กลุ้มใจกับชีวิต อยากออกจากงาน แต่ภาระเยอะ เครียด!

ตอนนี้ สภาพจิตใจแย่มากเลยค่ะ อยากลาออกจากงาน เพราะโดนกดดันตลอดจากทางหัวหน้างาน คือ มีอะไรก็มาด่าที่เราลงที่เราคนเดียว

คือแต่ก่อนหัวหน้าคนนี้ เป็น ผจก. สาขาที่เราทำอยู่ ไม่ค่อยมีใครชอบแก่หรอก อารมณ์ขึ้นๆลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ชอบพาลลูกน้อง ชอบเอาเปรียบ ทั้งค่าคอมมิชชั่น ค่าที่จอดรถ ค่าน้ำมันรถ ค่าปรับต่างๆ ทุก3เดือน จะมีคนมาประเมินมาตรฐานร้านถ้าพี่เจ้าของใหญ่ ถูกใจในการทำงาน ก็จะเอาเงินใส่ซองไว้ให้กินขนมที่ละ20,000/พนักงาน18คน. ก็ไม่เคยให้ เข้ากระเป๋าตัวเองเสมอ บอกว่าจะพาไปเลี้ยง แต่พอวันไปจริงๆก็มาเบิกเงินก้อนใหม่อยู่ดี  พนักงานผู้ชายไม่เคยแตะต้อง มีเงินพิเศษใ้ห้ตลอด แต่กับผู้หญิงทั้งจิกทั้งกัด ขาด ลา มาสาย เขียนใบลาก็หักเงิน ทั้งๆที่บริษัทใหญ่ไม่หักเงินเดือน. แต่แกหักเอาเอง  (แต่พี่ผู้ชายในร้านลาเหมือนกันพอไปถามแก แกดันไม่โดนหัก รวมถึงสามีแกด้วยพึ่งเอามาเป็นเลขาฯ มาบ้างไม่มาบ้างก็ไม่เคยหักเงิน มาทำงานสายทุกวันก็ไม่เคยบ่น (พนักงานเข้างาน10.30. ผจก.11.00  แต่กว่าจะมาก็เที่ยงนู๊นทั้งผัว ทั้งเมีย ทั้งๆที่บริษัทใหญ่มีกฏห้าม ผัวเมียทำงานสาขาเดียวกัน) ค่าคอมฯคนโปรดแก จะมากกว่า ค่าคอมฯคนที่แกไม่ค่อยเสมอ เซลล์ที่ขายของไม่ได้ แต่เป็นคนโปรด แกก็จะให้เยอะกว่า. คนที่ตั้งใจทำงานก็นั่งมองตาปริบๆ.ฯลฯ.
แต่ละคนทนอยู่ได้ไม่นานก็ลาออกเพราะ รับไม่ได้ หาลูกค้า ทำยอดแทบตาย. แต่ได้เงินน้อยกว่าคนที่ไม่ทำอะไร. ใครไปถามหรือไปเถียง เอาออกสถานเดียว
เคสเเรก. พี่ผู้หญิง พยายามเขียนเรื่อง ที่สามีแกมาทำงานแบบมาบ้างไม่มาบ้างแต่ไม่โดนหักเงิน และอีกหลายๆเรื่องถึงสำนักงานใหญ่ ก็โดนไล่ออก
เคส2. พอสามีแกมาทำตอนแรกๆ ให้มาอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าเซลล์ ซึ่งมีพี่ผู้หญิงเป็นอยู่ก่อนแล้ว3ปี(กว่าจะได้เป็นอีก2ปี) และลดตำแหน่งพี่ผู้หญิงคนนั้นลงเป็นแค่เซลล์  ให้เหตุผลว่า ไม่มีความสามารถที่จะเป็นหัวหน้า. ลดค่าตำแหน่ง และเงินเดือนจาก27,000 เหลือ 24,000. ลดค่าคอมฯ. พี่คนนั้นทนไม่ได้เลยลาออก
    พอสามีแกเป็นหัวหน้าเซลล์ ยอดต่อเดือนลดลงครึ่งต่อครึ่ง ติดต่อกัน2เดือน จนเจ้าของใหญ่มาดูถึงที่ร้านว่าเกิดอะไรขึ้น  ผจก.เลยรีบปรับเปลี่ยนตำแหน่งทันที  คือให้ สามีมาเป็นเลขาฯ. ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่มีตำแหน่งนี้  สาขาอื่นก็ไม่มี และทำเรื่องให้ตำแหน่งนี้ มีเงินเดือน 30,000  (อึ้งมั๊ยหล่ะ ทำงานไม่ถึง3เดือน เงินเดือน30,000 แถมได้เป็นพนักงานดีเด่น ได้เงินสดอีก20,000)
  แต่พอต้นเดือนที่ผ่านมา คุณ ผจก.ได้เลื่อนตำแหน่งเป็น บริหารระดับภาค. รู้สึกว่าเค้าจะยิ่งโชว์พาวเวอร์ตลอด.
     เราค่อนข้างสงบๆเสงี่ยม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร. ไม่ขาด ไม่ลา และ ไม่เคยสาย ไม่เคยทำงานผิดพลาด ที่ผ่านๆมา เลยไม่ค่อยโดนอะไรมาก.
     คงมาถึงคิวเราแล้วมั๊ง.  ลืมบอกไปว่าเราทำงานเกี่ยวกับบัญชี  แล้วสาขาที่เราทำอยู่มีบัญชี คนเดียว คือเรา ตอนเข้างานแรกๆ จะมีแคชเชียร์คอยคิดเงินเก็บเงิน. พ่อแคชเชียร์ลาออกไป ก็ไม่รับอีกเลย ตอนแรกๆก็อ้างขาดคน หาคนไม่ได้ เราเลยจำใจรับหน้าที่คิดเงินไปด้วยพลางๆ.ต้องมานั่งรับผิดชอบเรื่องเงินอีก. จนผ่านมาจะ 2ปีแล้ว เราเลยทำแมร่งทั้ง2ตำแหน่ง. เงินเดือนเท่าเดิมหน้าที่มากขึ้น. เราก็อดทน. พอนานเข้าก็เริ่มให้เราทำเอกสารที่ไม่เกี่ยวของกับเรา. เอกสารที่ ผจก.ต้องเป็นคนทำเท่านั้นก็ผลัก มาให้เราทำหมด. บางอย่างเราไม่เคยทำ เราทำผิดไป พี่ที่สำนักงานใหญ่ด่า ก็มาลงที่เรา โบ๊ยมาให้เรา
คิดดู วันทั้งๆวันนั่ง คีย์เงิน เเทบจะไม่ได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ กินข้าวก็ต้องสั่งมากินที่โต๊ะ จานเดียว ตั้งแต่บ่ายยันเย็นถึงจะหมดจาน.  พอตกเย็นคนอื่นเลิกงานกลับบ้าน เราถึงมีเวลามานั่งเคลียร์เอกสาร ทำงบบัญชี ส่งข้อมูลฯลฯ กลับบ้านดึกทุกวัน. แต่ไม่มีค่าโอทีให้นะ
     เราก็อดทน ทนมา3ปีกว่าๆ จนมันชินแล้ว   ไม่อยากลาออกไปหางานทำใหม่เพราะใจคิดว่า ลาออก ญาติพี่น้องรอซ้ำเติมอีกเพียบ เพราะตอนเรียนจบแรกๆ ทุกคนพยายามจะให้เข้าราชการ เหมือนรุ่น ปู่ ย่า ตายาย ญาติๆรับราชการกันทุกคน อยากให้เข้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง. แต่เรารั้นเอง. ให้ไปสอบก็ไม่ไป. เพราะคิดว่าเงินน้อย ไม่อยากทำ ไม่อยากไปประจำอยู่ไกลบ้าน ไม่อยากลำบาก
      แถมจะลาออกตอนนี้ก็เสียดายเงินเดือน+ค่าคอมฯที่รวมๆแล้วสูงพอสมควร. ทนได้ก็ทน บอกกับตัวเองแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา!

     แต่พอมาถึงวันนี้ ทนไม่ไหวแล้ว  หน้าที่ก็หนักหนา ภาระก็เยอะ ถ้าหยุดทำงานไป จะไปเริ่มต้นทำงานตรงไหนดี เพราะที่เราอยู่เป็นต่างจังหวัด ไม่ใช่ กรุงเทพ ที่จะมีงานให้เลือก. เงินเดือน สตาร์ท หมื่นนิดๆ ไม่ถึงหมื่นห้า ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะผ่านโปรฯ. เครียดไปหมด.  เงินเก็บมีน้อยนิด ผ่อนรถยังไม่หมด ส่งที่บ้านเดือนละ12,000. ถ้าออกจากงาน ไม่มีเงินให้แม่ที่บ้านก็รู้อยู่ดี ฯลฯ

เครียด อึดอัดไปหมด เราควรทำไงดี ไม่อยากให้ที่บ้านพูดว่าเราเอาตัวไม่รอด เพราะคนดูถูกเราเยอะมาก หาว่าเราจะเรียนไม่จบ ยังจำคำพูดได้ดี ว่าไม่ต้องส่ง ให้เรียนเสียเงินส่งเปล่าๆ พอเราเรียนจบก็หาว่าเราเอาตัวไม่รอด ต้องขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่ดี  จนเราเรียนจบ3ปีครึ่ง พอสอบตัวสุดท้ายเสร็จ ขอใบทรานสคริป ใบรับรองได้ เราก็เข้าทำงานเลยทันที รับปริญญาพร้อมรุ่นพี่  เงินเดือนเดือนแรก เราไม่ได้ให้ที่บ้าน เพราะต้องเอามาจ่ายค่ารับปริญญา ค่าชุด ฯลฯ  ก็โดนญาติๆที่ชอบเป่าหูพ่อแม่นินทา มาเป่าหูให้พ่อแม่ เป่าหูญาติคนอื่นให้เกลียดเราด้วย หาว่าเราอกตัญญู  ฯลฯ

ทำงานเเรกๆยังไม่ผ่านโปรฯ เราส่งเงินให้ที่บ้านเดือนละ5,000 เราก็โดนเหน็บเเนมอีก ประมาณว่า สมัยเรียนเราใช้เงินเยอะเดือนนึงเกือบ20,000. แต่พอตัวเองหาเงินได้ ให้พ่อแม่เดือนละ5,000 ซึ่งตอนก่อนผ่านโปร เราเงินเดือน 11,500  ให้บ้านแล้วเหลือ 6,500 ค่าห้อง 3,500 ค่าโดยสารไปทำงานอีก เดือนละพันกว่าบาท ค่ากินต่อวันแทบจะไม่พอ.  พอปีแรกได้ขึ้นเงินเดือน ได้ค่าคอมฯแบบเต็มๆ จนมาถึงทุกวันนี้เราเลยให้เดือนละ12,000. แค่นี้พ่อแม่เราก็คุยไป 3บ้าน 8บ้านแล้ว. ดูเหมือนจะภูมิใจมากๆ. (ส่วนคนที่เหน็บเเนมเราเคยด่าอะไรเราไว้ เข้าลูกชายตัวเองหมดทุกอย่าง โม้ไว้เยอะ)

เรายิ่งกดดันมากๆ ไม่อยากให้ใครมาว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกไม่ดี  ตอนนี้เหมือนไฟมันสุมอกอะ บอกใครก็ไม่ได้

หัวหน้าก็ด่าได้ทุกวี่วัน  หาว่าเรามาสายบ้างหล่ะ ทั้งๆที่แสกนนิ้วเข้างาน 10:15 ทุกวัน พอเถียงไม่ได้ ก็หาเรื่องอันอื่นมาด่า

ทุกๆวันหยุดของเรา แกจะให้สามีแกนั่งคีย์เงิน. พอเงินหายก็มาโทษว่าเราออดิตเงินไม่ครบ เราทำเงินขาดไว้บ้างหล่ะ. ทั้งๆที่ตอนเย็น เราออดิต ทำเอกสาร ทุกอย่างครบ แล้ว ผจก.คนใหม่ก็เป็นพยานให้ได้  แต่แกก็โทษเราอยู่แบบนั้น.  พอเราถามสามีแกว่าทำไมไม่นับเงินก่อนนั่งเครื่อง(ซึ่งมันเป็นกฏปฏิบัติอยู่แล้ว) ก็กวนทีน หาว่าเรานับเงินผิดอีก   (ตรูจะนับผิดเฉพาะวันที่มุงนั่งเครื่องหรอ? ใอ้HA  วิชาชีพ ตรูสอนตรูเสมอว่า จุดทศนิยมเดียวก็ห้ามผิด  เงินเสี้ยวสลึงเดียวก็ห้ามพลาด). โทษเราแบบนี้2-3ครั้งแล้ว สามีแกนั่งเครื่องเงินหายตลอด. ต้องเอาเงินที่ขายลังกระดาษมาใส่

ครั้งล่าสุดวันหยุดเราก็ ไลน์มาด่าเราเป็นชุด บอกเงินขาด 9000. ไปๆมาๆ11,000 นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะคิดไว้ว่ายังไงก็โทษเราอยู่ดี
พอตอนเช้าเราไป ผจก.คนใหม่ก็เป็นพยานให้เราอีก. รีกล้องดูก็แล้วไม่มีอะไรผิดปกติ  จนสุดท้ายนั่งเคลียร์บัญชีกัน3คน เรา ผจก.คนใหม่  ผจก.คนเก่า สรุปคือ สามีแกคีย์เงินมั่วไปหมด. ไปคีย์รหัสลูกหนี้บ้าง ไปคีย์รหัสสินค้าผิดบ้าง   วันนั้นกลับบ้านตี1.   หลงจากนั้นมาก็หาเรื่อง ด่าเราอีก เหมือนเกลียดเรามากกว่าเดิม

เมื่อวานล่าสุด. โทรมาด่าเรา. บอกว่าเจ้าของห้างโทรไปหาแก ว่ายังไม่จ่ายค่าเช่า. เราก็บอกจ่ายไปแล้วเมื่อเช้า. ด่าเราว่าไม่มีความรับผิดชอบมันเลยมา2วัน
เค้าจะปรับวันละ500  มีการบอกจะหักเงินเราอีก เราก็บอกเหตุผลนะว่า เงินไม่พอจ่าย. ก่อนแกจะลางานไปเที่ยวเกาะช้างเราก็บอกแล้ว ยังไม่ได้จ่ายค่าเช่า. เงินไม่พอ ช่วงนี้ ไม่มีลูกค้า ให้ทำไง?  แกก็บอกเองว่าเอาไว้ก่อน.  พอทีอย่างงี้จะมาหักเงินเรา เรื่องอะไรฟ่ะ?   เราก็อธิบายเหตุผลนะว่า ไม่มีลูกค้า ค่าเช่าห้างมัน แสนกว่าๆ. แต่วันทั้งวันมันขายของไม่ได้   กว่าจะขายได้ก็ช่วงค่ำๆ ถึงจะมีเงิน. พอมีเงินมันก็ดึกแล้ว แล้วธนาคารที่ไหนจะเปิด?   จะเอาเงินของเมื่อวานไปจ่าย ก็ส่งข้อมูลให้บริษัทใหญ่ไม่ได้ เพราะมันต้องเคลียร์เอกสาร และส่งข้อมูลวันต่อวัน    เบื่อมากนะจุดๆนี้ โดนด่าทั้งขึ้นทั้งร่อง . ผจก.คนใหม่ก็ยังอึนๆ พึ่งเป็นใหม่ๆไม่กล้าเถียงผู้บริหารระดับภาค

ที่เรามาแค่ส่วนนึงที่เราต้องทนต่อไปเรื่อยๆ เอาจริงๆนะ เราไม่ได้โกรธ หรือ ไม่ได้เกลียดหัวหน้าคนนี้หรอก. ต่อให้เค้าเอาเปรียบลูกน้องยังไง ก็เลือกอยู่ในที่ๆของเรา. ทำงานของเรา รับเงินเดือนส่วนของเรา. แต่พอมาเจอเเบบนี้ก็ไม่ไหว. อะไรที่เราไม่ผิด แต่จะให้เราผิดให้ได้  มีอะไรก็โบ๊ยมาให้เราโดนด่าตลอด ทั้งขึ้นทั้งร่อง    เวลามีเรื่องอะไรก็โบ๊ยให้ลูกน้องโดนด่าแทนตลอด ตอนนี้พนักงานทุกคนเกลียดเข้าไส้   แต่ความผิดตัวเองไม่เคยพูดถึง. เช่น มาสายทุกวัน ลางานไปเที่ยวกับสามี  แต่ไม่เคยโดนหักตังค์  สามีขาดงาน ก็บอกว่าไปหาลูกค้า ทั้งๆที่อะไรเป็นอะไรใครๆก็รู้กันหมด.  อุบอิบเงินนี้ถนัดนัก. ได้เงินพิเศษอะไรมาเข้ากระเป๋าตัวเอง. เบิกเงินไปกินเลี้ยงทั้งร้าน เดือนละ15,000. แต่พอไปกินกันจริงๆ ไม่เกิน5พัน  เหลือนั้นก็เอาเอง.    
ส่วนเรื่องการทำงาน. เปิดบิลให้ลูกค้าเป็นแสน. แต่ไม่เคยตามเก็บเงินได้ สุดท้ายไม่พ้นเซลล์  ให้เซลล์ตาม. พอตามได้เอาค่าคอมฯเป็นของตัวเอง. พอตามไม่ได้ก็ด่า. ทั้งๆที่เซลล์ก็งานยุ่งทุกคน.  ~ เวลากินข้าวพนักงานทุกคนแทบไม่มีเวลากินข้าว. เพราะยุ่งมาก  แต่ตัวเอง วันๆนั่งเล่นไลน์ ทาเล็บ แต่งหน้า เล่นเกมส์  กับชี้นิ้วสั่ง   ด่าเซลล์เรื่องถนัด ขายของไม่ทันก็ด่าทั้งที่ตัวเองนั่งว่างๆ.  
ห้ามกินข้าวพร้อมกันให้กินกันคนละที  เข้าใจมั๊ย? ถ้ามันมีลูกค้า ไม่มีใครได้กินหรอก ถ้าไม่มีลูกค้าก็คือ ว่างพร้อมกัน แค่นี้ยังไม่เข้าใจหรอ?   เห็นใจเซลล์ ส่วนเรา กินอยู่เคาร์เตอร์ เลยติดนิสัยกินข้าวชั่วโมงละคำไปแล้ว  ไม่ได้เดือดร้อน!


เอาหล่ะยืดยาวซะจริง. ได้ระบายแล้ว. ช่างเป็นกระทู้ที่ไร้สาระซะจริง
ก่อนที่จะอยู่หรือไป จากบริษัทนี้  อย่างแรกที่อยากทำคือ
อยากไปพบจิตแพทย์มากๆ.  
อย่างที่2 พา ผจก.คนเก่าไปด้วย. She ต้องเป็นอารมณ์ และลำดับความสำคัญ อะไรผิด อะไรถูกแน่ๆ


ใครอ่านมาถึงนี้เก่งสุดๆค่ะ ขอบคุณมาก

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่