สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ เขตพระนครราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล ... ได้ตรัสดังนี้ว่า
ภิกษุทั้งหลาย ในกาลก่อนได้เคยเป็นมาแล้ว ภูเขาเวปุลละนี้ได้มีชื่อว่า ปาจีนวังสะ
สมัยนั้นแล เหล่าประชาชนได้ชื่อว่า ชาวติวรา
หมู่มนุษย์ชื่อติวราขึ้นปาจีนวังสบรรพตเป็นเวลา ๔ วัน ลงก็เป็นเวลา ๔ วัน
... จงดูเถิด ชื่อภูเขานี้ที่เรียกว่าปาจีนวังสะนั้น ก็อันตรธานไปแล้ว ประชาชนชาวติวราเหล่านั้นก็ดับชีพลับหายไปแล้ว ...
ภูเขาเวปุลละนี้ได้มีชื่อว่า วงกฏ สมัยนั้นแล เหล่าประชาชนได้ชื่อว่า ชาวโรหิตัสสะ ...
ภูเขาเวปุลละนี้ได้มีชื่อว่า สุปัสสะ สมัยนั้นแล เหล่าประชาชนได้ชื่อว่า ชาวสุปปิยา ...
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้แล ภูเขาเวปุลละนี้มีชื่อว่า เวปุลละ นี่แหละ
แลบัดนี้ เหล่าประชาชนมีชื่อว่า ชาวมคธ
หมู่มนุษย์ชื่อมคธขึ้นภูเขาเวปุลละเพียงครู่เดียว ลงก็เพียงครู่เดียว
และบัดนี้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ เสด็จอุบัติแล้วในโลก
แลเรามีคู่แห่งสาวก ที่เป็นคู่เลิศ เป็นคู่ที่ดีเยี่ยม ชื่อว่า สารีบุตรและโมคคัลลานะ
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด เวลานั้นจักมาถึง
เมื่อชื่อภูเขานี้จักลับหาย หมู่ภิกษุนี้จักลับล่วงจากไป และเราก็จักปรินิพพาน
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ไม่ยั่งยืนอย่างนี้ ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง
พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ...
ภูเขา่ปาจีนวังสะของหมู่ชนชาวติวรา มาเป็นภูเขาวงกฏหมู่ชนชาวโรหิตัสสะ
เป็นภูเขาสุปัสสะของหมู่ชนชาวสุปปิยา เป็นภูเขาเวปุลละของหมู่ชนชาวมคธ
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นแลเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ครั้นเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับไปเป็นสุข
- ความยั่งยืนของพระศาสนา อยู่ที่พุทธบริษัท ๔ -
พระศาสนาจะชื่อว่า สำเร็จผลแพร่หลายกว้างขวาง เป็นประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เป็นปึกแผ่น ต่อเมื่อมีองค์ประกอบต่อไปนี้คือ
๑. พระศาสดา เป็นพระเถระ รัตตัญญู (ผู้รู้ราตรี) ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ
๒. มี
ภิกษุสาวกที่เป็นเถระ มีความรู้เชี่ยวชาญ ได้รับการฝึกฝนอบรมอย่างดี แกล้วกล้าอาจหาญ บรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ
สามารถแสดงธรรมให้เห็นผลจริงจัง กำราบปรับวาท (ฝ่ายวาทะตรงข้าม) ที่เกิดขึ้น ให้สำเร็จเรียบร้อยโดยถูกต้องตามหลักธรรม
และมีภิกษุสาวกชั้นปูนกลาง (มัชฌิมะ) และชั้นนวกะ ที่มีความสามารถเช่นเดียวกันนั้น
๓. มี
ภิกษุณีสาวิกา ชั้นเถรี ชั้นปูนกลาง และชั้นนวกะ ที่มีความสามารถเช่นเดียวกันนั้น
๔. มี
อุบาสกทั้งประเภทพรหมจารี และประเภทครองเรือน ซึ่งมีความสามารถเช่นเดียวกันนั้น
๕. มี
อุบาสิกาทั้งประเภทพรหมจารินี และประเภทครองเรือน ซึ่งมีความสามารถเช่นเดียวกันนั้น
เวปุลลปัพพตสูตร
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=16&A=5050&Z=5111&pagebreak=0
ปาสาทิกสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=2537&Z=3181&pagebreak=0
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=เถระ_พระผู้ใหญ่&detail=on
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=เถรี
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=มัชฌิมะ
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=นวกะ
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ผู้รู้ราตรี&detail=on
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=โยคะ
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ปรัปวาท
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=สาวก_ผ&detail=on
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=สาวิกา
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อุบาสก
http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อุบาสิกา
ชื่อภูเขานี้จักลับหาย หมู่ภิกษุนี้จักลับล่วง ตถาคตจักปรินิพพาน ...
ภิกษุทั้งหลาย ในกาลก่อนได้เคยเป็นมาแล้ว ภูเขาเวปุลละนี้ได้มีชื่อว่า ปาจีนวังสะ
สมัยนั้นแล เหล่าประชาชนได้ชื่อว่า ชาวติวรา
หมู่มนุษย์ชื่อติวราขึ้นปาจีนวังสบรรพตเป็นเวลา ๔ วัน ลงก็เป็นเวลา ๔ วัน
... จงดูเถิด ชื่อภูเขานี้ที่เรียกว่าปาจีนวังสะนั้น ก็อันตรธานไปแล้ว ประชาชนชาวติวราเหล่านั้นก็ดับชีพลับหายไปแล้ว ...
ภูเขาเวปุลละนี้ได้มีชื่อว่า วงกฏ สมัยนั้นแล เหล่าประชาชนได้ชื่อว่า ชาวโรหิตัสสะ ...
ภูเขาเวปุลละนี้ได้มีชื่อว่า สุปัสสะ สมัยนั้นแล เหล่าประชาชนได้ชื่อว่า ชาวสุปปิยา ...
ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้แล ภูเขาเวปุลละนี้มีชื่อว่า เวปุลละ นี่แหละ
แลบัดนี้ เหล่าประชาชนมีชื่อว่า ชาวมคธ
หมู่มนุษย์ชื่อมคธขึ้นภูเขาเวปุลละเพียงครู่เดียว ลงก็เพียงครู่เดียว
และบัดนี้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นี้ เสด็จอุบัติแล้วในโลก
แลเรามีคู่แห่งสาวก ที่เป็นคู่เลิศ เป็นคู่ที่ดีเยี่ยม ชื่อว่า สารีบุตรและโมคคัลลานะ
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด เวลานั้นจักมาถึง
เมื่อชื่อภูเขานี้จักลับหาย หมู่ภิกษุนี้จักลับล่วงจากไป และเราก็จักปรินิพพาน
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ไม่ยั่งยืนอย่างนี้ ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง
พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ...
ภูเขา่ปาจีนวังสะของหมู่ชนชาวติวรา มาเป็นภูเขาวงกฏหมู่ชนชาวโรหิตัสสะ
เป็นภูเขาสุปัสสะของหมู่ชนชาวสุปปิยา เป็นภูเขาเวปุลละของหมู่ชนชาวมคธ
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นแลเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ครั้นเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป ความที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับไปเป็นสุข
พระศาสนาจะชื่อว่า สำเร็จผลแพร่หลายกว้างขวาง เป็นประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เป็นปึกแผ่น ต่อเมื่อมีองค์ประกอบต่อไปนี้คือ
๑. พระศาสดา เป็นพระเถระ รัตตัญญู (ผู้รู้ราตรี) ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ
๒. มีภิกษุสาวกที่เป็นเถระ มีความรู้เชี่ยวชาญ ได้รับการฝึกฝนอบรมอย่างดี แกล้วกล้าอาจหาญ บรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะ
สามารถแสดงธรรมให้เห็นผลจริงจัง กำราบปรับวาท (ฝ่ายวาทะตรงข้าม) ที่เกิดขึ้น ให้สำเร็จเรียบร้อยโดยถูกต้องตามหลักธรรม
และมีภิกษุสาวกชั้นปูนกลาง (มัชฌิมะ) และชั้นนวกะ ที่มีความสามารถเช่นเดียวกันนั้น
๓. มีภิกษุณีสาวิกา ชั้นเถรี ชั้นปูนกลาง และชั้นนวกะ ที่มีความสามารถเช่นเดียวกันนั้น
๔. มีอุบาสกทั้งประเภทพรหมจารี และประเภทครองเรือน ซึ่งมีความสามารถเช่นเดียวกันนั้น
๕. มีอุบาสิกาทั้งประเภทพรหมจารินี และประเภทครองเรือน ซึ่งมีความสามารถเช่นเดียวกันนั้น
เวปุลลปัพพตสูตร
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=16&A=5050&Z=5111&pagebreak=0
ปาสาทิกสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=2537&Z=3181&pagebreak=0
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้