"...การ์ตูนเรื่องนี้ชื่อ โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ"
ตอนนั้น ผมอายุ 13 ยังเด็กอยู่มาก ...ปกแรกของโจโจ้ที่ผมเห็นและได้
อ่านคือเล่ม 50 ปกมิซูต้าจ่อปืนโชว์สะดือ นั่นหล่ะครับคือครั้งแรกที่ทำให้
ผมรู้จักกับการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะโดยส่วนตัวนั้นผมนั้นไม่ได้เป็นเด็กในยุค
มัจจุราชแดนเถื่อน หรือ หน้ากากทมิฬ ง่ายๆคือผมเกิดไม่ทันตอนโจโจ้ตี
พิมพ์ในบ้านเรายุคแรกๆนั่นเองครับ คือโตมากับรวมเล่มของ NED ในชื่อ
โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ นี้เลย อาจจะทำให้ความรู้สึกที่ผมจะบรรยายต่าง
ไปจากพี่ๆรุ่นใหญ่ไปบ้างนะครับ
แต่พอเริ่มอ่าน ตอนแรกผมคิดว่าผมต้องงงแน่ๆ เพราะนี่มันเล่ม 50 แล้วนี่
...แต่ปรากฏว่าผมอ่านสนุกมากๆเลย ทั้งๆที่ไม่ได้รู้เนื้อหา 4 ภาคก่อนหน้านั้น
หรือยังไม่ได้ทำความเข้าใจกับพลังแสตนด์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ปรากฏ
ว่าผมสามารถอ่านสนุกจนต้องไปหาอ่านมาตั้งแต่เล่มแรกๆ จนในที่สุดก็ทำ
ความเข้าใจกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในจักรวาลโจโจ้เวิร์สได้ทั้งหมด และทำ
ความเข้าใจกับพลังสแตนด์ได้ในเวลาไม่นาน
..นั่นหล่ะครับการพบกันครั้งแรกของผมกับโจโจ้
ผมไม่รู้นะครับว่าจะมีการ์ตูนเรื่องไหนที่มี Vision ความเท่ห์แบบแปลกๆแต่ดู
แล้วเป็นเอกภาพ และมีสเน่ห์ในตัวเองในแต่ละภาค แบบโจโจ้อีก เพราะใน
ชีวิตผมก็คลั่งไคล้การ์ตูนอยู่เรื่องเดียวจริงๆ (ฮา) เพราะผมไม่ได้เป็นคนอ่าน
การ์ตูนอะไรเยอะแบบคนอื่นเขา ต้องเจอเรื่องที่ใช่จริงๆแบบนี้หล่ะครับ ส่วน
สำคัญที่ทำให้โจโจ้เป็นเรื่องที่ "ใช่" สำหรับผมคือ
"โจโจ้เป็นการ์ตูนที่ไม่
เคยหยุดอยู่กับที่" ตั้งแต่อ่านมาตั้งแต่เด็กจนป่าน ยิ่งโจโจ้เดินเรื่องมาเท่า
ไหร่ ความรู้สึกเดิมจากที่อ่านมาก่อนหน้านั้นก็เปลี่ยนไปตลอดทุกครั้ง ...ไม่ใช่
ว่ามันไม่ดีนะครับ แต่ผมรู้สึกว่าการ์ตูนเรื่องอื่นๆพยายามจะรักษาอารมณ์เดิมๆ
เอาไว้เวลาที่เขาสานต่อมัน แต่ในเมื่อกาลเวลามันเปลี่ยนไปมันไม่มีทางรักษา
อารมณ์เดิมๆได้ 100% แน่นอน ซึ่งอาจารย์อารากิก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
...จนเราสามารถยกให้โจโจ้เป็นมังงะที่บันทึกหน้าประวัติศาสตร์การ์ตูนมังงะ
25 ปีที่ผ่านมาได้บทหนึ่งเลยทีเดียวนะครับ ทั้ง ยุคพลัง K, ยุคนักเรียนนักเลง,
ยุคบูมของ อ.โทริยาม่า จนมาถึงยุคที่คนอ่านต้องการตัวละครสีเทาที่มีความ
เป็นมนุษย์มากพอๆกับตัวละครในหนังดีๆซักเรื่อง
สังเกตว่า โจโจ้นั้นจะแบ่งยุคออกเป็นลักษณะการเขียนในแบบต่างๆ จากวีรบุรุษ
มาดแมนแข็งแกร่งดุจหินผาแบบภาค 1-2 ไปเป็นพระเอกสุดเท่ห์เก่งเทพแบบภาค
3-5 จนมาเป็นตัวเอกที่มีพัฒนาการเติบโตแบบคนธรรมดาๆแบบภาค 6-8 ในที่สุด
ภาค 1 Phantom Blood ในฐานะที่ อ.อารากิ เป็นมือใหม่ใน
ตอนนั้นสำหรับเรื่องยาว ทำให้ อ.อารากิ รวบรวมสิ่งต่างๆที่ชอบ
และสนใจ มายำรวมกันจนออกมาเป็นเนื้อหาสั้นๆแค่ 5 เล่มนี้
แต่ผลออกมามันกลายเป็นความคลาสสิคหน้าหนึ่งในการ์ตูนยุค 80
ภาค 2 Battle Tendency เป็นการต่อยอดที่เพิ่มพลังให้กับซีรีย์
และสร้างรากฐานมาตรฐานให้กับโจโจ้ทุกภาค รวมทั้งการค้นพบ
สไตส์ที่เป็นตัวของตัวเองจริงๆ นั่นคือ "แอ่นสะท้านโลก, การเอา
ชนะด้วยความคิด, และฉากต่อสู้สุดพิศดาร"
ภาค 3 Stardust Crusaders จุดเริ่มต้นของความนิยมของโจโจ้แบบ
Worldwide การผจญภัยเดินทางต่อสู้ไปปราบบอส ท่องเที่ยวรอบโลก
อันเป็นความใฝ่ฝันของเด็กชายเกือบทุกคน แถมยังสร้างซุปเปอร์สตาร์
จัมป์อมตะขึ้นมาได้อีก 1 คน เป็นภาคที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็
ยังเป็นที่พูดถึงอยู่เสมอ
ภาค 4 Diamond is Unbreakble พาโจโจ้เข้าสู่อารมณ์สบายๆ เบาๆ
เอื้อยเจื้อย เป็นครั้งแรก แต่ผลกลับออกมาถูกใจแฟนๆมากอย่างคาดไม่
ถึงเพราะความรู้สึกเรื่อยเปื่อยนั้นมันก็มีความสนุกอยู่ในนั้นเต็มเปี่ยม
ให้ความรู้สึก "รักบ้านเกิด" ขึ้นมาด้วย
ภาค 5 Vento Aureo ก็พาโจโจ้เข้าสู่อีกโลกหนึ่งนั่นคือ "โลกของแก๊งสเตอร์"
และพาโจโจ้เข้าไปสู่ความเท่ห์ เนี๊ยบ หักเหลี่ยมเฉือนคม จนสามารถเอาภาค
นี้เข้าไปนั่งในใจแฟนๆหลายคนได้ (โดยเฉพาะแม่ยกสาวๆ)
ภาค 6 Stone Ocean หลายคนมองว่าดร็อปลง ซึ่งตัวผมก็ยอมรับว่าจริง
ครับว่าภาคนี้ค่อนข้างอ่อนลง ส่วนหนึ่งเพราะการใช้ตัวเอกเป็นผุ้หญิงครั้งแรก
กับเวลาในเรื่องที่ล่วงเลยจนต่อยอดได้ยาก ทำให้ภาคนี้มีอารมณ์ที่ไม่สุด
เท่าภาคก่อนๆ จะถือว่าเป็นจุดอ่อนในซีรีย์โจโจ้ก็ได้ครับ แต่ถึงอย่างไร
ความเข้มข้นของมันก็ไม่ได้ทำให้ภาคนี้เป็นการ์ตูนแย่อยู่ดี
ภาค 7 Steel Ball Run รีบู้ตกลับมาเล่าเรื่องตั้งแต่จุดเริ่มต้นในจักรวาลใหม่
จะว่าเป็นการปูพื้นจักรวาลโจโจ้เวิร์สเข้าสู่ยุคใหม่ก็คงจะไม่ผิดนักครับ
...ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่มีปัญหาอะไรกับอาการแปร่งๆที่เกิดขึ้นในตอนต้นๆ
เพราะการสร้างจักรวาลใหม่ของโจโจ้มันก็ไม่ต่างจากการเขียนการ์ตูนใหม่
เพราะอย่างที่เห็นว่าหลังจากนั้น SBR ก็คือสุดยอดมาสเตอร์พีซในการ
เล่าเรื่องภาคหนึ่งของ อ.อารากิ
ภาค 8 Jojolion ตอนนี้ยังไม่จบ แต่หลายๆคนน่าจะชอบไม่น้อยนะครับ
กับการเดินเรื่องด้วยปริศนา และความมุ๊งมิ๊งงุ๊งงิ๊งของคนหนุ่มสาว
เหมือนการเอาภาค 4 มาเติมนมข้นหวานลงไปให้รสชาตินุ่มนวลขึ้น
เข้มน้อยลง
ทำให้โจโจ้ภาค 1-8 นี้ สามารถเป็นตัวแทนของคนอ่านการ์ตูนโชเนนแบบต่างๆ
ได้ว่าท่านเป็นคนอ่านการ์ตูนแบบไหนได้เลยทีเดียว ซึ่งด้วยพลังความนิยมของ
โจโจ้ในยุค 80-90 จะทำให้หลายคนติดเป็นภาพจำความเป็นโชเนนพลังสูงของ
โจโจ้ พอมาถึงยุคที่โจโจ้กลายเป็น Graphic Novel ที่เล่าเรื่องแบบผู้ใหญ่ขึ้นมา
มันก็เลยทำให้ภาพจำที่เคยมีหายไป ...แต่สำหรับผมนั้นไม่มีปัญหาครับ เพราะส่วน
ตัวผมค่อนข้างแปลกตรงที่ชอบเวลาเห็นสิ่งที่ชอบมันเปลี่ยนไป (555) ยกตัวอย่าง
หนัง Alien ของริดลีย์ สก็อตต์ ที่เป็นแนวสยองขวัญ พอมา Aliens ของเจมส์
คาเมรอน ก็กลายเป็นหนังแอ็คชั่น อะไรพวกนี้ ...สิ่งเหล่านี้คือการเปลี่ยนแปลง
ที่นำแนวทางใหม่ๆสดๆมาสู่ซีรีย์ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบแบบนี้
แต่ยังไงก็ตาม โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ก็เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนที่เป็นตำนานสำหรับ
ใครหลายๆคน มันมามาแล้วหลากหลายสไตส์ทั้งการ์ตูนแอ็คชั่นโชเนนจนมา
เป็น Graphic Novel เน้นการสร้างอารมณ์ดราม่า ...ทุกๆภาคก็จะมีข้อดี ข้อเสีย
ของมันในตัวเอง ขนาดภาคที่ถือว่าเป็นจุดอ่อนอย่างภาค 6 ก็มีส่วนดีๆที่
หลายๆคนชื่นชอบ หรืออย่างจุดพีคที่สุดอย่างภาค 5 ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ชอบ
เช่นกัน ...ยังไงก็ตามผมก็จะติดตามโจโจ้ และติดตาม อ.อารากิ ไปเรื่อยๆ
จนกว่าแกจะพักงาน หรือจนกว่าตัวผมเองจะไม่มีแรงตามแล้วไม่แหละครับ
...จะว่าเป็นการอวยก็ได้ แต่อย่างว่านะครับ เมื่อเราเจอ Best Place แล้วเรา
คงไม่คิดจะย้ายไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วล่ะจริงมั๊ยครับ ^ ^
- LKPP -
ปล.ใครมีเรื่อง โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ในความ
ทรงจำ แบบผมอีกก็มาแชร์ๆกันได้นะครับ
[JOJO] บทความพิเศษ : "โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ กับความประทับใจในความทรงจำของข้าพเจ้า"
ไม่นานมานี้นะครับ ผมเชื่อว่าเพื่อนๆคงจะมีความรู้สึกกับ JOJOLION
ที่ต่างกันออกไปแต่ละคน วันนี้ผมเลยขอมานั่งเขียนบทความบอกความรู้สึก
ในฐานะที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของการ์ตูนเรื่องนี้เข้าสายเลือด ใครทนอ่านได้จน
จบก็ลองมาแชร์ความเห็นกันดูนะครับ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ตอนนั้น ผมอายุ 13 ยังเด็กอยู่มาก ...ปกแรกของโจโจ้ที่ผมเห็นและได้
อ่านคือเล่ม 50 ปกมิซูต้าจ่อปืนโชว์สะดือ นั่นหล่ะครับคือครั้งแรกที่ทำให้
ผมรู้จักกับการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะโดยส่วนตัวนั้นผมนั้นไม่ได้เป็นเด็กในยุค
มัจจุราชแดนเถื่อน หรือ หน้ากากทมิฬ ง่ายๆคือผมเกิดไม่ทันตอนโจโจ้ตี
พิมพ์ในบ้านเรายุคแรกๆนั่นเองครับ คือโตมากับรวมเล่มของ NED ในชื่อ
โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ นี้เลย อาจจะทำให้ความรู้สึกที่ผมจะบรรยายต่าง
ไปจากพี่ๆรุ่นใหญ่ไปบ้างนะครับ
แต่พอเริ่มอ่าน ตอนแรกผมคิดว่าผมต้องงงแน่ๆ เพราะนี่มันเล่ม 50 แล้วนี่
...แต่ปรากฏว่าผมอ่านสนุกมากๆเลย ทั้งๆที่ไม่ได้รู้เนื้อหา 4 ภาคก่อนหน้านั้น
หรือยังไม่ได้ทำความเข้าใจกับพลังแสตนด์อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ปรากฏ
ว่าผมสามารถอ่านสนุกจนต้องไปหาอ่านมาตั้งแต่เล่มแรกๆ จนในที่สุดก็ทำ
ความเข้าใจกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในจักรวาลโจโจ้เวิร์สได้ทั้งหมด และทำ
ความเข้าใจกับพลังสแตนด์ได้ในเวลาไม่นาน
..นั่นหล่ะครับการพบกันครั้งแรกของผมกับโจโจ้
ผมไม่รู้นะครับว่าจะมีการ์ตูนเรื่องไหนที่มี Vision ความเท่ห์แบบแปลกๆแต่ดู
แล้วเป็นเอกภาพ และมีสเน่ห์ในตัวเองในแต่ละภาค แบบโจโจ้อีก เพราะใน
ชีวิตผมก็คลั่งไคล้การ์ตูนอยู่เรื่องเดียวจริงๆ (ฮา) เพราะผมไม่ได้เป็นคนอ่าน
การ์ตูนอะไรเยอะแบบคนอื่นเขา ต้องเจอเรื่องที่ใช่จริงๆแบบนี้หล่ะครับ ส่วน
สำคัญที่ทำให้โจโจ้เป็นเรื่องที่ "ใช่" สำหรับผมคือ "โจโจ้เป็นการ์ตูนที่ไม่
เคยหยุดอยู่กับที่" ตั้งแต่อ่านมาตั้งแต่เด็กจนป่าน ยิ่งโจโจ้เดินเรื่องมาเท่า
ไหร่ ความรู้สึกเดิมจากที่อ่านมาก่อนหน้านั้นก็เปลี่ยนไปตลอดทุกครั้ง ...ไม่ใช่
ว่ามันไม่ดีนะครับ แต่ผมรู้สึกว่าการ์ตูนเรื่องอื่นๆพยายามจะรักษาอารมณ์เดิมๆ
เอาไว้เวลาที่เขาสานต่อมัน แต่ในเมื่อกาลเวลามันเปลี่ยนไปมันไม่มีทางรักษา
อารมณ์เดิมๆได้ 100% แน่นอน ซึ่งอาจารย์อารากิก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
...จนเราสามารถยกให้โจโจ้เป็นมังงะที่บันทึกหน้าประวัติศาสตร์การ์ตูนมังงะ
25 ปีที่ผ่านมาได้บทหนึ่งเลยทีเดียวนะครับ ทั้ง ยุคพลัง K, ยุคนักเรียนนักเลง,
ยุคบูมของ อ.โทริยาม่า จนมาถึงยุคที่คนอ่านต้องการตัวละครสีเทาที่มีความ
เป็นมนุษย์มากพอๆกับตัวละครในหนังดีๆซักเรื่อง
สังเกตว่า โจโจ้นั้นจะแบ่งยุคออกเป็นลักษณะการเขียนในแบบต่างๆ จากวีรบุรุษ
มาดแมนแข็งแกร่งดุจหินผาแบบภาค 1-2 ไปเป็นพระเอกสุดเท่ห์เก่งเทพแบบภาค
3-5 จนมาเป็นตัวเอกที่มีพัฒนาการเติบโตแบบคนธรรมดาๆแบบภาค 6-8 ในที่สุด
ภาค 1 Phantom Blood ในฐานะที่ อ.อารากิ เป็นมือใหม่ใน
ตอนนั้นสำหรับเรื่องยาว ทำให้ อ.อารากิ รวบรวมสิ่งต่างๆที่ชอบ
และสนใจ มายำรวมกันจนออกมาเป็นเนื้อหาสั้นๆแค่ 5 เล่มนี้
แต่ผลออกมามันกลายเป็นความคลาสสิคหน้าหนึ่งในการ์ตูนยุค 80
ภาค 2 Battle Tendency เป็นการต่อยอดที่เพิ่มพลังให้กับซีรีย์
และสร้างรากฐานมาตรฐานให้กับโจโจ้ทุกภาค รวมทั้งการค้นพบ
สไตส์ที่เป็นตัวของตัวเองจริงๆ นั่นคือ "แอ่นสะท้านโลก, การเอา
ชนะด้วยความคิด, และฉากต่อสู้สุดพิศดาร"
ภาค 3 Stardust Crusaders จุดเริ่มต้นของความนิยมของโจโจ้แบบ
Worldwide การผจญภัยเดินทางต่อสู้ไปปราบบอส ท่องเที่ยวรอบโลก
อันเป็นความใฝ่ฝันของเด็กชายเกือบทุกคน แถมยังสร้างซุปเปอร์สตาร์
จัมป์อมตะขึ้นมาได้อีก 1 คน เป็นภาคที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็
ยังเป็นที่พูดถึงอยู่เสมอ
ภาค 4 Diamond is Unbreakble พาโจโจ้เข้าสู่อารมณ์สบายๆ เบาๆ
เอื้อยเจื้อย เป็นครั้งแรก แต่ผลกลับออกมาถูกใจแฟนๆมากอย่างคาดไม่
ถึงเพราะความรู้สึกเรื่อยเปื่อยนั้นมันก็มีความสนุกอยู่ในนั้นเต็มเปี่ยม
ให้ความรู้สึก "รักบ้านเกิด" ขึ้นมาด้วย
ภาค 5 Vento Aureo ก็พาโจโจ้เข้าสู่อีกโลกหนึ่งนั่นคือ "โลกของแก๊งสเตอร์"
และพาโจโจ้เข้าไปสู่ความเท่ห์ เนี๊ยบ หักเหลี่ยมเฉือนคม จนสามารถเอาภาค
นี้เข้าไปนั่งในใจแฟนๆหลายคนได้ (โดยเฉพาะแม่ยกสาวๆ)
ภาค 6 Stone Ocean หลายคนมองว่าดร็อปลง ซึ่งตัวผมก็ยอมรับว่าจริง
ครับว่าภาคนี้ค่อนข้างอ่อนลง ส่วนหนึ่งเพราะการใช้ตัวเอกเป็นผุ้หญิงครั้งแรก
กับเวลาในเรื่องที่ล่วงเลยจนต่อยอดได้ยาก ทำให้ภาคนี้มีอารมณ์ที่ไม่สุด
เท่าภาคก่อนๆ จะถือว่าเป็นจุดอ่อนในซีรีย์โจโจ้ก็ได้ครับ แต่ถึงอย่างไร
ความเข้มข้นของมันก็ไม่ได้ทำให้ภาคนี้เป็นการ์ตูนแย่อยู่ดี
ภาค 7 Steel Ball Run รีบู้ตกลับมาเล่าเรื่องตั้งแต่จุดเริ่มต้นในจักรวาลใหม่
จะว่าเป็นการปูพื้นจักรวาลโจโจ้เวิร์สเข้าสู่ยุคใหม่ก็คงจะไม่ผิดนักครับ
...ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่มีปัญหาอะไรกับอาการแปร่งๆที่เกิดขึ้นในตอนต้นๆ
เพราะการสร้างจักรวาลใหม่ของโจโจ้มันก็ไม่ต่างจากการเขียนการ์ตูนใหม่
เพราะอย่างที่เห็นว่าหลังจากนั้น SBR ก็คือสุดยอดมาสเตอร์พีซในการ
เล่าเรื่องภาคหนึ่งของ อ.อารากิ
ภาค 8 Jojolion ตอนนี้ยังไม่จบ แต่หลายๆคนน่าจะชอบไม่น้อยนะครับ
กับการเดินเรื่องด้วยปริศนา และความมุ๊งมิ๊งงุ๊งงิ๊งของคนหนุ่มสาว
เหมือนการเอาภาค 4 มาเติมนมข้นหวานลงไปให้รสชาตินุ่มนวลขึ้น
เข้มน้อยลง
ทำให้โจโจ้ภาค 1-8 นี้ สามารถเป็นตัวแทนของคนอ่านการ์ตูนโชเนนแบบต่างๆ
ได้ว่าท่านเป็นคนอ่านการ์ตูนแบบไหนได้เลยทีเดียว ซึ่งด้วยพลังความนิยมของ
โจโจ้ในยุค 80-90 จะทำให้หลายคนติดเป็นภาพจำความเป็นโชเนนพลังสูงของ
โจโจ้ พอมาถึงยุคที่โจโจ้กลายเป็น Graphic Novel ที่เล่าเรื่องแบบผู้ใหญ่ขึ้นมา
มันก็เลยทำให้ภาพจำที่เคยมีหายไป ...แต่สำหรับผมนั้นไม่มีปัญหาครับ เพราะส่วน
ตัวผมค่อนข้างแปลกตรงที่ชอบเวลาเห็นสิ่งที่ชอบมันเปลี่ยนไป (555) ยกตัวอย่าง
หนัง Alien ของริดลีย์ สก็อตต์ ที่เป็นแนวสยองขวัญ พอมา Aliens ของเจมส์
คาเมรอน ก็กลายเป็นหนังแอ็คชั่น อะไรพวกนี้ ...สิ่งเหล่านี้คือการเปลี่ยนแปลง
ที่นำแนวทางใหม่ๆสดๆมาสู่ซีรีย์ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบแบบนี้
แต่ยังไงก็ตาม โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ก็เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนที่เป็นตำนานสำหรับ
ใครหลายๆคน มันมามาแล้วหลากหลายสไตส์ทั้งการ์ตูนแอ็คชั่นโชเนนจนมา
เป็น Graphic Novel เน้นการสร้างอารมณ์ดราม่า ...ทุกๆภาคก็จะมีข้อดี ข้อเสีย
ของมันในตัวเอง ขนาดภาคที่ถือว่าเป็นจุดอ่อนอย่างภาค 6 ก็มีส่วนดีๆที่
หลายๆคนชื่นชอบ หรืออย่างจุดพีคที่สุดอย่างภาค 5 ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่ชอบ
เช่นกัน ...ยังไงก็ตามผมก็จะติดตามโจโจ้ และติดตาม อ.อารากิ ไปเรื่อยๆ
จนกว่าแกจะพักงาน หรือจนกว่าตัวผมเองจะไม่มีแรงตามแล้วไม่แหละครับ
...จะว่าเป็นการอวยก็ได้ แต่อย่างว่านะครับ เมื่อเราเจอ Best Place แล้วเรา
คงไม่คิดจะย้ายไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วล่ะจริงมั๊ยครับ ^ ^
- LKPP -
ปล.ใครมีเรื่อง โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ในความ
ทรงจำ แบบผมอีกก็มาแชร์ๆกันได้นะครับ