความน่าเชื่อถือ และมีคนยอมรับ ใช้จ่ายมันเพื่อชำระหนี้ หรือเพื่อการค้าขาย
แม้ว่าจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินเยนญี่ปุ่น ที่พวกเขาเองก็พยายามพิมพ์เงินกันอย่างเมามันส์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามถ้าเงินที่เขาพิมพ์ออกมา แล้วเขาพิมพ์ว่า เงินดอลลาร์ หรือเงินเยน เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และมีรัฐบาลประเทศพวกเขาค้ำประกัน ... เงินนั้นมันจะยังคงมีค่า เพราะพวกเขา “ตัวใหญ่” พอที่จะทำให้เงินที่พิมพ์ออกมาแม้ไม่มีหลักประกันนั้น มีค่าและเป็นที่ยอมรับได้

ช่วงปี 2012 ราคา Bit Coin ผันผวนพอสมควร จากจุดต่ำสุดแถว 4 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นไปสูงถึง 15 ดอลลาร์ในปีเดียวกันนั้นเอง
กลับเข้ามาในเรื่องของ Bit Coin … มันมีค่าหรือเปล่า? คำตอบคือ “ไม่” มันเป็นเสมือนบริการทางธุรกรรมทางการเงินมากกว่า นั่นหมายถึงว่าหากเราต้องการให้เงินเพื่อนเราเป็นสกุล Bit Coin ซึ่งอยู่ที่ต่างประเทศ (สมมติว่าอยู่เยอรมนี) เราก็เดินเข้าไปหาตัวแทนนักค้า Bit Coin แล้วซื้อ Bit Coin (ด้วยเงินบาท) จากนั้นก็ส่งเงิน Bit Coin ไปให้เพื่อนเราที่เยอรมนี แล้วเพื่อนของเราก็เบิกเงินออกมาเป็นเงินยูโร เป็นต้น
ถ้าให้อธิบายเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ออกแนวน่าปวดหัวสักเล็กน้อย ผมอยากอธิบายว่ามันเหมือนเป็น Ticket มากกว่า หรือเป็นตั๋วที่มีรหัสของเงิน แล้วก็ส่งไปให้คนอื่นๆ หรือจะเก็บเอาไว้ก่อนก็ได้เหมือนฝากธนาคารเอาไว้
Bit Coin เป็นระบบการเงินที่ไม่ซับซ้อน ... แต่ซับซ้อนสำหรับคนที่ไม่เข้าใจ โดยหลักการแล้วถ้าให้อธิบายง่ายๆคือ เวลาเราไปธนาคาร เดินไปเปิดบัญชี เราก็จะได้หมายเลขบัญชีธนาคารมา 10 หลัก เช่น 797-2-00000-1 รหัสเหล่านี้ที่เป็นเลขที่บัญชีของเรา มันก็จะกำหนดถึงรหัสสาขา ประเภทบัญชี และหมายเลขบัญชี เช่น 797 เป็นธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลรามอินทรา 2 คือประเภทบัญชีออมทรัพย์ และ 00000 คือหมายเลขบัญชี ส่วนหลักสุดท้ายคือรหัสตรวจสอบ
เมื่อเรามีเลขที่บัญชี เราก็ทำธุรกรรมทางการเงินได้แล้ว เราก็นำเงินเข้าไปฝากเข้าบัญชีธนาคาร หลังจากนั้นเราอาจจะถอนออกมาหน่อยนึง แล้วก็โอนให้แม่เราส่วนหนึ่ง เป็นต้น

1 ม.ค. 2012 ถึง 30 มี.ค. 2013 Bit Coin พุ่งขึ้นไปสูงกว่า 90 ดอลลาร์ ให้ผลตอบแทนรวม +2,150% ใน 5 ไตรมาส
ในขณะที่ Bit Coin หลักการก็คล้ายๆกันนั้น แตกต่างกันที่ เราไม่ต้องเปิดบัญชี เราไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ เราไม่ต้องมีบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี ซึ่งช่องโหว่ตรงนี้เองที่ทำให้ Bit Coin เป็นโอกาสของพวกผู้มีธุรกิจสกปรก ไม่ว่าจะเป็นการค้ายาเสพติด, ค้ามนุษย์ หรือของเถื่อนหนีภาษี เพราะมันไม่มีลักษณะของการยืนยันตัวบุคคล ซึ่งทำให้เป็นที่จับตามองขององค์กรต่างๆ รวมถึงสถาบันการเงินเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับมันเท่าไหร่ด้วย
โดยหลักแล้วเมื่อ Bit Coin จะมีธุรกรรมทางการเงินเกิดขึ้น ลักษณะของมันจะเหมือนกับ Ticker ในตลาดหุ้น นั่นคือทุกธุรกรรมจะรู้ว่าใครกำลังทำอะไร มันคือการประกาศนั่นเองว่ามีธุรกรรมทางการเงินใดบ้างที่กำลังเกิดขึ้น เหมือนที่เวลาเราส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น มันก็จะประกาศในหน้า Ticker ว่ามีคนซื้อหุ้น ABC จำนวน 100,000 หุ้น แต่ถึงยังไงเราก็ไม่รู้หรอกว่า ใครเป็นคนซื้อ และใครเป็นคนขาย
ในหลักการของ Ticket ที่บอกไปคือ เงินจะถูกสร้างขึ้นมาโดยมี Key ของมันเป็นตัวเลข และตัวอักษรผสมกัน เช่น SDr33J18URpxWbNN (สมมติ) นั่นหมายถึงว่ามันกำลังเป็นระบบทางการเงินที่ซับซ้อนเกินไป การโอนเงินเข้าออกก็สามารถระบุได้ด้วยว่า รหัสดังกล่าวเป็นใครกำลังโอนให้กับใคร
เส้นทางการเงินของเงินใน Bit Coin สามารถตรวจสอบได้จริง และทำให้เราเห็นได้ว่าใครโอนให้ใคร หรือเป็นการโอนแบบหลายๆบัญชีแล้วค่อยๆเอากลับมารวมก็ได้ เช่นพวกกลุ่มค้ายาเสพติด หากต้องการเก็บเงินให้ปลอดภัย ก็เข้ามาใส่ไว้ใน Bit Coin สมมติว่ามีเงิน 100,000 ดอลลาร์ ก็อาจจะแบ่งเป็น 10 ก้อน ก้อนละ 10,000 ดอลลาร์ แล้วก็อีก 10 ก้อน อาจจะโอนแตกกระจายออกไปอีก แล้วหลังจากนั้นเมื่อใช้เงิน อาจค่อยๆทยอยโอน สลับกันไปมา แล้วโอนกลับมาที่บัญชีอีกฝั่งหนึ่งก็ได้
ฟังดูแล้วยุ่งยาก แต่กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นจริง เคยเกิดขึ้นและมีหลายกรณีที่มีข้อพิสูจน์ว่าอาจเป็นแหล่งเงินผิดกฎหมาย เงินสกปรก หรือเงินธุรกิจใต้ดินต่างๆ

ครึ่งปีแรก 2013 Bit Coin จาก 13 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นมาสูงถึง 260 ดอลลาร์ในช่วงเดือนเมษายน หรือ +1,900% ในเวลาแค่ 4 เดือน
ส่วนผู้คิดค้น Bit Coin แม้ในวงการคอมพิวเตอร์เองก็ยังไม่อาจตอบได้ว่าเขาคือใคร เนื่องจากขำได้ทำการปิดบังตัวตนเอาไว้ และจนบัดนี้เราก็ไม่รู้ว่าเขาคือใครกันแน่ ข้อที่แน่ที่สุดที่เรารู้คือเขาคงเป็นมนุษย์ แหะๆ
ในปัจจุบันมีบางประเทศที่ให้การรับรองถึงสถานะของ Bit Coin เช่นที่เยอรมนี กำหนดว่าให้เป็นสินทรัพย์บุคคล ต้องมีการรายงานการถือครอง และหากมีกำไรใน Bit Coin ก็ต้องเสียภาษีด้วยในอัตรา ร้อยละ 25 ยกเว้นว่าหากถือครองนานเกิน 1 ปี จะได้รับการยกเว้นภาษี
/มีต่อด้านล่าง
http://www.facebook.com/SinthornVista เพจการเงินที่อลังการที่สุดในสากลโลก
Bit Coin เงินตราสกุลใหม่ของโลก หรือนรกลูกเล็กๆของระบบเงินตรา?
Bit Coin หลายๆคนที่ไม่เคยรู้จักมันเลย อาจจะงง ว่ามันคืออะไร? และหลายๆคนที่รู้จักมันแค่เล็กน้อยก็คงรู้แค่ว่ามันคงเป็นเงินอิเลคทรอนิกส์ที่ไม่น่าสนใจอะไร ...
สำหรับผมเอง แน่นอนว่าทำงานในแวดวงคอมพิวเตอร์มานาน อยู่กับระบบการเงินมาก็นาน ดังนั้นเรื่อง Bit Coin จึงเป็นประเด็นให้หยิบยกมาพูดคุยกันได้เสมอสำหรับผม เพราะค่อนข้างศึกษามาพอสมควร รวมถึงมีความเข้าใจในระบบคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะสามารถเข้าถึง และเข้าใจมันได้ง่าย
แต่กับหลายคนที่พยายามไปหาบทความอ่านหลายๆที่ คงอ่านแล้วก็ปิดไปเพราะบางครั้งศัพท์ทางเทคนิคเองก็ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นวันนี้เลยมาเขียนให้มันเข้าใจง่ายๆ แบบอธิบายให้คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ ได้เข้าใจมัน + อธิบายแบบภาษาหุ้น เพื่อให้เราทุกคนสนุกกันยิ่งขึ้น
รอบครึ่งปีแรกของปี 2012 Bit Coin ซื้อขายกันที่ช่วงราคาแถวๆ 4-7 ดอลลาร์เท่านั้น ณ จุดนั้นยังมีหลายคนว่ามันเริ่มไม่สะท้อนความจริง
เข้าเรื่องเลย ... Bit Coin คืออะไร? ในส่วนนี้มันยังไม่มีใครกำหนดสถานะที่แท้จริงว่า “มันคืออะไรกันแน่” แต่ถ้าให้ผมอธิบายตามความเข้าใจส่วนตัว มันก็คือ “เงินออนไลน์” ที่เป็นหนึ่งในสกุลเงินตราใหม่ (แต่เป็นสกุลเงินที่ไม่ค่อยมีคนยอมรับ) และให้บริการทางด้านการเงินเสมือนธนาคารออนไลน์ สามารถใช้งานได้เหมือนเงินทั่วไปนั่นเอง
แต่ในเรื่องนี้เราต้องเข้าใจในระบบของมันด้วยนะครับว่า ถ้าเรานิยามคำว่า “เงินตรา” เช่น เงินบาท เงินดอลลาร์ เงินเยน เงินยูโร สาระสำคัญของเงินตราคือ “ผู้ค้ำประกัน” หรือพูดง่ายๆก็คือ เงินนั้นจะมีค่า ก็ต้องมีคนทำให้มัน “มีค่า”
ไม่ว่าจะเป็นเงินบาท เราจะผลิตเงินตราใช้ได้ เราก็ต้องมีทุนสำรอง มีสินทรัพย์ หรือมีพันธบัตร เพื่อรับรองว่า แบงค์ชาติพิมพ์เงินออกมา มันเป็นเงินที่มีค่า มีความน่าเชื่อถือ และมีคนยอมรับ ใช้จ่ายมันเพื่อชำระหนี้ หรือเพื่อการค้าขาย
แม้ว่าจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ หรือเงินเยนญี่ปุ่น ที่พวกเขาเองก็พยายามพิมพ์เงินกันอย่างเมามันส์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามถ้าเงินที่เขาพิมพ์ออกมา แล้วเขาพิมพ์ว่า เงินดอลลาร์ หรือเงินเยน เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และมีรัฐบาลประเทศพวกเขาค้ำประกัน ... เงินนั้นมันจะยังคงมีค่า เพราะพวกเขา “ตัวใหญ่” พอที่จะทำให้เงินที่พิมพ์ออกมาแม้ไม่มีหลักประกันนั้น มีค่าและเป็นที่ยอมรับได้
ช่วงปี 2012 ราคา Bit Coin ผันผวนพอสมควร จากจุดต่ำสุดแถว 4 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นไปสูงถึง 15 ดอลลาร์ในปีเดียวกันนั้นเอง
กลับเข้ามาในเรื่องของ Bit Coin … มันมีค่าหรือเปล่า? คำตอบคือ “ไม่” มันเป็นเสมือนบริการทางธุรกรรมทางการเงินมากกว่า นั่นหมายถึงว่าหากเราต้องการให้เงินเพื่อนเราเป็นสกุล Bit Coin ซึ่งอยู่ที่ต่างประเทศ (สมมติว่าอยู่เยอรมนี) เราก็เดินเข้าไปหาตัวแทนนักค้า Bit Coin แล้วซื้อ Bit Coin (ด้วยเงินบาท) จากนั้นก็ส่งเงิน Bit Coin ไปให้เพื่อนเราที่เยอรมนี แล้วเพื่อนของเราก็เบิกเงินออกมาเป็นเงินยูโร เป็นต้น
ถ้าให้อธิบายเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่ออกแนวน่าปวดหัวสักเล็กน้อย ผมอยากอธิบายว่ามันเหมือนเป็น Ticket มากกว่า หรือเป็นตั๋วที่มีรหัสของเงิน แล้วก็ส่งไปให้คนอื่นๆ หรือจะเก็บเอาไว้ก่อนก็ได้เหมือนฝากธนาคารเอาไว้
Bit Coin เป็นระบบการเงินที่ไม่ซับซ้อน ... แต่ซับซ้อนสำหรับคนที่ไม่เข้าใจ โดยหลักการแล้วถ้าให้อธิบายง่ายๆคือ เวลาเราไปธนาคาร เดินไปเปิดบัญชี เราก็จะได้หมายเลขบัญชีธนาคารมา 10 หลัก เช่น 797-2-00000-1 รหัสเหล่านี้ที่เป็นเลขที่บัญชีของเรา มันก็จะกำหนดถึงรหัสสาขา ประเภทบัญชี และหมายเลขบัญชี เช่น 797 เป็นธนาคารกสิกรไทย สาขาเซ็นทรัลรามอินทรา 2 คือประเภทบัญชีออมทรัพย์ และ 00000 คือหมายเลขบัญชี ส่วนหลักสุดท้ายคือรหัสตรวจสอบ
เมื่อเรามีเลขที่บัญชี เราก็ทำธุรกรรมทางการเงินได้แล้ว เราก็นำเงินเข้าไปฝากเข้าบัญชีธนาคาร หลังจากนั้นเราอาจจะถอนออกมาหน่อยนึง แล้วก็โอนให้แม่เราส่วนหนึ่ง เป็นต้น
1 ม.ค. 2012 ถึง 30 มี.ค. 2013 Bit Coin พุ่งขึ้นไปสูงกว่า 90 ดอลลาร์ ให้ผลตอบแทนรวม +2,150% ใน 5 ไตรมาส
ในขณะที่ Bit Coin หลักการก็คล้ายๆกันนั้น แตกต่างกันที่ เราไม่ต้องเปิดบัญชี เราไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใดๆ เราไม่ต้องมีบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี ซึ่งช่องโหว่ตรงนี้เองที่ทำให้ Bit Coin เป็นโอกาสของพวกผู้มีธุรกิจสกปรก ไม่ว่าจะเป็นการค้ายาเสพติด, ค้ามนุษย์ หรือของเถื่อนหนีภาษี เพราะมันไม่มีลักษณะของการยืนยันตัวบุคคล ซึ่งทำให้เป็นที่จับตามองขององค์กรต่างๆ รวมถึงสถาบันการเงินเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับมันเท่าไหร่ด้วย
โดยหลักแล้วเมื่อ Bit Coin จะมีธุรกรรมทางการเงินเกิดขึ้น ลักษณะของมันจะเหมือนกับ Ticker ในตลาดหุ้น นั่นคือทุกธุรกรรมจะรู้ว่าใครกำลังทำอะไร มันคือการประกาศนั่นเองว่ามีธุรกรรมทางการเงินใดบ้างที่กำลังเกิดขึ้น เหมือนที่เวลาเราส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น มันก็จะประกาศในหน้า Ticker ว่ามีคนซื้อหุ้น ABC จำนวน 100,000 หุ้น แต่ถึงยังไงเราก็ไม่รู้หรอกว่า ใครเป็นคนซื้อ และใครเป็นคนขาย
ในหลักการของ Ticket ที่บอกไปคือ เงินจะถูกสร้างขึ้นมาโดยมี Key ของมันเป็นตัวเลข และตัวอักษรผสมกัน เช่น SDr33J18URpxWbNN (สมมติ) นั่นหมายถึงว่ามันกำลังเป็นระบบทางการเงินที่ซับซ้อนเกินไป การโอนเงินเข้าออกก็สามารถระบุได้ด้วยว่า รหัสดังกล่าวเป็นใครกำลังโอนให้กับใคร
เส้นทางการเงินของเงินใน Bit Coin สามารถตรวจสอบได้จริง และทำให้เราเห็นได้ว่าใครโอนให้ใคร หรือเป็นการโอนแบบหลายๆบัญชีแล้วค่อยๆเอากลับมารวมก็ได้ เช่นพวกกลุ่มค้ายาเสพติด หากต้องการเก็บเงินให้ปลอดภัย ก็เข้ามาใส่ไว้ใน Bit Coin สมมติว่ามีเงิน 100,000 ดอลลาร์ ก็อาจจะแบ่งเป็น 10 ก้อน ก้อนละ 10,000 ดอลลาร์ แล้วก็อีก 10 ก้อน อาจจะโอนแตกกระจายออกไปอีก แล้วหลังจากนั้นเมื่อใช้เงิน อาจค่อยๆทยอยโอน สลับกันไปมา แล้วโอนกลับมาที่บัญชีอีกฝั่งหนึ่งก็ได้
ฟังดูแล้วยุ่งยาก แต่กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นจริง เคยเกิดขึ้นและมีหลายกรณีที่มีข้อพิสูจน์ว่าอาจเป็นแหล่งเงินผิดกฎหมาย เงินสกปรก หรือเงินธุรกิจใต้ดินต่างๆ
ครึ่งปีแรก 2013 Bit Coin จาก 13 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นมาสูงถึง 260 ดอลลาร์ในช่วงเดือนเมษายน หรือ +1,900% ในเวลาแค่ 4 เดือน
ส่วนผู้คิดค้น Bit Coin แม้ในวงการคอมพิวเตอร์เองก็ยังไม่อาจตอบได้ว่าเขาคือใคร เนื่องจากขำได้ทำการปิดบังตัวตนเอาไว้ และจนบัดนี้เราก็ไม่รู้ว่าเขาคือใครกันแน่ ข้อที่แน่ที่สุดที่เรารู้คือเขาคงเป็นมนุษย์ แหะๆ
ในปัจจุบันมีบางประเทศที่ให้การรับรองถึงสถานะของ Bit Coin เช่นที่เยอรมนี กำหนดว่าให้เป็นสินทรัพย์บุคคล ต้องมีการรายงานการถือครอง และหากมีกำไรใน Bit Coin ก็ต้องเสียภาษีด้วยในอัตรา ร้อยละ 25 ยกเว้นว่าหากถือครองนานเกิน 1 ปี จะได้รับการยกเว้นภาษี
/มีต่อด้านล่าง
http://www.facebook.com/SinthornVista เพจการเงินที่อลังการที่สุดในสากลโลก