เมื่อวานมีรอบกาล่ายิ่งใหญ่ของฮังเกอร์เกมส์ แต่ผมไม่ได้ไปร่วมงานด้วย เพราะไปดูหนังเรื่องนี้มา ซึ่งเป็นหนังที่ได้รับกระแสออกมาว่า "อะไรของมันวะ?" นั่นสิอะไรของมัน ดูแล้วก็คิดอย่างนี้เหมือนกันนะ
The Counselor เป็นหนังที่ค่อนข้างลึก ด้วยการใส่บทสนทนาที่ย๊าว..ยาว ทำให้การตีความหมายต้องใช้เวลา ซึ่ง ณ ขณะตอนดู เวลาตีความก็มีอยู่น้อยนิด เพราะกำลังจะตีความหมายของฉากหนึ่ง ฉากต่อไปก็มาจ่อคิวพล่ามไม่หยุด จนทำให้ขาดการปะติดปะต่อเรื่องราว และทำให้การเข้าใจเรื่องราวโดยรวม มีน้อยซะเหลือเกิน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรจะบอก หนังมีเรื่องราวจะนำเสนอมากมาย ประเด็นหลักของหนังเป็นเรื่องราวเชือดเฉือนของตัวละคร ที่ได้นักแสดงดังๆมารับบท ที่เด่นๆก็จะมี '
คาเมรอน ดิอาซ' ที่พอดูเรื่องนี้จบ น่าจะเปลี่ยนชื่อเธอเป็น '
แคมหลอน ดิอาซ' ซะดีกว่า, '
แบรด พิทท์' กับฉากหนึ่งที่ต้องอึ้งและสยอง, '
เพเนโลเป้ ครูซ' บทไม่เด่นมาก เป็นตัวประกอบของเรื่อง, '
ฮาร์เวีย บาร์เด็ม' มาพร้อมผมชี้โด่ชี้เด่ และบุคลิกที่เปลี่ยนใหม่ นักแสดงคนนี้มาดีทุกครั้ง ส่วนบทสำคัญของเรื่องคือ '
ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์' ที่ถือว่าเป็นตัวหลัก ใช้ชื่อเรื่องเป็นชื่อเรียกตัวละคร โดยไม่ได้บอกว่าชื่อจริงๆของเขาชื่อว่าอะไรกันแน่
การดำเนินเรื่องค่อนข้างจะเอื่อยเฉื่อย ไม่มีการดำเนินดนตรีที่ตื่นเต้นเร้าใจมาช่วยเสริม พอจะมีฉากโหดซักฉาก ก็ใส่มาแบบ 'เลือดเย็น' คือมันมาอย่างดื้อๆจนอึ้ง ฉากส่วนใหญ่เน้นนั่งพล่ามกันทั้งนั้น จึงเป็นหนังที่ต้องใช้สมาธิในการเข้าใจสูง
นอกจากจะมีบทสนทนาที่ยืดยาวซะจนลิงหลับ บทสนทนาส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับสิ่งผิดกฏหมายและเซ็กส์ ซึ่งอย่างหลังนี้มีอยู่สองฉากที่ถ้าไม่ใส่เข้ามา มันก็ดำเนินเรื่องได้แหละ ได้แก่ ฉากเซ็กส์ของฟาสส์เบนเดอร์และครูซตอนต้นเรื่อง กับอีกฉากที่ทำให้ '
คาเมรอน ดิอาซ' เปลี่ยนชื่อใหม่ไปเป็น '
แคมหลอน ดิอาซ'
จากคำโปรยหนังที่ให้ไว้อย่าง
"Have you been bad" หรือ
"Sin is a choice" ก็เป็นคำโปรยที่อธิบายเนื้อหาของเรื่องราวได้ทั้งหมด หนังพาคนดูให้เข้าใจการเข้าไปข้องเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจ สิ่งที่เรียกได้ว่า 'บาป' ซึ่งปกติแล้ว คงไม่มีใครถามคุณว่า
"คุณเคยทำตัวเลวไหม" ดังนั้นคำพูดที่ว่า
"บาปคือตัวเลือก" ก็ให้คนดูคิดได้ว่า ถ้าเลือกได้ ก็คงจะไม่ยุ่งกับมันแน่ๆ
ริดลีย์ สก็อตต์ ผู้กำกับของหนัง มาครั้งนี้นำเสนอหนังที่ค่อนข้างจะปรัชญาไปนิดส์ เพราะถ้าสมาธิหลุด จิตหลุด ก็จะหลุดความหมายไปทันที ดังนั้นบทสนทนาของหนัง จึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้หนังที่น่าจะคมคายเรื่องนี้ กลับลดความคมลงไปอย่างดื้อๆ และกลายเป็นหนังเข้าใจยาก ที่ไม่อยากดูรอบสอง เพราะขี้เกียจตีประเด็นต่อ
ขอสรุปสิ่งที่
The Counselor ได้บอกไว้ เป็นคำคมสั้นๆ เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาได้อย่างสั้นๆ หนังบอกไว้ประมาณว่า
"อย่าหลงไปมั่วสุม อยู่ในหลุมของคนชั่ว อย่าหลงไปเกลือกกลั้ว อยู่ในรั้วของคนเลว" เพราะคุณอาจถอนตัวไม่ขึ้น และต้องสูญเสียในสิ่งที่คาดไม่ถึง
C-
อ่านรีวิวหนังสัปดาห์ที่แล้วเรื่อง Tap Perfect Education ได้ที่นี่
http://ppantip.com/topic/31250291
ขออนุญาตแนะนำ
ติดตามแฟนเพจเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/McksMovie
ชุมชนคนชอบดูหนัง กำลังจะเปลี่ยนแปลงเมื่อขึ้นปีใหม่
https://www.facebook.com/KonLikeNang
รีวิว The Counselor เคยเลวกันบ้างมั้ย? (ไม่สปอยล์)
The Counselor เป็นหนังที่ค่อนข้างลึก ด้วยการใส่บทสนทนาที่ย๊าว..ยาว ทำให้การตีความหมายต้องใช้เวลา ซึ่ง ณ ขณะตอนดู เวลาตีความก็มีอยู่น้อยนิด เพราะกำลังจะตีความหมายของฉากหนึ่ง ฉากต่อไปก็มาจ่อคิวพล่ามไม่หยุด จนทำให้ขาดการปะติดปะต่อเรื่องราว และทำให้การเข้าใจเรื่องราวโดยรวม มีน้อยซะเหลือเกิน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรจะบอก หนังมีเรื่องราวจะนำเสนอมากมาย ประเด็นหลักของหนังเป็นเรื่องราวเชือดเฉือนของตัวละคร ที่ได้นักแสดงดังๆมารับบท ที่เด่นๆก็จะมี 'คาเมรอน ดิอาซ' ที่พอดูเรื่องนี้จบ น่าจะเปลี่ยนชื่อเธอเป็น 'แคมหลอน ดิอาซ' ซะดีกว่า, 'แบรด พิทท์' กับฉากหนึ่งที่ต้องอึ้งและสยอง, 'เพเนโลเป้ ครูซ' บทไม่เด่นมาก เป็นตัวประกอบของเรื่อง, 'ฮาร์เวีย บาร์เด็ม' มาพร้อมผมชี้โด่ชี้เด่ และบุคลิกที่เปลี่ยนใหม่ นักแสดงคนนี้มาดีทุกครั้ง ส่วนบทสำคัญของเรื่องคือ 'ไมเคิล ฟาสส์เบนเดอร์' ที่ถือว่าเป็นตัวหลัก ใช้ชื่อเรื่องเป็นชื่อเรียกตัวละคร โดยไม่ได้บอกว่าชื่อจริงๆของเขาชื่อว่าอะไรกันแน่
การดำเนินเรื่องค่อนข้างจะเอื่อยเฉื่อย ไม่มีการดำเนินดนตรีที่ตื่นเต้นเร้าใจมาช่วยเสริม พอจะมีฉากโหดซักฉาก ก็ใส่มาแบบ 'เลือดเย็น' คือมันมาอย่างดื้อๆจนอึ้ง ฉากส่วนใหญ่เน้นนั่งพล่ามกันทั้งนั้น จึงเป็นหนังที่ต้องใช้สมาธิในการเข้าใจสูง
นอกจากจะมีบทสนทนาที่ยืดยาวซะจนลิงหลับ บทสนทนาส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับสิ่งผิดกฏหมายและเซ็กส์ ซึ่งอย่างหลังนี้มีอยู่สองฉากที่ถ้าไม่ใส่เข้ามา มันก็ดำเนินเรื่องได้แหละ ได้แก่ ฉากเซ็กส์ของฟาสส์เบนเดอร์และครูซตอนต้นเรื่อง กับอีกฉากที่ทำให้ 'คาเมรอน ดิอาซ' เปลี่ยนชื่อใหม่ไปเป็น 'แคมหลอน ดิอาซ'
จากคำโปรยหนังที่ให้ไว้อย่าง "Have you been bad" หรือ "Sin is a choice" ก็เป็นคำโปรยที่อธิบายเนื้อหาของเรื่องราวได้ทั้งหมด หนังพาคนดูให้เข้าใจการเข้าไปข้องเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจ สิ่งที่เรียกได้ว่า 'บาป' ซึ่งปกติแล้ว คงไม่มีใครถามคุณว่า "คุณเคยทำตัวเลวไหม" ดังนั้นคำพูดที่ว่า "บาปคือตัวเลือก" ก็ให้คนดูคิดได้ว่า ถ้าเลือกได้ ก็คงจะไม่ยุ่งกับมันแน่ๆ
ริดลีย์ สก็อตต์ ผู้กำกับของหนัง มาครั้งนี้นำเสนอหนังที่ค่อนข้างจะปรัชญาไปนิดส์ เพราะถ้าสมาธิหลุด จิตหลุด ก็จะหลุดความหมายไปทันที ดังนั้นบทสนทนาของหนัง จึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้หนังที่น่าจะคมคายเรื่องนี้ กลับลดความคมลงไปอย่างดื้อๆ และกลายเป็นหนังเข้าใจยาก ที่ไม่อยากดูรอบสอง เพราะขี้เกียจตีประเด็นต่อ
ขอสรุปสิ่งที่ The Counselor ได้บอกไว้ เป็นคำคมสั้นๆ เพื่อให้เข้าใจเนื้อหาได้อย่างสั้นๆ หนังบอกไว้ประมาณว่า
"อย่าหลงไปมั่วสุม อยู่ในหลุมของคนชั่ว อย่าหลงไปเกลือกกลั้ว อยู่ในรั้วของคนเลว" เพราะคุณอาจถอนตัวไม่ขึ้น และต้องสูญเสียในสิ่งที่คาดไม่ถึง
อ่านรีวิวหนังสัปดาห์ที่แล้วเรื่อง Tap Perfect Education ได้ที่นี่
http://ppantip.com/topic/31250291
ขออนุญาตแนะนำ
ติดตามแฟนเพจเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/McksMovie
ชุมชนคนชอบดูหนัง กำลังจะเปลี่ยนแปลงเมื่อขึ้นปีใหม่
https://www.facebook.com/KonLikeNang