คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ดูจากรายได้แล้ว... จดเป็นนิติบุคคล จะเสียภาษีน้อยกว่าบุคคลธรรมดา
=> เงินเดือน ............ คุณก็ยื่นเสียภาษีแบบบุคคลธรรมดา ..... ใช้แบบ ภ.ง.ด.91
=> รายได้จากธุรกิจ .... ก็ยื่นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล .............. ใช้แบบ ภ.ง.ด.50 (ประจำปี) ภ.ง.ด.51 (ภาษีกลางปี)
กรณีจดเป็นนิติบุคคล ....ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม => ค่าทำบัญชี + ค่าตรวจสอบบัญชี
จากคำถาม :
1. หากจดนิติบุคคล ของที่ซื้อมา ไม่มีบิลซื้อ ภาษีซื้อ ก็ไม่มี จะทำบัญชีอย่างไร
<> รายได้เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี ....ต้องจดทะเบียน Vat
<> กรณีซื้อของมา ไม่มีบิล และ ไม่มี Vat ..... ผลที่ตามมา :-
- ด้านภาษีนิติบุคคล : ไม่สามารถถือเป็นรายจ่ายได้ (ทำให้เสียภาษีสูงกว่าที่ควร)
- ด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม : ต้องนำส่ง Vat ขายเต็ม (ไม่มี Vat ซื้อมาหัก )
<> ข้อแนะนำ :
- ให้ขอใบกำกับภาษีทุกครั้งที่ซื้อ ( กรณีผู้ขายไม่ได้จด Vat ก็ขอเป็นใบเสร็จรับเงิน )
- ถ้าผู้ขายไม่มีใบเสร็จ.... คุณต้องทำใบสำคัญจ่ายเงิน และแนบสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขาย (เซ็นชื่อรับรอง)
เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชีค่าใช้จ่าย/ต้นทุนขาย
2. ขายของปลีกย่อย ลูกค้า ก็ชาวบ้านทั่วไป เค้าไม่สนใจเรื่องบิล ทางเราจะเก็บนำส่งแวด อย่างไรไหว เพราะเยอะเกิน
<> ถ้าลักษณะธุรกิจเป็นแบบขายปลีกรายย่อย สามารถออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ....
และลงรายงานภาษีขาย เป็นรายวันได้ (ยอดรวมยอดเดียวในแต่ละวัน)
3. เลือก หจก. หรือ บจก. ดีครับ (ไม่สนใจเรื่องเครดิตน่าเชื่อถือ, เน้นความไม่ยุ่งยาก,ทำง่ายสำหรับคนไม่ค่อยรู้เรื่อง)
<> หจก. => ข้อดี : ขั้นตอนต่างๆ ง่ายกว่า บจก. ( การประชุม การลงมติ การจ่ายส่วนแบ่งกำไร ฯลฯ )
: ค่าเซ็นงบการเงิน จะถูกกว่า เพราะ สามารถให้ ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (TA) เซ็นได้
(ไม่ต้องให้ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต CPA เซ็น ก็ได้)
ข้อเสีย : ต้องรับผิดชอบจำนวนไม่จำกัด (ผู้ที่เป็นหันส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดชอบ)
<> บจก. => ข้อดี : รับผิดชอบจำกัดเฉพาะค่าหุ้นที่ยังชำระไม่ครบ
ข้อเสีย : ขั้นตอนต่างๆ (ตามที่กล่าว) ยุ่งยากกว่า หจก.
ค่าเซ็นงบการเงิน สูงกว่า หจก. เนื่องจากต้องให้ CPA เซ็นเท่านั้น
<> ทั้ง หจก. และ บจก. :-
- เรื่องภาษี เสียอัตราเดียวกัน :-
> กรณีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท รายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี เข้าข่ายเป็น SMEs
- กำไรสุทธิ 300,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้น
- กำไรสุทธิ ส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท เสียภาษี 15%
- กำไรสุทธิ ส่วนที่เกิน 1,000,000 บาท ขึ้นไป เสียภาษี 20%
- เรื่องบัญชี ใช้มาตรฐานการบัญชีเหมือนกัน....
=> เงินเดือน ............ คุณก็ยื่นเสียภาษีแบบบุคคลธรรมดา ..... ใช้แบบ ภ.ง.ด.91
=> รายได้จากธุรกิจ .... ก็ยื่นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล .............. ใช้แบบ ภ.ง.ด.50 (ประจำปี) ภ.ง.ด.51 (ภาษีกลางปี)
กรณีจดเป็นนิติบุคคล ....ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม => ค่าทำบัญชี + ค่าตรวจสอบบัญชี
จากคำถาม :
1. หากจดนิติบุคคล ของที่ซื้อมา ไม่มีบิลซื้อ ภาษีซื้อ ก็ไม่มี จะทำบัญชีอย่างไร
<> รายได้เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี ....ต้องจดทะเบียน Vat
<> กรณีซื้อของมา ไม่มีบิล และ ไม่มี Vat ..... ผลที่ตามมา :-
- ด้านภาษีนิติบุคคล : ไม่สามารถถือเป็นรายจ่ายได้ (ทำให้เสียภาษีสูงกว่าที่ควร)
- ด้านภาษีมูลค่าเพิ่ม : ต้องนำส่ง Vat ขายเต็ม (ไม่มี Vat ซื้อมาหัก )
<> ข้อแนะนำ :
- ให้ขอใบกำกับภาษีทุกครั้งที่ซื้อ ( กรณีผู้ขายไม่ได้จด Vat ก็ขอเป็นใบเสร็จรับเงิน )
- ถ้าผู้ขายไม่มีใบเสร็จ.... คุณต้องทำใบสำคัญจ่ายเงิน และแนบสำเนาบัตรประชาชนของผู้ขาย (เซ็นชื่อรับรอง)
เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบันทึกบัญชีค่าใช้จ่าย/ต้นทุนขาย
2. ขายของปลีกย่อย ลูกค้า ก็ชาวบ้านทั่วไป เค้าไม่สนใจเรื่องบิล ทางเราจะเก็บนำส่งแวด อย่างไรไหว เพราะเยอะเกิน
<> ถ้าลักษณะธุรกิจเป็นแบบขายปลีกรายย่อย สามารถออกใบกำกับภาษีอย่างย่อ....
และลงรายงานภาษีขาย เป็นรายวันได้ (ยอดรวมยอดเดียวในแต่ละวัน)
3. เลือก หจก. หรือ บจก. ดีครับ (ไม่สนใจเรื่องเครดิตน่าเชื่อถือ, เน้นความไม่ยุ่งยาก,ทำง่ายสำหรับคนไม่ค่อยรู้เรื่อง)
<> หจก. => ข้อดี : ขั้นตอนต่างๆ ง่ายกว่า บจก. ( การประชุม การลงมติ การจ่ายส่วนแบ่งกำไร ฯลฯ )
: ค่าเซ็นงบการเงิน จะถูกกว่า เพราะ สามารถให้ ผู้สอบบัญชีภาษีอากร (TA) เซ็นได้
(ไม่ต้องให้ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต CPA เซ็น ก็ได้)
ข้อเสีย : ต้องรับผิดชอบจำนวนไม่จำกัด (ผู้ที่เป็นหันส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดชอบ)
<> บจก. => ข้อดี : รับผิดชอบจำกัดเฉพาะค่าหุ้นที่ยังชำระไม่ครบ
ข้อเสีย : ขั้นตอนต่างๆ (ตามที่กล่าว) ยุ่งยากกว่า หจก.
ค่าเซ็นงบการเงิน สูงกว่า หจก. เนื่องจากต้องให้ CPA เซ็นเท่านั้น
<> ทั้ง หจก. และ บจก. :-
- เรื่องภาษี เสียอัตราเดียวกัน :-
> กรณีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท รายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท/ปี เข้าข่ายเป็น SMEs
- กำไรสุทธิ 300,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้น
- กำไรสุทธิ ส่วนที่เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท เสียภาษี 15%
- กำไรสุทธิ ส่วนที่เกิน 1,000,000 บาท ขึ้นไป เสียภาษี 20%
- เรื่องบัญชี ใช้มาตรฐานการบัญชีเหมือนกัน....
แสดงความคิดเห็น
จดหจก. หรือ บจก. ดีครับ หากรายได้เยอะ
2. ขายของปลีกย่อย ลูกค้า ก็ชาวบ้านทั่วไป เค้าไม่สนใจเรื่องบิล ทางเราจะเก็บนำส่งแวด อย่างไรไหว เพราะเยอะเกิน
3. เลือก หจก. หรือ บจก. ดีครับ (ไม่สนใจเรื่องเครดิตน่าเชื่อถือ, เน้นความไม่ยุ่งยาก,ทำง่ายสำหรับคนไม่ค่อยรู้เรื่อง)
ขอบพระคุณสำหรับทุกคำตอบครับ