เนื่องจากตัวนุ่มกะตัวแน่นได้รับประโยชน์เต็มๆ จากข้อมูลที่เหล่าเซียนท่องเที่ยวญี่ปุ่น แชร์ไว้บน internet พอถึง
คราวที่เราได้ไปเยือนกรุงโตเกียว ก็อยากจะแชร์ประสบกาณ์ ไว้ให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นเช่นกัน
ขอแอบขอบคุณเบาๆ ท่านผู้ใจดีทั้งหลาย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ (คุณป้าพนอจัน คุณติวเตอร์ตู่ คุณว่านน้ำ
คุณชูชก คุณลอร่า อิงกัลส์ และอีกมากมาย) พร้อมฝากเนื้อฝากตัวในห้องด้วยคร้าบ เด็กใหม่คร้าบบบ
ผม (ตัวแน่น) ได้ไปเที่ยวโตเกียวมา 3 หนครับ หนแรกน่ะเป็นความผิดพลาด เพราะเพื่อนชาวญี่ปุ่นพาไป
เลยไม่ได้เตรียมตัว ปรากฏว่าอยู่ๆ เพื่อนคนนี้หายตัวไป ครั้งแรกในโตเกียวของผมจึงออกแนวเอาตัวรอดมากกว่า
ไว้จะเล่าให้ฟังกันอีกที ส่วนครั้งที่ 2 ก็ไปในปีล่าสุด รวม 10 คน (กรกฎาคม 56) และครั้งที่ 3 ยังไม่จุใจก็ไปกับ
ตัวนุ่มในสองเดือนถัดมา (กันยายน) รวมๆ แล้วก็อยู่ในโตเกียวนับรวมได้ราวๆ 25 วัน ก็พอจะมีเรื่องเล่า
เกี่ยวกะโตเกียวให้ใครๆ ฟังได้บ้างครับ
สิ่งที่สำคัญเมื่อผมวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองก็เห็นจะมีอยู่สองอย่าง คือตั๋วเครื่องบิน กับที่พัก
อย่างแรกขอไม่กล่าวถึงนะครับ แล้วแต่กำลังทรัพย์กับการวางแผน กระทู้นี้ผมอยากจะเล่าถึงที่พักที่เคยได้ไปนอน
ในโตเกียว ซึ่งจริงๆ ก็เคยไปนอนแค่ 3 ที่เท่านั้นแหละครับ คือ Ikebukuro , Ueno และ Shin Okubo ก็ขอกล่าวถึง
อันที่อยู่นานที่สุดคือ Ikebukuro ซึ่งเราได้ไปนอนที่
Sakura Hotel Ikebukuro นั่นเอง
Sakura Hotel Ikebukuro นั้นได้รับการ Recommend จากสหายผู้เชี่ยวชาญโตเกียวว่า เป็นโรงแรมที่ราคาไม่แพง
สะอาด อยู่ในย่านครื้นเครง และยังเดินทางท่องเที่ยวสะดวก เมื่อครั้งที่ตัวนุ่มตัวแน่นและชาวคณะ 10 หน่วย
ไปโตเกียว จึงรีบจองโรงแรมนี้โดยพลัน ถ้าเป็น Official Website ก็อันนี้เลย
http://www.sakura-hotel-ikebukuro.com/thai/
มีภาษาไทยซะด้วย! ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยฉลองยกเลิกวีซ่าเป็นอย่างดี โตเกียวทริป 2 ครั้งที่ผ่านมา
ผมจองกับ Booking ได้ราคาดีที่สุด ยังไงเพื่อนๆ ลองเปรียบเทียบราคาหลายๆ เว็บดูนะขอรับ เพราะบางช่วง
จองกะโรงแรมยังถูกกว่าซะอีก
นอนที่นี่ดียังไง?
อันนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่เป็นกลางนะครับ
ดีข้อที่ 1.สะอาด ได้มาตรฐาน
จากประสบการณ์ไม่ค่อยเจอโรงแรมในญี่ปุ่นที่สกปรกจนอยู่ไม่ได้ มีแต่เก่ากะใหม่เท่านั้น สำหรับซากุระผมจัดว่าใหม่
เครื่องนอน ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน ของใช้เปลี่ยนใหม่ทุกวัน ผมแอบแฮปชุดแปรงสีฟัน ที่โกนหนวดมาหลายชุด น่าใช้เชียว
ดีข้อที่ 2.ห้องน้ำมีอ่าง
สำคัญสำหรับผมมากเลยครับ ถึงแม้ว่าห้องน้ำของ Sakura Hotel นั้นจะเรียกได้ว่าเล็ก (ตามมาตรฐานห้องน้ำ
ในโตเกียว) แต่ก็ใช้ได้ครบถ้วน มีระบบล้างก้นอัตโนมัติสไตล์ญี่ปุ่นตามธรรมเนียม ตอนแรกก็คิดว่าอ่างคงไม่ได้สำคัญร้อก
เหนื่อยๆ กลับมาคงอาบน้ำนอนอย่างเร็ว แต่ปรากฎว่าการนอนแช่น้ำร้อนช่วยให้หายปวดขาอย่างรวดเร็วมากกกก ระบบน้ำ
ของญี่ปุ่นก็ดี ไหลแรงเต็มเร็ว อีกทั้งอ่างเล็กๆ แบบนั่งกลับทำให้คนพันธ์ขาสั้นเช่นเรานั่งได้พอดีๆ สุดจะฟินอีกต่างหาก
บางทีนั่งหลับไปเลย (ปกติอ่างใหญ่ตัวแน่นจะนั่งแล้วไหลอะ 55)
ช่วงที่นอนโรงแรมไม่มีอ่างแถวอุเอโนะ(nonsmoker hotel) ถึงแม้จะห้องน้ำใหญ่กว่า ไม่เตะโดนนู่นนี่ แต่ปรากฎว่า
ปวดขาไม่หาย นอนไม่ค่อยหลับ เลยเที่ยวไม่ราบรื่น เป็นเหตุผลติงต๊องที่สำคัญสำหรับผมเองครับ
ดีข้อที่ 3.เดินทางสะดวก
การเดินจากสถานีจัดว่าไม่ได้ไกลมาก แต่ด้วยความที่สถานี JR Ikebukuro เป็นจุดศูนย์กลางของรถไฟหลายๆ สาย
ทำให้คนเดินในสถานีขวั่กไขว่วุ่นวาย ถ้าจะเหนื่อยก็เหนื่อยตรงเดินในสถานีนี่แหละครับ
หากต้องการเดินจากสถานีไปที่โรงแรม มี 2 ทางให้เลือกครับ
ทางแรก ถ้าอยากชมวิวบนถนน และไม่อึดอัดให้ออกทาง West Exit แล้วไปตามทางนี้นะครับ
ขึ้นมาจะเห็น McDonald's อยู่ตรงข้าม ด้านขวาจะเห็นร้านเหลือง Matsumoto กะ KFC ครับ
เลือกเดินได้สองทางขนานกัน ทางแรกเดินถนนใหญ่เลย ข้าง McDonald's
อีกเส้นนึงก็ไปทางขวามีถนนเล็กกว่าหน่อยนึง แต่ไม่ค่อยโดนแดด
ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกที่มีห้าง 0101 เราต้องเลี้ยวไปทางขวา
สังเกตว่าจะมีทางขึ้น Metro บริเวณนี้ ให้ข้ามมาเดินไปตามถนนฝั่งเดียวกับสถานี Metro
ตรงไปเรื่อยๆ เลยครับ เจอ Minimart ประมาณ 3 ร้านได้
พอถึงแยกไฟแดงใหญ่ที่มี Moriva Coffee ตรงมุมขวา ก็ข้ามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายจ้า
ผ่าน 7-eleven อีก 1 ร้านแล้วเลี้ยวขวาตามพี่จักรยานไปเลย
ถึงแว้ว Sakura Ikebukuro มีตึก 2 ฝั่ง check-in ฝั่งขวา
ทางที่สอง ถ้าชอบเดินใต้ดิน เดินดูคนดูของในสถานี ให้หาทางเดินไปสายรถไฟ Fukutoshin
จะเป็นเส้นทางเดียวกับการเดินไป Sakura Hotel ในทางใต้ดิน
ยืมภาพจาก
http://lexichronicles.wordpress.com/ นะครับ ไม่ค่อยได้ถ่ายที่สถานี เพราะคนเยอะ
แต่พอถึงทางเข้า Fukutoshin ก็ไม่ต้องเข้าไปนะครับ เดินตรงเลยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงทางออก C6
ทางขวามือมีร้านป้าแอนอยู่ (ถ้ายังอยู่นะ) พอขึ้นมาข้างบนก็จะบรรจบทางไปด้านบนตรงข้อ 5 พอดี
* รถไฟ metro สาย Fukutoshin วิ่งขนานกับสาย Yamanote ตั้งแต่ Shibuya ถึง Ikebukuro
เพื่อแบ่งเบาจาก JR และทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ (อ้างอิงจากหนังสือ "เซียนโตเกียว" คือว่า
ยังไม่ได้ลองไปเลยครับ เดินผ่านทุกวัน)
ใกล้ๆ ทางออก C6 จะเป็นทางเดินสวยๆ ประมาณนี้จ้า ถ่ายรูปน่ารักดีนะ มีของขายประปราย
อันนี้เอาแบบ map นะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
ส่วนการเดินทางไปเที่ยวที่อื่นก็สะดวกสบายด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของรถไฟหลายสายอย่างที่กล่าว
และที่สำคัญการเดินทางไปสนามบินนาริตะด้วย NEX (Narita Express) สามารถไปสายตรงได้
ทั้งไปและกลับสะดวกโยธิน แต่ต้องเช็คเวลาซักนิดนะครับเพราะสายที่จะลง Ikebukuro ไม่ได้มี
ตลอดช่วงเวลา สามารถเข้าไปเช็คเวลาได้จากหน้า Web นี้ครับ
จาก Narita
http://jreast-shinkansen-reservation.eki-net.com/pc/english/common/timetable/e_nex_u/index.html
ไป Narita
http://jreast-shinkansen-reservation.eki-net.com/pc/english/common/timetable/e_nex_d/index.html
หรือถ้าเวลาไม่ได้จริงๆ สามารถไปลงชินจูกุแล้วต่อ YAMANOTE ไม่กี่สถานีเองครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมค่อนข้างเลิฟ NEX + SUICA ไปกลับในราคา 5500 เยนเอามากๆ รถไฟใหม่ๆ
ปรับที่นั่งเข้าหากันได้ เห็นว่าเอาไว้หันหัวไปตามทางจะได้ไม่มึน แต่เราปรับเข้าหากันเมาท์มอยได้สนุกดี
เอากระเป๋าใหญ่ขึ้นลงง่าย มีที่เก็บกระเป๋าทุกโบกี้หรือจะไว้ชั้นบนหัวก็ได้ นับว่าสะดวกสบายจริงเชียว
บวกกับบัตรสารพัดประโยชน์ SUICA ที่มีตังค์ 2000 เยน อู้ววว ชอบมวั่ก!
ดีข้อที่ 4.มีห้องให้เลือกหลากหลาย
ตอนจองโรงแรม ตัวแน่นมีความกังวลนิดหน่อยสำหรับห้องพักของคน 10 คน ประกอบด้วย
4 คู่กับอีก 2 คนเดี่ยวๆ แต่ซากุระตอบโจทย์ได้ดี มีห้องหลากหลายแบบ
Single (นอนคนเดียว)
ตัวแมนกะตัวหล่อมากันแบบโดดเดี่ยวจึงได้ทดลองห้องเดี่ยวกันไป แน่นอนก็คงต้องแพงกว่า
ชาวบ้านเค้า เพราะนอนคนเดียวไม่มีตัวหาร ดูจากรูปที่ได้จากห้องตัวแมนมา ก็พอจะมีที่เก็บกระเป๋า
อยู่บ้างนะ เตียงขนาด 134 ซม. นอนคนเดียวสบายๆ อัตราบน web อยู่ที่ 6,800 เยน
Economy Double (นอนสองคนเตียงเดียวเล็กๆ อบอุ่น)
ตัวฮากะตัวง่วงนอนห้องประเภทนี้ เตียงค่อนข้างเล็กสำหรับคนสองคน แต่ทว่า 2 ตัวนี้มีความสามารถ
ในการนอนสูงมาก ถึงหมอนก็หลับ จึงไม่มีปัญหากับการนอนเตียงเล็กเท่าไหร่ เตียงขนาดเท่า Single
อัตราบน web 9,000 เยน ตัวนิ่งกะตัวรั่วก็สมัครใจอยากนอนแนบชิดที่ห้องสไตล์นี้เช่นกัน
เอ่อ ทำไมเอาไปแขวนตรงแอร์ฟะ
Twin (เตียงสองชั้น)
ตัวนุ่มกะตัวแน่นเลือกห้องนี้ เพราะตัวแน่นมีดัชนีมวลกายค่อนข้างมาก กลัวจะเบียดกันนอนไม่หลับ
พอไปนอนจริงก็ไม่เลว ได้ความเป็นส่วนตัวเพื่อการพักผ่อน แต่ลำบากตัวนุ่มต้องปีน โดยเฉพาะวันที่
เดินมาหนักๆ ก็เกือบจะปีนไม่รอดเหมือนกันนา ตัวเตียงจะแคบหน่อยและพื้นที่ในห้องแคบกว่า
ห้องแบบข้างบน แต่มีพื้นที่ใต้เตียงมาเก็บกระเป๋าแทน วันไหนของเยอะก็เตะๆ เข้าใต้เตียงสบายใจ
อัตราบน web เท่ากันที่ 9,000 เยน
Standard Double (สองคนเตียงเดียวใหญ่ๆ)
ตัวรวยกะตัวเอ๊งซึ่งเป็นคู่กระเป๋าตุงเอาห้องนี้ไป เตียงใหญ่หน่อย 140 ซม. พื้นที่เยอะ
มีโซฟาพักผ่อน และยังมีบริเวณให้นั่ง Party ได้ (จริงๆก็ไม่ควรนะ ที่มีอยู่แค่นั้น)
ไม่มีรูปห้องให้เห็นเล้ย ถ่ายไม่ทัน โดนจัด Party ไปแล้ว
ราคาบน Web 11,000 เยน ดูรูปบน Official web เอานะครับ
Japanese Room (ห้องแบบญี่ปุ่นนอนได้ 3-4 คน เป็นแบบปูฟูกนอนพื้น)
ตอนแรกตัวฮาจะชวนนอนห้องนี้ เปลี่ยนประสบการณ์ ฟังดูสยิวชอบกล สรุปราคามันแพง
ไม่เอาดีกว่า 16,500 เยน/3 คน , 20,000เยน/4คน
Family Room (รวมเตียง Double กับเตียงสองชั้นเข้าไปด้วยกัน) 15,000 เยน/3 คน , 18,000เยน/4คน
ทุกแบบที่กล่าวมามีห้องน้ำในตัว โถส้วมอัตโนมัติทันสมัยและอ่างอาบน้ำ
และสำหรับคนงบน้อยยังมี Dorm แบบห้องน้ำรวม เรียกได้ว่ามีให้เลือกทุกระดับประทับใจกันไปเลย
ตัวนุ่มกะตัวแน่นบุก IKEBUKURO นอน SAKURA HOTEL
เนื่องจากตัวนุ่มกะตัวแน่นได้รับประโยชน์เต็มๆ จากข้อมูลที่เหล่าเซียนท่องเที่ยวญี่ปุ่น แชร์ไว้บน internet พอถึง
คราวที่เราได้ไปเยือนกรุงโตเกียว ก็อยากจะแชร์ประสบกาณ์ ไว้ให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นเช่นกัน
ขอแอบขอบคุณเบาๆ ท่านผู้ใจดีทั้งหลาย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ (คุณป้าพนอจัน คุณติวเตอร์ตู่ คุณว่านน้ำ
คุณชูชก คุณลอร่า อิงกัลส์ และอีกมากมาย) พร้อมฝากเนื้อฝากตัวในห้องด้วยคร้าบ เด็กใหม่คร้าบบบ
ผม (ตัวแน่น) ได้ไปเที่ยวโตเกียวมา 3 หนครับ หนแรกน่ะเป็นความผิดพลาด เพราะเพื่อนชาวญี่ปุ่นพาไป
เลยไม่ได้เตรียมตัว ปรากฏว่าอยู่ๆ เพื่อนคนนี้หายตัวไป ครั้งแรกในโตเกียวของผมจึงออกแนวเอาตัวรอดมากกว่า
ไว้จะเล่าให้ฟังกันอีกที ส่วนครั้งที่ 2 ก็ไปในปีล่าสุด รวม 10 คน (กรกฎาคม 56) และครั้งที่ 3 ยังไม่จุใจก็ไปกับ
ตัวนุ่มในสองเดือนถัดมา (กันยายน) รวมๆ แล้วก็อยู่ในโตเกียวนับรวมได้ราวๆ 25 วัน ก็พอจะมีเรื่องเล่า
เกี่ยวกะโตเกียวให้ใครๆ ฟังได้บ้างครับ
สิ่งที่สำคัญเมื่อผมวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองก็เห็นจะมีอยู่สองอย่าง คือตั๋วเครื่องบิน กับที่พัก
อย่างแรกขอไม่กล่าวถึงนะครับ แล้วแต่กำลังทรัพย์กับการวางแผน กระทู้นี้ผมอยากจะเล่าถึงที่พักที่เคยได้ไปนอน
ในโตเกียว ซึ่งจริงๆ ก็เคยไปนอนแค่ 3 ที่เท่านั้นแหละครับ คือ Ikebukuro , Ueno และ Shin Okubo ก็ขอกล่าวถึง
อันที่อยู่นานที่สุดคือ Ikebukuro ซึ่งเราได้ไปนอนที่ Sakura Hotel Ikebukuro นั่นเอง
Sakura Hotel Ikebukuro นั้นได้รับการ Recommend จากสหายผู้เชี่ยวชาญโตเกียวว่า เป็นโรงแรมที่ราคาไม่แพง
สะอาด อยู่ในย่านครื้นเครง และยังเดินทางท่องเที่ยวสะดวก เมื่อครั้งที่ตัวนุ่มตัวแน่นและชาวคณะ 10 หน่วย
ไปโตเกียว จึงรีบจองโรงแรมนี้โดยพลัน ถ้าเป็น Official Website ก็อันนี้เลย
http://www.sakura-hotel-ikebukuro.com/thai/
มีภาษาไทยซะด้วย! ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยฉลองยกเลิกวีซ่าเป็นอย่างดี โตเกียวทริป 2 ครั้งที่ผ่านมา
ผมจองกับ Booking ได้ราคาดีที่สุด ยังไงเพื่อนๆ ลองเปรียบเทียบราคาหลายๆ เว็บดูนะขอรับ เพราะบางช่วง
จองกะโรงแรมยังถูกกว่าซะอีก
นอนที่นี่ดียังไง?
อันนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ไม่เป็นกลางนะครับ
ดีข้อที่ 1.สะอาด ได้มาตรฐาน
จากประสบการณ์ไม่ค่อยเจอโรงแรมในญี่ปุ่นที่สกปรกจนอยู่ไม่ได้ มีแต่เก่ากะใหม่เท่านั้น สำหรับซากุระผมจัดว่าใหม่
เครื่องนอน ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน ของใช้เปลี่ยนใหม่ทุกวัน ผมแอบแฮปชุดแปรงสีฟัน ที่โกนหนวดมาหลายชุด น่าใช้เชียว
ดีข้อที่ 2.ห้องน้ำมีอ่าง
สำคัญสำหรับผมมากเลยครับ ถึงแม้ว่าห้องน้ำของ Sakura Hotel นั้นจะเรียกได้ว่าเล็ก (ตามมาตรฐานห้องน้ำ
ในโตเกียว) แต่ก็ใช้ได้ครบถ้วน มีระบบล้างก้นอัตโนมัติสไตล์ญี่ปุ่นตามธรรมเนียม ตอนแรกก็คิดว่าอ่างคงไม่ได้สำคัญร้อก
เหนื่อยๆ กลับมาคงอาบน้ำนอนอย่างเร็ว แต่ปรากฎว่าการนอนแช่น้ำร้อนช่วยให้หายปวดขาอย่างรวดเร็วมากกกก ระบบน้ำ
ของญี่ปุ่นก็ดี ไหลแรงเต็มเร็ว อีกทั้งอ่างเล็กๆ แบบนั่งกลับทำให้คนพันธ์ขาสั้นเช่นเรานั่งได้พอดีๆ สุดจะฟินอีกต่างหาก
บางทีนั่งหลับไปเลย (ปกติอ่างใหญ่ตัวแน่นจะนั่งแล้วไหลอะ 55)
ช่วงที่นอนโรงแรมไม่มีอ่างแถวอุเอโนะ(nonsmoker hotel) ถึงแม้จะห้องน้ำใหญ่กว่า ไม่เตะโดนนู่นนี่ แต่ปรากฎว่า
ปวดขาไม่หาย นอนไม่ค่อยหลับ เลยเที่ยวไม่ราบรื่น เป็นเหตุผลติงต๊องที่สำคัญสำหรับผมเองครับ
ดีข้อที่ 3.เดินทางสะดวก
การเดินจากสถานีจัดว่าไม่ได้ไกลมาก แต่ด้วยความที่สถานี JR Ikebukuro เป็นจุดศูนย์กลางของรถไฟหลายๆ สาย
ทำให้คนเดินในสถานีขวั่กไขว่วุ่นวาย ถ้าจะเหนื่อยก็เหนื่อยตรงเดินในสถานีนี่แหละครับ
หากต้องการเดินจากสถานีไปที่โรงแรม มี 2 ทางให้เลือกครับ
ทางแรก ถ้าอยากชมวิวบนถนน และไม่อึดอัดให้ออกทาง West Exit แล้วไปตามทางนี้นะครับ
ขึ้นมาจะเห็น McDonald's อยู่ตรงข้าม ด้านขวาจะเห็นร้านเหลือง Matsumoto กะ KFC ครับ
เลือกเดินได้สองทางขนานกัน ทางแรกเดินถนนใหญ่เลย ข้าง McDonald's
อีกเส้นนึงก็ไปทางขวามีถนนเล็กกว่าหน่อยนึง แต่ไม่ค่อยโดนแดด
ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงแยกที่มีห้าง 0101 เราต้องเลี้ยวไปทางขวา
สังเกตว่าจะมีทางขึ้น Metro บริเวณนี้ ให้ข้ามมาเดินไปตามถนนฝั่งเดียวกับสถานี Metro
ตรงไปเรื่อยๆ เลยครับ เจอ Minimart ประมาณ 3 ร้านได้
พอถึงแยกไฟแดงใหญ่ที่มี Moriva Coffee ตรงมุมขวา ก็ข้ามถนนแล้วเลี้ยวซ้ายจ้า
ผ่าน 7-eleven อีก 1 ร้านแล้วเลี้ยวขวาตามพี่จักรยานไปเลย
ถึงแว้ว Sakura Ikebukuro มีตึก 2 ฝั่ง check-in ฝั่งขวา
ทางที่สอง ถ้าชอบเดินใต้ดิน เดินดูคนดูของในสถานี ให้หาทางเดินไปสายรถไฟ Fukutoshin
จะเป็นเส้นทางเดียวกับการเดินไป Sakura Hotel ในทางใต้ดิน
ยืมภาพจาก http://lexichronicles.wordpress.com/ นะครับ ไม่ค่อยได้ถ่ายที่สถานี เพราะคนเยอะ
แต่พอถึงทางเข้า Fukutoshin ก็ไม่ต้องเข้าไปนะครับ เดินตรงเลยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงทางออก C6
ทางขวามือมีร้านป้าแอนอยู่ (ถ้ายังอยู่นะ) พอขึ้นมาข้างบนก็จะบรรจบทางไปด้านบนตรงข้อ 5 พอดี
* รถไฟ metro สาย Fukutoshin วิ่งขนานกับสาย Yamanote ตั้งแต่ Shibuya ถึง Ikebukuro
เพื่อแบ่งเบาจาก JR และทำให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ (อ้างอิงจากหนังสือ "เซียนโตเกียว" คือว่า
ยังไม่ได้ลองไปเลยครับ เดินผ่านทุกวัน)
ใกล้ๆ ทางออก C6 จะเป็นทางเดินสวยๆ ประมาณนี้จ้า ถ่ายรูปน่ารักดีนะ มีของขายประปราย
อันนี้เอาแบบ map นะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
ส่วนการเดินทางไปเที่ยวที่อื่นก็สะดวกสบายด้วยความที่เป็นศูนย์กลางของรถไฟหลายสายอย่างที่กล่าว
และที่สำคัญการเดินทางไปสนามบินนาริตะด้วย NEX (Narita Express) สามารถไปสายตรงได้
ทั้งไปและกลับสะดวกโยธิน แต่ต้องเช็คเวลาซักนิดนะครับเพราะสายที่จะลง Ikebukuro ไม่ได้มี
ตลอดช่วงเวลา สามารถเข้าไปเช็คเวลาได้จากหน้า Web นี้ครับ
จาก Narita
http://jreast-shinkansen-reservation.eki-net.com/pc/english/common/timetable/e_nex_u/index.html
ไป Narita
http://jreast-shinkansen-reservation.eki-net.com/pc/english/common/timetable/e_nex_d/index.html
หรือถ้าเวลาไม่ได้จริงๆ สามารถไปลงชินจูกุแล้วต่อ YAMANOTE ไม่กี่สถานีเองครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมค่อนข้างเลิฟ NEX + SUICA ไปกลับในราคา 5500 เยนเอามากๆ รถไฟใหม่ๆ
ปรับที่นั่งเข้าหากันได้ เห็นว่าเอาไว้หันหัวไปตามทางจะได้ไม่มึน แต่เราปรับเข้าหากันเมาท์มอยได้สนุกดี
เอากระเป๋าใหญ่ขึ้นลงง่าย มีที่เก็บกระเป๋าทุกโบกี้หรือจะไว้ชั้นบนหัวก็ได้ นับว่าสะดวกสบายจริงเชียว
บวกกับบัตรสารพัดประโยชน์ SUICA ที่มีตังค์ 2000 เยน อู้ววว ชอบมวั่ก!
ดีข้อที่ 4.มีห้องให้เลือกหลากหลาย
ตอนจองโรงแรม ตัวแน่นมีความกังวลนิดหน่อยสำหรับห้องพักของคน 10 คน ประกอบด้วย
4 คู่กับอีก 2 คนเดี่ยวๆ แต่ซากุระตอบโจทย์ได้ดี มีห้องหลากหลายแบบ
Single (นอนคนเดียว)
ตัวแมนกะตัวหล่อมากันแบบโดดเดี่ยวจึงได้ทดลองห้องเดี่ยวกันไป แน่นอนก็คงต้องแพงกว่า
ชาวบ้านเค้า เพราะนอนคนเดียวไม่มีตัวหาร ดูจากรูปที่ได้จากห้องตัวแมนมา ก็พอจะมีที่เก็บกระเป๋า
อยู่บ้างนะ เตียงขนาด 134 ซม. นอนคนเดียวสบายๆ อัตราบน web อยู่ที่ 6,800 เยน
Economy Double (นอนสองคนเตียงเดียวเล็กๆ อบอุ่น)
ตัวฮากะตัวง่วงนอนห้องประเภทนี้ เตียงค่อนข้างเล็กสำหรับคนสองคน แต่ทว่า 2 ตัวนี้มีความสามารถ
ในการนอนสูงมาก ถึงหมอนก็หลับ จึงไม่มีปัญหากับการนอนเตียงเล็กเท่าไหร่ เตียงขนาดเท่า Single
อัตราบน web 9,000 เยน ตัวนิ่งกะตัวรั่วก็สมัครใจอยากนอนแนบชิดที่ห้องสไตล์นี้เช่นกัน
เอ่อ ทำไมเอาไปแขวนตรงแอร์ฟะ
Twin (เตียงสองชั้น)
ตัวนุ่มกะตัวแน่นเลือกห้องนี้ เพราะตัวแน่นมีดัชนีมวลกายค่อนข้างมาก กลัวจะเบียดกันนอนไม่หลับ
พอไปนอนจริงก็ไม่เลว ได้ความเป็นส่วนตัวเพื่อการพักผ่อน แต่ลำบากตัวนุ่มต้องปีน โดยเฉพาะวันที่
เดินมาหนักๆ ก็เกือบจะปีนไม่รอดเหมือนกันนา ตัวเตียงจะแคบหน่อยและพื้นที่ในห้องแคบกว่า
ห้องแบบข้างบน แต่มีพื้นที่ใต้เตียงมาเก็บกระเป๋าแทน วันไหนของเยอะก็เตะๆ เข้าใต้เตียงสบายใจ
อัตราบน web เท่ากันที่ 9,000 เยน
Standard Double (สองคนเตียงเดียวใหญ่ๆ)
ตัวรวยกะตัวเอ๊งซึ่งเป็นคู่กระเป๋าตุงเอาห้องนี้ไป เตียงใหญ่หน่อย 140 ซม. พื้นที่เยอะ
มีโซฟาพักผ่อน และยังมีบริเวณให้นั่ง Party ได้ (จริงๆก็ไม่ควรนะ ที่มีอยู่แค่นั้น)
ไม่มีรูปห้องให้เห็นเล้ย ถ่ายไม่ทัน โดนจัด Party ไปแล้ว
ราคาบน Web 11,000 เยน ดูรูปบน Official web เอานะครับ
Japanese Room (ห้องแบบญี่ปุ่นนอนได้ 3-4 คน เป็นแบบปูฟูกนอนพื้น)
ตอนแรกตัวฮาจะชวนนอนห้องนี้ เปลี่ยนประสบการณ์ ฟังดูสยิวชอบกล สรุปราคามันแพง
ไม่เอาดีกว่า 16,500 เยน/3 คน , 20,000เยน/4คน
Family Room (รวมเตียง Double กับเตียงสองชั้นเข้าไปด้วยกัน) 15,000 เยน/3 คน , 18,000เยน/4คน
ทุกแบบที่กล่าวมามีห้องน้ำในตัว โถส้วมอัตโนมัติทันสมัยและอ่างอาบน้ำ
และสำหรับคนงบน้อยยังมี Dorm แบบห้องน้ำรวม เรียกได้ว่ามีให้เลือกทุกระดับประทับใจกันไปเลย