กลับมาพบตอนใหม่ของเจ้าสาวแห่งทางสายไหมกันอีกรอบในเดือนนี้นะครับ

งวดนี้ตัวดิบออกมาช้าไปหน่อย (ส่วนหนึ่งเพราะที่ที่ผมหาประจำดันเจ๊งนั่นแหละ) เลยเอามาลงช้าไปพอสมควรเลย ต้องขออภัยด้วยครับ

ว่าแล้วก็ไปชมเนื้อเรื่องกันได้เลยครับ






เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่อามีร่าแสดงฝีมือสยบพ่อตัวเองที่เป็นหัวหน้าเผ่าเฮอร์กัลช่วยคาร์ลุคไว้ได้ อาเซลเห็นดังนั้นก็รีบลงจากม้าเดินเข้าไปหาอามีร่าที่เอาดาบจ่อคอพ่อไว้ ฝ่ายคาร์ลุคเห็นอาเซลเดินเข้ามาก็ขยับตัวออกมายืนกันท่าไว้เพราะกลัวอาเซลจะเข้ามาทำร้ายอามีร่า




กิริยาแสดงความเป็นศัตรูอย่างชัดแจ้งของคาร์ลุคทำเอาอาเซลชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะบอกอีกฝ่ายเรียบๆ ให้หลบไป แต่คาร์ลุคไม่ยอมหลบ แถมยังควักมีดออกมาแทงชึ่บใส่อาเซลเข้าให้อีก แต่เจออาเซลจับแขนไว้อยู่ แล้วโดนลากออกไปจนพ้นทางง่ายๆ โดยที่คาร์ลุคทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากดิ้นปัดๆ เท่านั้น

ลากตัวคาร์ลุคไปพ้นทางเสร็จ (โดยยังจับมือข้างที่ถือมีดไว้แน่นกันไม่ให้คาร์ลุคทำอะไรบ้าๆ อีก) อาเซลก็เข้าไปแตะไหล่อามีร่าแล้วบอกให้ปล่อยตัวพ่อก่อนเถอะ

ทว่าเพิ่งเจรจากันได้แค่สองสามคำ พวกนักรบเผ่าบาดันก็ควบม้าเฮโลกันเข้ามาถึงหน้าที่ว่าการเมืองเสียก่อน พร้อมสาดกระสุนเข้าใส่ชาวเมืองที่ถือหอกล้อมอยู่รอบนอกจนบาดเจ็บล้มตายไปหลายคน อาเซลเห็นดังนั้นก็รีบคว้าตัวอามีร่ากับคาร์ลุคลากเข้าไปหลบหลังกำแพงที่ใกล้ที่สุดทันที

ฝ่ายพ่อของอาเซลกับอามีร่าพอเป็นอิสระจากการถูกคุมตัว เมื่อหันไปเห็นกองม้าของนักรบเผ่าบาดันก็นึกว่าเป็นกำลังหนุนเข้ามาช่วย (พ่ออามีร่าพานักรบกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาไกลกว่าใครเพื่อนเลยยังไม่รู้ว่าเผ่าบาดันหักหลัง) ด้วยความแค้นที่ถูกลูกสาวกับลูกเขยเล่นงานจนเสียหน้า ก็ลุกขึ้นชี้ดาบไปทางที่พวกอามีร่าหนีไปหลบแล้วบอกพวกเผ่าบาดันให้ไล่ตามไปทันที

ซึ่งผลน่ะเหรอ...




...ก็โดนยิงพรุนสิครับ จะไปเหลืออะไร ฝ่ายอาเซลเห็นพ่อตัวเองโดนเป่าดิ้นไปแล้วก็หันไปบอกกับอามีร่ากับคาร์ลุคว่า ตอนนี้ฝ่ายศัตรูคือเผ่าบาดันกำลังระส่ำระสายเพราะเสียหัวหน้าเผ่าไป ดังนั้นถ้าฝ่ายคนในเมืองอาศัยกำลังที่เหนือกว่าเข้ากดดันละก็รับรองต้องชนะได้แน่ ให้รีบเอาข่าวนี้ไปบอกเจ้าเมืองซะ แต่อามีร่ายังห่วงพี่ชายว่าอยู่แค่คนเดียวแบบนี้จะต่อกรกับอีกฝ่ายที่กำลังเหนือกว่าได้ยังไง อาเซลก็ย้ำกับอามีร่าอีกครั้งว่าตอนนี้ตัวเขายังถือว่ามีสถานะเป็นศัตรูกับพวกอามีร่านะ ถ้าจะห่วงก็ห่วงคนในเมืองที่เป็นพวกเดียวกันเถอะ ไม่ต้องไปห่วงศัตรูให้มากความหรอก จากนั้นหันไปฝากฝังกับคาร์ลุคให้ช่วยพาอามีร่าหลบไปด้วย คาร์ลุคได้ฟังดังนั้นก็รีบพาอามีร่าวิ่งหนีออกไปทันที


ฝ่ายนักรบเผ่าบาดันที่กำลังอาละวาดอยู่ใกล้แถวนั้น เห็นคาร์ลุคกำลังพาอามีร่าวิ่งหนีอยู่ก็หันไปจะควบม้าตาม แต่โดนอาเซลดึงความสนใจเอาไว้เสียก่อน นักรบกลุ่มนั้นเห็นอาเซลก็จำได้ว่าเป็นคนที่ฆ่าหัวหน้าเผ่าตัวเอง จึงเบนเป้ามาควบม้าเฮโลเข้าใส่หมายจะเชือดให้สมแค้น ฝ่ายอาเซลนั้นไม่เหลืออาวุธอะไรอยู่กับตัวเลยนอกจากดาบแค่เล่มเดียว (ธนูทิ้งไว้บนหลังม้าตอนลงจากหลังม้ามาเจรจากับอามีร่าเมื่อท้ายตอนที่แล้วกับต้นตอนนี้) ก็ได้แต่เหวี่ยงดาบปัดป้องพลางหลบดาบอีกฝ่ายไปมาเท่านั้น

ไม่นาน ฝ่ายเผ่าบาดันที่มีทั้งม้าทั้งกำลังคนเหนือกว่าก็เป็นฝ่ายล้อมอาเซลไว้ได้ ต่างตวัดดาบฟาดใส่อาเซลจากทุกทิศทาง ทำเอาอาเซลถึงกับเทพไม่ออก ได้แต่ปัดป้องโยกหลบเอาตัวรอดอย่างเดียวเท่านั้น

ตอนนั้นเอง ลูกธนูสองดอกก็แล่นมาปักอกนักรบเผ่าบาดันสองคนในกลุ่มที่รุมล้อมอาเซลไว้จนร่วงไป อาเซลหันกลับไปมอง พบกับร่างของโจลุคกับไบมัต ลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของตนกำลังควบม้าห้อตะบึงเข้ามาหา ทั้งสองช่วยกันยิงธนูสกัดพวกนักรบบาดันไว้ แล้วควบม้าปาดเข้าไปหาอาเซลกับอามีร่า เปิดโอกาสให้ทั้งสามกระโจนขึ้นเกาะอานม้าไว้ (คาร์ลุคโดนอามีร่าหิ้วอีกทีหนึ่ง) แล้วพาควบหนีออกมาจนพ้นระยะเข้ารบแบบตะลุมบอนที่พวกตัวเองเสียเปรียบทันที


ท่านพี่อาเซลกับสหายร่วมตี้ทั้งสอง (อนึ่ง ในภาพนี้จะเห็นว่าท่านพี่มีธนูอยู่ในมือแล้ว ที่เป็นแบบนี้เพราะโจลุคเพื่อนในตี้เอาคันธนูกับกระบอกใส่ธนูมาให้ครับ)




ได้เพื่อนมาเข้าทีมครบปุ๊บ อาเซลก็สั่งการทันทีให้ใช้ธนูเก็บพวกที่ถือปืนก่อน เพราะเมื่อกี้พวกนั้นสาดกระสุนถล่มชาวบ้านไปจนหมดรังเพลิงแล้ว ไม่น่าจะสาดกระสุนชุดใหม่ได้อีก เพราะงั้นให้ฉวยโอกาสนี้ใช้ธนูไล่ยิงเก็บไปเลย อย่าให้พวกมันมีโอกาสบรรจุกระสุนชุดใหม่ (ปืนที่พวกนี้ใช้ยังเป็นปืนคาบศิลาไม่ก็ปืนไรเฟิลแบบบรรจุท้ายลำกล้องอยู่เลย เพราะงั้นโหลดกระสุนทีก็เสียเวลามากพอดู)

นาทีหลั่งเลือดเริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่ออาเซลกับเพื่อนร่วมตี้ช่วยกันน้าวธนูยิงใส่กองม้าของเผ่าบาดัน เก็บฝ่ายตรงข้ามจนร่วงไปได้เป็นแถบๆ ชนิดหนึ่งนัดหนึ่งศพ ฝ่ายกองม้าเผ่าบาดันเห็นพวกตัวเองโดนเล็งยิงเอาแบบนั้นก็กระจายกำลังออกไปสองข้างทางหมายจะใช้กำลังที่เหนือกว่าล้อมกรอบพวกอาเซลไว้จนรับมือไม่ทัน แต่ด้วยแผนรับมือของอาเซลและฝีมือธนูระดับยิงสั่งของนักรบเผ่าเฮอร์กัลทั้งสาม พวกเผ่าบาดันจึงไม่มีโอกาสตีวงล้อมกรอบหรือมีเวลาบรรจุกระสุนปืนเลย







ตอนนั้นเอง นักรบเผ่าบาดันคนหนึ่งก็บรรจุกระสุนได้เสร็จระหว่างที่อาเซลมัวแต่ง่วนกับการยิงเก็บนักรบอยู่ทางอื่น มันยกปืนขึ้นเล็งมาที่อาเซลแล้วทำท่าจะเหนี่ยวไกยิง แต่อามีร่าเห็นเข้าเสียก่อน ก็เลยใช้ผ้าเคียนเอวของตัวเองมาผูกเป็นสลิงขว้างหิน ซัดก้อนหินก้อนใหญ่เข้าเต็มหน้าแงไอ้นักรบคนนั้นจนยิงพลาดร่วงจากหลังม้าไป เปิดโอกาสให้อาเซลเข้ามาปิดเกมให้สิ้นเรื่องสิ้นราว


สลิงประยุกต์ของอามีร่า




การต่อสู้ดำเนินไปได้ครู่ใหญ่ๆ อาเซลกับพวกก็ช่วยกันเก็บกองม้าของพวกบาดันที่รุมเข้ามาได้จนหมด แต่ก็เล่นเอาเหนื่อยจนแทบหมดแรงข้าวต้มกันทั้งทีม

เมื่อเห็นว่าเรื่องจบแล้ว อามีร่าก็ไปพาคาร์ลุคออกมาจากที่ซ่อน แล้ววิ่งเข้าไปจะคุยกับอาเซล แต่ตอนนั้นเอง เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้น ทั้งหมดหันกลับไปมอง พบว่าเป็นกองกำลังชาวเมืองของพวกคาร์ลุคกับอามีร่านั่นเอง กองกำลังชาวเมืองเห็นอาเซลกับพวกอยู่ตรงหน้าศาลาว่าการก็จำได้ว่าเป็นพวกเดียวกับที่มาถล่มเมือง เลยเฮโลกันเข้าไปจะเล่นงานทั้งสาม คาร์ลุคเห็นดังนั้นก็พยายามร้องห้ามว่าสามคนนั้นไม่ได้ทำร้ายพวกเรา แต่มาช่วยต่างหาก ทว่าชาวเมืองทุกคนกำลังโกรธแค้นเกินกว่าจะพูดคุยกันด้วยเหตุผลได้ คาร์ลุคจึงเป็นฝ่ายโดนเขี่ยกระเด็นไปพ้นทางเสียเอง

ฝ่ายอาเซลเห็นคาร์ลุคห้ามชาวเมืองไว้ไม่ได้แบบนั้น ก็รีบผลักอามีร่าให้ออกห่างจากตัวเองเพื่อไม่ให้โดนลูกหลงไปด้วย ขณะยืนนิ่งอยู่กลางลานอย่างสงบจนกระทั่งกลุ่มชาวเมืองเข้าถึงตัว

สิ่งสุดท้ายที่อามีร่าได้เห็น คือภาพพี่ชายที่รักของตัวเองถูกต่อยจนล้มคว่ำ ก่อนจะถูกกลืนหายไปท่ามกลางฝูงชนที่กำลังโห่ร้องอย่างบ้าเลือดเพียงเท่านั้น





- จบตอนที่ 34 -





จบตอนแบบโคตรจะลุ้นระทึกไปอีกรอบเลยแฮะ เผลอๆ จะลุ้นยิ่งกว่าตอนที่แล้วซะอีกว่างานนี้ท่านพี่จะเอาตัวรอดจากฝูงชนที่โกรธแค้นแบบนั้นได้ยังไง

ว่าแต่เห็นความเทพของตี้ท่านพี่ตอนฉะกับกองม้าของเผ่าบาดันแล้ว อดคิดไม่ได้เลยแฮะว่าจริงๆ เผ่านี้มันก็เก่งๆ กันทั้งนั้นเลยนี่หว่า เสียดายจริงๆ ที่ระดับหัวหน้าขึ้นไปดันสมองมีแต่กล้าม เลยโดนหลอกจนพาลูกเผ่ามาตายเปล่ากันตั้งมากมายขนาดนี้

อย่างน้อยก็หวังว่าคนที่สมองไม่ได้มีแต่กล้ามอย่างท่านพี่กับเพื่อนร่วมตี้ทั้งสองจะรอดไปเถลิงอำนาจต่อได้ละครับ


รอลุ้นกันเล่มหน้าครับ