สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 46
ไม่งั้น "งานอดิเรก" มันจะมีความหมาย อะไร
ถ้างานที่ทำอยู่ มันสนุก มันมันส์ มันดีอยู่แล้ว
ชีวิตผม เคยมีวงจรอุบาทว์
ตื่นนอน - อาบน้ำ - นั่งรถไฟฟ้า - ชงกาแฟกินกับแซนวิชหน้าออฟฟิศ - ทำงาน - พักเที่ยง - ทำงาน - กลับบ้าน - เล่นเกมส์ - นอน
ถามว่าน่าเบื่อมั้ย มันก็น่าเบื่อระดับนึงนะ
ก็เลยเริ่มจากงานอดิเรก ง่ายๆ ไม่ต้องใช้พลังงานเยอะ ไล่ไปงานอดิเรกที่ต้องใช้พลังงานเยอะ
จากคนที่ สามปี เข้าโรงหนังทีนึง ก็เริ่มชวนเพื่อนๆ ดูหนัง 2 สัปดาห์ครั้ง หลังๆ กำลังภายในกล้าแกร่ง เข้าโรงหนังคนเดียว
เริ่มลองทำอาหาร แรกๆ ก็แหลกม่ายล่ายยย ปัจจุบัน ก็ยังแหลกล่ายบ้าง แต่ถ้า Cocktail นี่ทำอร่อยตั้งแต่หัดเปิดตำราเลย
ลองอ่านหนังสือ นิยาย ภาษาอังกฤษล้วน อ่านไปหาวไป แปลไม่ออกเว้ยยยยยยย
ชอปปิ้ง เดินเจเจ ตลาดน้ำ ถ่ายรุปเล่นๆ มันก็ฟินไปอีกแบบนะ
ทำบุญ ไปเป็นอาสาสมัครตามมูลนิธิ อย่าง Habitat ที่เราจะได้ไปสร้างบ้าน ให้ผู้ยากไร้ด้วยนะ สนุกดี หรือจะสร้างเขื่อ สร้างฝาย ปลูกป่า เค้าก็มีให้เราสมัครนะ
เข้าฟิตเนส เล่นเวท หรือจะโยคะ ถ้าเล่นโยคะไปสักพักนี่ อาการ ออฟฟิศ ซินโดรม หายไปหมดเลย
ฟังเพลง เต้น ร้องเพลง หัดกีตาร์ เปียโน อะไรก็ได้
ออกต่างจังหวัดบ่อยขึ้น ทะเลๆๆๆๆ น้ำตกๆๆๆๆ ชอบมว๊ากกกกก
หลังจากนั้น วงจรอุบาทว์ของผมก็เริ่ม อุบาทว์น้อยลง 555+
ถ้างานที่ทำอยู่ มันสนุก มันมันส์ มันดีอยู่แล้ว
ชีวิตผม เคยมีวงจรอุบาทว์
ตื่นนอน - อาบน้ำ - นั่งรถไฟฟ้า - ชงกาแฟกินกับแซนวิชหน้าออฟฟิศ - ทำงาน - พักเที่ยง - ทำงาน - กลับบ้าน - เล่นเกมส์ - นอน
ถามว่าน่าเบื่อมั้ย มันก็น่าเบื่อระดับนึงนะ
ก็เลยเริ่มจากงานอดิเรก ง่ายๆ ไม่ต้องใช้พลังงานเยอะ ไล่ไปงานอดิเรกที่ต้องใช้พลังงานเยอะ
จากคนที่ สามปี เข้าโรงหนังทีนึง ก็เริ่มชวนเพื่อนๆ ดูหนัง 2 สัปดาห์ครั้ง หลังๆ กำลังภายในกล้าแกร่ง เข้าโรงหนังคนเดียว
เริ่มลองทำอาหาร แรกๆ ก็แหลกม่ายล่ายยย ปัจจุบัน ก็ยังแหลกล่ายบ้าง แต่ถ้า Cocktail นี่ทำอร่อยตั้งแต่หัดเปิดตำราเลย
ลองอ่านหนังสือ นิยาย ภาษาอังกฤษล้วน อ่านไปหาวไป แปลไม่ออกเว้ยยยยยยย
ชอปปิ้ง เดินเจเจ ตลาดน้ำ ถ่ายรุปเล่นๆ มันก็ฟินไปอีกแบบนะ
ทำบุญ ไปเป็นอาสาสมัครตามมูลนิธิ อย่าง Habitat ที่เราจะได้ไปสร้างบ้าน ให้ผู้ยากไร้ด้วยนะ สนุกดี หรือจะสร้างเขื่อ สร้างฝาย ปลูกป่า เค้าก็มีให้เราสมัครนะ
เข้าฟิตเนส เล่นเวท หรือจะโยคะ ถ้าเล่นโยคะไปสักพักนี่ อาการ ออฟฟิศ ซินโดรม หายไปหมดเลย
ฟังเพลง เต้น ร้องเพลง หัดกีตาร์ เปียโน อะไรก็ได้
ออกต่างจังหวัดบ่อยขึ้น ทะเลๆๆๆๆ น้ำตกๆๆๆๆ ชอบมว๊ากกกกก
หลังจากนั้น วงจรอุบาทว์ของผมก็เริ่ม อุบาทว์น้อยลง 555+
ความคิดเห็นที่ 40
เห็นต่างเรื่องปากกากระจู๋ กับเรื่องตอกบัตรแล้วค่อยไปจอดรถ
เรื่องปากกากระจู๋นี่ ทำไปเพื่อลองของ และเอาฮาใช่มั้ยครับ พี่มั่นใจว่าคงไม่ผิดกฎข้อไหนของบริษัท แต่มันเป็นมารยาททางสังคมอย่างหนึ่งที่เราควรปฏิบัติให้เหมาะสมนะ รวมถึงเรื่องการให้เกียรติ์ซึ่งกันและกัน และกาลเทศะด้วย ใจเขาใจเราครับ ผมไม่รู้ว่าการประชุมนั้นเป็นทางการแค่ไหน และมีผู้หลักผู้ใหญ่เข้าประชุมมากแค่ไหน ผมนึกไม่ออกว่าถ้าภายในห้องประชุม มีพนักงานคนนึงใช้ปากกากระจู๋ อีกคนนึงเอาเท้าวางบนโต๊ะ อีกคนใส่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นมาประชุมในวันศุกร์ อีกคนลากรองเท้าแตะมาทำงาน อีกคนนั่งแคะขี้มูก... ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะไม่ได้ผิดกฎใด ๆ แต่มันถูกที่ ถูกเวลา หรือเปล่า อันนี้ต้องพิจารณาเอาเองครับ
ตอกบัตรแล้วค่อยไปจอดรถ แล้วคุณไปตั้งใจทำประชด ในมุมมองผมผมคิดว่าคุณโง่ครับ เพราะถ้าคุณทำได้ดีอยู่แล้ว สิ่งใดดลใจให้คุณเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ด้อยกว่า ถ้าคุณลองมองไปหาคนเก่ง ๆ แล้วทำตามเค้า มันจะดีกว่ามาก... คุณเล่น Counter ลองหา clip คนเก่ง ๆ ใน Youtube แล้วเลียนแบบ Step การเล่นดู คุณจะเก่งได้แบบก้าวกระโดดด้วยการเลียนแบบคนเก่ง ผมก็ทำมาแล้วจึงรู้ดี แต่ถ้าคุณเห็นเพื่อนคนนึง นั่งดูแต่ clip เล่นโง่ ๆ แล้วไปเล่นตาม คุณจะขำเพื่อนคนนั้นมั้ย... ถ้าเป็นผม ผมเห็นพนักงานของ HR เองทำเช่นนั้น ผมจะเลือกร้องเรียนในสถานที่ที่บริษัทจัดไว้ให้ เช่น ในการประชุมรวม หรือกับผู้มีอำนาจตัดสินใจในตำแหน่งที่สูงกว่า... ผมเคยไม่พอใจการทำงานของคน ๆ หนึ่ง ผมจึงเข้าคุยกับหัวหน้างานของเค้าซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทโดยตรงด้วยเหตุผล สุดท้ายแล้ว คนที่ผมไม่พอใจคนนั้น ก็อยู่ได้ไม่นานก็โดนกดดันออก
การที่ จขกท ทนงตัวว่าตัวเองพอจะมีอะไรติดตัวอยู่บ้างแล้ว ทั้งความรู้ และเงินทอง นั่นคือที่มาของการกระทำเช่นนี้ ซึ่งบางอันผมก็ว่าสนุกดี แต่บางอย่างไม่ใช่ ถ้าผมเบื่องานที่ทำงาน ผมจะไม่หยุดอยู่ที่นั่นแน่นอน เพราะถ้าผมมีความสามารถจริง ผมต้องหาที่ทำงานที่มันดีกว่านี้ได้สิ ที่เราทำอยู่ที่นี่ เพราะตัวเราเองต่างหากที่รับเงื่อนไขของบริษัท
เป็นห่วงน้องจริง ๆ ครับ รู้ว่ายังเด็ก ยังไฟแรง ยังสนุก แต่อนาคตเรามันมีมากกว่านั้น ถ้าน้องคิดว่าอนาคตไม่ได้อยากทำงานบริษัทหรือเป็นลูกน้องใคร มันก็พอที่จะมองให้ขำได้ แต่ถ้าน้องยังคิดว่าเงินเดือนมันสำคัญ เปลี่ยนมุมมองซะเถอะครับ กวนเขาไปเรื่อย ระวังจะไม่มีใครรักเราจริงนะครับ ถึงแม้เวลาเราสนุก เพื่อนจะเฮฮากับเราไปด้วย แต่เวลาเราลำบาก ระวังเค้าจะไม่เหลียวแล สู้ถ้าเราสุภาพ อ่อนน้อม พูดคุยด้วยเหตุผล ทำอะไรให้มันถูกที่ ถูกเวลา มันจะได้รับการยอมรับมากกว่านะครับ... การอ่อนน้อมไม่ใช่หมายถึงก้มหัวให้กับทุกคนนะครับ แต่เป็นการแสดงความเคารพกับผู้หลักผู้ใหญ่ (วัฒนธรรมไทย) และเคารพให้ความคิดเห็นของผู้อื่น
... พี่เองก็วิศวะคอมฯ ครับ เห็นน้องเป็นอย่างนี้แล้วเป็นห่วง.. ช่วงเที่ยงก็เล่นเกมเหมือนกันแหละคร้าบบ เวลางานก็อู้บ้าง เหมือนตอนนี้ แต่ถ้าอยากเติบโตในที่ทำงาน เวลาว่าง ให้คิดว่าเวลานั้น คือเวลาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้คนอื่นได้เห็นความคิดของเรา คนแบบนี้จะประสบความสำเร็จแน่นอน
เรื่องปากกากระจู๋นี่ ทำไปเพื่อลองของ และเอาฮาใช่มั้ยครับ พี่มั่นใจว่าคงไม่ผิดกฎข้อไหนของบริษัท แต่มันเป็นมารยาททางสังคมอย่างหนึ่งที่เราควรปฏิบัติให้เหมาะสมนะ รวมถึงเรื่องการให้เกียรติ์ซึ่งกันและกัน และกาลเทศะด้วย ใจเขาใจเราครับ ผมไม่รู้ว่าการประชุมนั้นเป็นทางการแค่ไหน และมีผู้หลักผู้ใหญ่เข้าประชุมมากแค่ไหน ผมนึกไม่ออกว่าถ้าภายในห้องประชุม มีพนักงานคนนึงใช้ปากกากระจู๋ อีกคนนึงเอาเท้าวางบนโต๊ะ อีกคนใส่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นมาประชุมในวันศุกร์ อีกคนลากรองเท้าแตะมาทำงาน อีกคนนั่งแคะขี้มูก... ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะไม่ได้ผิดกฎใด ๆ แต่มันถูกที่ ถูกเวลา หรือเปล่า อันนี้ต้องพิจารณาเอาเองครับ
ตอกบัตรแล้วค่อยไปจอดรถ แล้วคุณไปตั้งใจทำประชด ในมุมมองผมผมคิดว่าคุณโง่ครับ เพราะถ้าคุณทำได้ดีอยู่แล้ว สิ่งใดดลใจให้คุณเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ด้อยกว่า ถ้าคุณลองมองไปหาคนเก่ง ๆ แล้วทำตามเค้า มันจะดีกว่ามาก... คุณเล่น Counter ลองหา clip คนเก่ง ๆ ใน Youtube แล้วเลียนแบบ Step การเล่นดู คุณจะเก่งได้แบบก้าวกระโดดด้วยการเลียนแบบคนเก่ง ผมก็ทำมาแล้วจึงรู้ดี แต่ถ้าคุณเห็นเพื่อนคนนึง นั่งดูแต่ clip เล่นโง่ ๆ แล้วไปเล่นตาม คุณจะขำเพื่อนคนนั้นมั้ย... ถ้าเป็นผม ผมเห็นพนักงานของ HR เองทำเช่นนั้น ผมจะเลือกร้องเรียนในสถานที่ที่บริษัทจัดไว้ให้ เช่น ในการประชุมรวม หรือกับผู้มีอำนาจตัดสินใจในตำแหน่งที่สูงกว่า... ผมเคยไม่พอใจการทำงานของคน ๆ หนึ่ง ผมจึงเข้าคุยกับหัวหน้างานของเค้าซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทโดยตรงด้วยเหตุผล สุดท้ายแล้ว คนที่ผมไม่พอใจคนนั้น ก็อยู่ได้ไม่นานก็โดนกดดันออก
การที่ จขกท ทนงตัวว่าตัวเองพอจะมีอะไรติดตัวอยู่บ้างแล้ว ทั้งความรู้ และเงินทอง นั่นคือที่มาของการกระทำเช่นนี้ ซึ่งบางอันผมก็ว่าสนุกดี แต่บางอย่างไม่ใช่ ถ้าผมเบื่องานที่ทำงาน ผมจะไม่หยุดอยู่ที่นั่นแน่นอน เพราะถ้าผมมีความสามารถจริง ผมต้องหาที่ทำงานที่มันดีกว่านี้ได้สิ ที่เราทำอยู่ที่นี่ เพราะตัวเราเองต่างหากที่รับเงื่อนไขของบริษัท
เป็นห่วงน้องจริง ๆ ครับ รู้ว่ายังเด็ก ยังไฟแรง ยังสนุก แต่อนาคตเรามันมีมากกว่านั้น ถ้าน้องคิดว่าอนาคตไม่ได้อยากทำงานบริษัทหรือเป็นลูกน้องใคร มันก็พอที่จะมองให้ขำได้ แต่ถ้าน้องยังคิดว่าเงินเดือนมันสำคัญ เปลี่ยนมุมมองซะเถอะครับ กวนเขาไปเรื่อย ระวังจะไม่มีใครรักเราจริงนะครับ ถึงแม้เวลาเราสนุก เพื่อนจะเฮฮากับเราไปด้วย แต่เวลาเราลำบาก ระวังเค้าจะไม่เหลียวแล สู้ถ้าเราสุภาพ อ่อนน้อม พูดคุยด้วยเหตุผล ทำอะไรให้มันถูกที่ ถูกเวลา มันจะได้รับการยอมรับมากกว่านะครับ... การอ่อนน้อมไม่ใช่หมายถึงก้มหัวให้กับทุกคนนะครับ แต่เป็นการแสดงความเคารพกับผู้หลักผู้ใหญ่ (วัฒนธรรมไทย) และเคารพให้ความคิดเห็นของผู้อื่น
... พี่เองก็วิศวะคอมฯ ครับ เห็นน้องเป็นอย่างนี้แล้วเป็นห่วง.. ช่วงเที่ยงก็เล่นเกมเหมือนกันแหละคร้าบบ เวลางานก็อู้บ้าง เหมือนตอนนี้ แต่ถ้าอยากเติบโตในที่ทำงาน เวลาว่าง ให้คิดว่าเวลานั้น คือเวลาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้คนอื่นได้เห็นความคิดของเรา คนแบบนี้จะประสบความสำเร็จแน่นอน
ความคิดเห็นที่ 57
ขอขอบคุณทุกความเห็นทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยครับ เมื่อ 2 เดือนที่แล้วผมยอมรับเลยผมเป็นพนักงานคนนึงที่เจี๋ยมเจี้ยมมาก
ทำงานตามที่โปรแกรมออก มาแผนงานที่เขียนเองก็อิงค์จากข้อมูลของฝ่ายอื่นๆทุกฝ่าย จนบางทีนั่งทำงานเลิก 3 ทุ่มโอฟรีอีกด้วย
ต่อไปทุกฝ่ายคงต้องเขียนแผนงานอิงค์ผมบ้าง
ท่านที่ห่วงชีวิตการทำงานผม ขอขอบคุณในความห่วงใยครับ We are Intania แต่ถามว่าแคร์ไหมกับการโดนไล่ออก ไม่เลยครับ
ทุกวันนี้ผมดูแล ด้าน IT CCTV IP Phone Network Server(อันนี้ช่วยกันดูกับเพื่อนร่วมงาน) แม้มันจะน้อย แต่ว่าหลากหลายมาก ยิ่งเทียบกับเงิน
เดือนวิศวะเอื้ออาทรยิ่งถูกไปอีก
ตอนเรียนจบใหม่ๆพ่อผมให้ไปดูวนยางครับมีอยู่ 3 แปลง คนละจังหวัดกันเลย ผมบอกพ่อว่าไม่ไป (เอาจริงๆตอนนั้นอายด้วย ถ้าเพื่อน
ถาม เฮ้ยทำไรวะ เออ ทำสวนยางอยู่ มันดูยังไงๆ พ่อเองเจ้าของสวนยังไม่มาทำเองเลย ยังทำงานนั่งโต๊ะอยู่เบย) เลยอ้างว่าขอทำงานในระบบ
ก่อนกลัวความรู้ลงหม้อ เสียดายเวลาที่เรียนมา แต่ตอนนี้เริ่มรู้ซึ้งละว่าทำงานเป็นลูกจ้างเขา เวลาชีวิตเรามันหายไปกับการทำตัวเป็นหุ่นยนต์มาก
แค่ไหน
เมื่อก่อนความคิดทำงานเอาเงินเดือนรอโบนัส ของผม เปลี่ยนเป็นทำงานเอามันส์ มันส์กับการทำงาน มันส์กับการแก้ปัญหาต่างๆที่ไม่
เคยเจอ และที่สำคัญ มันส์กับความคิดในความเป็นตัวของตัวเอง ทำไมเราเพิ่งเจอ ทั้งๆที่มันมีติดตัวเรามาแต่เกิด เราแค่ทลายกำแพงความคิดที่
ผูกมัดเราเอาไว้ มันก็จะออกมาเอง
ขอขอบคุณทุกสังคมที่มอบความมันส์ให้แก่ผม
ปล. เวลา 14.30 เป็นเวลาเบลกกาแฟของบริษัท ขาใหญ่HR บางทีใช้เมเซนเจอร์(ขึ้นตรงต่อเขา) ให่ไปซื้อโดนัดมากินกับกาแฟ
ผมสงสารเมเซนเจอร์มาก (เอาจริงๆหมั่นใส้) แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง ผมไม่คิดว่าจะมีคนตามมากขนาดนี้ เอาไว้ผมจะถ่ายรูป
ประกอบมาด้วยถ้ามีโอกาศครับ
ทำงานตามที่โปรแกรมออก มาแผนงานที่เขียนเองก็อิงค์จากข้อมูลของฝ่ายอื่นๆทุกฝ่าย จนบางทีนั่งทำงานเลิก 3 ทุ่มโอฟรีอีกด้วย
ต่อไปทุกฝ่ายคงต้องเขียนแผนงานอิงค์ผมบ้าง
ท่านที่ห่วงชีวิตการทำงานผม ขอขอบคุณในความห่วงใยครับ We are Intania แต่ถามว่าแคร์ไหมกับการโดนไล่ออก ไม่เลยครับ
ทุกวันนี้ผมดูแล ด้าน IT CCTV IP Phone Network Server(อันนี้ช่วยกันดูกับเพื่อนร่วมงาน) แม้มันจะน้อย แต่ว่าหลากหลายมาก ยิ่งเทียบกับเงิน
เดือนวิศวะเอื้ออาทรยิ่งถูกไปอีก
ตอนเรียนจบใหม่ๆพ่อผมให้ไปดูวนยางครับมีอยู่ 3 แปลง คนละจังหวัดกันเลย ผมบอกพ่อว่าไม่ไป (เอาจริงๆตอนนั้นอายด้วย ถ้าเพื่อน
ถาม เฮ้ยทำไรวะ เออ ทำสวนยางอยู่ มันดูยังไงๆ พ่อเองเจ้าของสวนยังไม่มาทำเองเลย ยังทำงานนั่งโต๊ะอยู่เบย) เลยอ้างว่าขอทำงานในระบบ
ก่อนกลัวความรู้ลงหม้อ เสียดายเวลาที่เรียนมา แต่ตอนนี้เริ่มรู้ซึ้งละว่าทำงานเป็นลูกจ้างเขา เวลาชีวิตเรามันหายไปกับการทำตัวเป็นหุ่นยนต์มาก
แค่ไหน
เมื่อก่อนความคิดทำงานเอาเงินเดือนรอโบนัส ของผม เปลี่ยนเป็นทำงานเอามันส์ มันส์กับการทำงาน มันส์กับการแก้ปัญหาต่างๆที่ไม่
เคยเจอ และที่สำคัญ มันส์กับความคิดในความเป็นตัวของตัวเอง ทำไมเราเพิ่งเจอ ทั้งๆที่มันมีติดตัวเรามาแต่เกิด เราแค่ทลายกำแพงความคิดที่
ผูกมัดเราเอาไว้ มันก็จะออกมาเอง
ขอขอบคุณทุกสังคมที่มอบความมันส์ให้แก่ผม
ปล. เวลา 14.30 เป็นเวลาเบลกกาแฟของบริษัท ขาใหญ่HR บางทีใช้เมเซนเจอร์(ขึ้นตรงต่อเขา) ให่ไปซื้อโดนัดมากินกับกาแฟ
ผมสงสารเมเซนเจอร์มาก (เอาจริงๆหมั่นใส้) แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไง ผมไม่คิดว่าจะมีคนตามมากขนาดนี้ เอาไว้ผมจะถ่ายรูป
ประกอบมาด้วยถ้ามีโอกาศครับ
แสดงความคิดเห็น
ผมเบื่อกับการดำเนินชีวิตประจำวัน เลยเริ่มหาสีสันต์ให้กับชีวิต เพื่อนๆคิดว่าเป็นยังไง???
ตื่นนอน - อาบน้ำ - กินข้าว - ขับรถไปทำงาน - กลางวันก็พบคำถามเดิม "เที่ยงนี้แดรกอะไรดี" - กลับบ้าน - เล่นเกม - อาบน้ำ - นอน
เมื่อตะกี้ผมก็เจอกระทู้เบื่อโลกเหมือนผม แต่ผมตอบไม่ได้เนื่องจากเป็นกระทู้สนทนา คิดว่าบังเอิญจังกำลังจะตั้งกระทู้พอดีเบย
ขั้นตอนแรกกับการหาความแปลกใหม่ให้กับชีวิต คือผมต้องถามกับตัวเองก่อนว่า ถ้าตกงานจะเป็นอะไรไหม คำตอบคือ ไม่เป็นไร
ความรู้มีกับตัว ครอบครัวก็พอมีเงิน ยังไงก็ไม่ลำบาก ดีกว่าทำงานเหมือนหุ่นยนต์ให้ชีวิตมันแห้งเหี่ยวเฉาตายแบบนี้
เมื่อคิดได้ใน 1 เดือนที่ผ่านมาชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะ เรียกได้ว่าหน้ามือหลังตรีนเลยทีเดียว ส่วนมากจะเป็นชีวิตในที่ทำงานขอเล่าเป็นเรื่องๆละกัน
ผมทำงานด้าน IT จบวิศวกรรมคอมฯ มาและมีคู่หูคู่เหียกอยู่คน ซึ่งไอ้คนนี้มันจบวิทย์คอมฯ และก็ไม่ได้แคร์โลกมากมายอะไร
ประมาณว่าบ้านมีตังค์ทำงานเอามันส์ เมื่อก่อนผมจะคุ้นเคยกับคำว่า ได้ครับพี่ ดีครับท่าน มันส์ครับผม ผมเปลี่ยนเป็นเป็นตัวของตัวเองที่สุด
หัวหน้าตัวดี
มีอยู่วันหัวหน้าคุยด้วยเอารูปมาให้ดูรถเขาเอาไปแต่งซิ่ง เป็น Honda Civic FD เพิ่งลงท่อทั้งเส้นมา (คิดว่าคงไม่ได้เอาลงแค่ท่อ
คงเอาเครื่องเรือมาลงด้วยเพราะเสียงเหมือนเหลือเกิน) มาคราวนี้พร้อมรูปรถและสเกิตร์ 3-4 รูป พร้อมถามว่าตัวไหนสวยผมว่าจะไปติดชุด
แต่งรอบคัน ผมมองแล้วรูป job Desing โดนใจผมมาก แต่หัวหน้าก็ถามอีกว่าทรง Mugen Type R ไม่สวยเหรอ คือรู้อยู่แล้วว่าเขามีทรง
ในดวงใจอยู่แล้ว ผมก็บอกเลย "พี่เอาจิงๆถ้าพี่ถามผม ผมว่า job Desing สวยกว่านะ" หัวหน้าก็ อืม เดินเกาหัวมึนๆกลับโต๊ะ
(อารยะขัดขื่นขั้นแรก)
กลางวันนี้แดรกอะไร???
เป็นคำถามที่เพื่อนผมถามทุกวันเวลา 11.00 วันนั้นผมตอบอย่างเต็มปาก "หมูกะทะเอ็งจะแดรกด้วยไหม" มันคงเห็นว่าตอบกวนตรีน
ก็เลยบอกว่าเอาดิ วางสายเสร็จผมโทรสั่งเลยชุดใหญ่ ละเดินเอาตังค์ไปฝากยามเอาไว้ เที่ยงก็นั่งปิ้งแดรกแม่มตรงม้าหินข้างบริษัทนั้นหละ
เพื่อนก็แดรกแบบ งง ตอนบ่ายฝ่ายบุคคลเรียกพบ ถามว่าเมื่อกลางวันกินหมูกะทะกันเหรอ เราดูกฏมาแล้ว ใช่ครับพี่ ทำไมเหรอครับ ผมตอบ
ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาบอกไม่เหมาะ อ่าวไม่เหมาะยังไงครับพักกลางวันผมออกไปกินข้างนอก ไม่ได้กินในพื้นที่บริษัทด้วย.... จบไป
ของกินในตู้เย็นแคนทีนหาย (มันหายไปไหน สสารไม่มีทางหายไปเองจากโลกนี้ได้)
ที่บริษัทผมมีตู้เย็นส่วนกลางอยู่ ของหายบ่อยมาก จับมือใครดมไม่ได้ ไม่เป็นไร พักกลางวันไปซื้อโออิชิมาเลย 1 ขวด เปิดกินไป 2 อึก
จากนั้นให้ไอ้เพื่อนสารเลวผมถ่ายคลิปเอาไว้ว่าเราทำอะไรกับโออิชิขวดนี้บ้าง ผมเอามากลั้วปากไป 2 ทีแล้วคืนเข้าไปในขวด เพื่อนอัปปรีผม
เคาะขี้มูกได้มา 1 ก้อนเท่าหัวเข็มหมุดแล้วใส่ลงไป ปิดฝาแช่เอาไว้ ตอนเย็นกลับมาดู หาย !!! ไม่รู้มันไปรวมร่างกับใคร แต่ไม่เป็นไรเรามีคลิป
ผมอัพลงยูทูป แล้วเอาลิ้งค์มาเปะหน้าตู้เย็นส่งข้อความถึงไอ้คนที่โออิชิผมไปรวมร่างด้วย งานนี้มีคนอ้วก (นับแต่นั้นของกินก็ไม่เคยหายอีกเบย)
ช้างน้อยดุกดิ๊กในห้องประชุม
ประชุมหัวหน้างานทุกเดือนผมต้องเข้าประชุม บรรยากาศตึงเคลียด ผมมีปากกาอยู่อันนึงซื้อมาจากสำเพ็ง ด้ามปากกาตรงปลายเป็น
ช้างน้อยสีเนื้อเป็นซิลิโคนอ่อน เวลาเขียนมันจะดุ๊กดิ๊กไปมาตลอดการประชุมมีหัวหน้าแผนกผู้หญิงหลายคนแอบมองอยู่บ่อย และมี 2 คนมาขอ
จับหลังประชุมเสร็จ เพื่อลดความตึงเคลียดในการประชุม
กลับมาที่หัวหน้า(Manager)ที่เคารพ
พักกลางวันหลังกินขาวเที่ยงจะมีเวลาว่างพักนึง บางคนก็นั่งเซงรอทำงาน บางคนก็นั่งเคาะโต๊ะ ชีวิตเบื่อหน่ายมาก รวมถึง Manager ผม
นั่งเหม่อตลอด ผมดูจากอายุน่าจะทันเกมส์เคาเตอร์ เลยชวนเล่นซะ เฮียแกท่าทางจะเคยเล่น ก็คุยพอเป็นพิธี รุ่งขึ้นชวนคนวันเดียวกันได้
สมาชิกมา 5 คน รวมผม บอกเฮียขาดอีก 1 จะเล่นด้วยไม๊ ตัว Install อยู่ในเซิฟกลาง เวลาครึ่ง ช.ม.หมดไปอย่างไว วันต่อๆมา ทุกคนจะรีบ
กินข้าวและมานั่งโจ้กัน เครื่องก็ใช้มันของบริษัทนี่หละ ทำงาน IT อยู่แล้วอะไรๆก็สะดวก (ชวนเฮียแกเสียผู้ใหญ่ซะงั้น)
ฝ่ายบุคคล อภิสิทธ์เหนือใคร ทำไมมีแค่เอ็ง
ที่จอดรถ บ.ผมจะอยู่ห่างจาก บ. ประมาณ 500 เมตรเป็นพื้นที่ๆเช่าเอาไว้จอดรถ ผมดูแลด้าน IT CCTV และโทรศัพท์ ทำให้เห็นความ
เคลื่อนไหวของฝ่ายบุคคลคนหนึ่ง เจ๊แกทำงานที่นี่มานาน เป็นขาใหญ่ วางก้าม ใครไม่กล้าไม่รู้ทำไมแต่ไม่ใช่ผม บางวันแกมาสายจะมาจอด
หน้า บ. ก่อนและตอกบัตร จากนั้นก็ขับรถไปจอดที่จอดและก็ต่อยเดินนวยนาถมาทำงาน
วันนึงผมมาสาย(ตั้งใจ)และมาจอดหน้า บ. เพื่อตอกบัตร จากนั้นก็เดินไปบอกเจ๊แกว่า เดี๋ยวผมมานะขอเอารถไปจอดก่อน เจ๊แกว่าเลย
"นี่มาสายก็ต้องยอมรับซิ ทำไมทำแบบนี้ เอาเปรียบคนทั้งบริษัท คนอื่นเขา 8.30 ทำงานกันแต่เธอมาตอกบัตรก่อนแล้วจะเอารถไปเก็บ"
ผมก็ยิ้มเลย "อ้าวเหรอครับพี่ งั้นที่พี่ทำบ่อยๆนี่ก็เอาเปรียบคนทั้งบริษัทเลยนะซิครับ วันที่ 2,3,6,8....(ผมจดมา) พี่ก็มาสายแล้วไม่ยอมรับ"
เจ๊แกเดือดตะคอกจะไปไหนก็ไป
นี่เวลาผ่านไปแค่เดือนเดียวผมว่าชีวิตผมมีรดชาติขึ้นมากเลย ทำอะไรตามใจตัวเอง กวนตรีนเขาไปทั่ว แต่ต้องอยู่ในขอบเขต อย่าทำคนอื่นเดือดร้อน ก็แค่นั้น....