การค้นหาหุ้นเมกาเทรนด์

กระทู้สนทนา
โดย : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร



คำถามยอดนิยมสำหรับ VI ที่เน้นลงทุนระยะยาวในกิจการที่จะเติบโตต่อเนื่องเป็น เมกาเทรนด์ สำหรับไทย อุตสาหกรรมอะไรเป็นเมกาเทรนด์

เราจะดูได้อย่างไรว่าอะไรจะเป็นเมกาเทรนด์ในอนาคต? และหุ้นตัวไหนจะได้ประโยชน์มากที่สุด?

ก่อนอื่นต้องกำหนดนิยาม คำว่า เมกาเทรนด์ ก่อนว่าคืออะไร สำหรับผม นิยามที่จะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุน ต้องเป็นเรื่องผลิตภัณฑ์ หรือธุรกิจที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง การบอกว่าอุตสาหกรรม IT เป็นเมกาเทรนด์ กว้างเกินไป ไม่มีประโยชน์ต่อการลงทุนนัก เพราะอุตสาหกรรม IT ครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น คอมพิวเตอร์ที่ อยู่กับที่ อาจไม่อยู่ในเมกาเทรนด์ แต่คอมพิวเตอร์ที่ เคลื่อนที่ และต่อกับอินเทอร์เน็ต ยังเป็นเมกาเทรนด์ เป็นต้น

นิยามอีกข้อหนึ่งที่สำคัญ คือ เมกาเทรนด์ หมายความว่า ผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจ ต้องมียอดขายเติบโตขึ้นเท่าไรและต่อเนื่องไปกี่ปี? นิยามคร่าวๆ ของผมอาจบอกว่าผลิตภัณฑ์ต้องเติบโตขึ้นจากที่เป็นอยู่ไม่น้อยกว่า 3 เท่าภายในเวลา 10 ปี ถ้าจุดเริ่มต้นของยอดขายของผลิตภัณฑ์ 100 บาท ภายในเวลา 10 ปี ยอดขายต้องอย่างน้อย 400 บาท และนี่คือการเติบโตแบบทบต้นอย่างน้อยปีละ 15%

นัยของนิยามเมกาเทรนด์ข้างต้น จะพบว่า ธุรกิจที่จะเป็นเมกาเทรนด์ เป็นธุรกิจโตเร็วมาก โตแบบทบต้นปีละ 30% และภายใน 5 ปี ยอดขายเป็น 4 เท่าแล้ว และนี่คือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมรวดเร็ว คนที่ซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์บางคน อาจเหมือนมีความคลั่งไคล้ ผู้คนกล่าวขวัญถึงว่าเป็น เมกาเทรนด์

ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์แบบแทบเล็ตที่ได้รับความนิยมรวดเร็ว แต่ผลิตภัณฑ์ หรือธุรกิจบางอย่าง อาจจะไม่ได้โต ระเบิด อาจโตปีละ 15-20% บางปีที่ดี แต่จะโตแค่ 10-15% ในปีที่ไม่ดี ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็น 10 ปี ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตเป็น 4 เท่า เช่น ธุรกิจโมเดิร์นเทรดบางประเภท แบบนี้ถือว่าเป็นเมกาเทรนด์เหมือนกัน

ถัดจากเรื่องนิยาม ต้องพูดถึงสาเหตุที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นรวดเร็วและมากขึ้นเป็น 4 เท่า กรณีอย่างนี้เหตุผลสำคัญที่สุดข้อหนึ่ง คือ เรื่องพัฒนาการ หรือการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่สนองความต้องการของคนได้ดีกว่าเดิมไม่ว่าด้านคุณภาพ หรือราคา ส่งผลให้คนหันมาใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการมากขึ้นรวดเร็วและต่อเนื่องยาวนาน บางกรณีอาจทำให้ผลิตภัณฑ์เดิมล้มหายตายจากไป

ผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจที่จะกลายเป็นเมกาเทรนด์ได้ ต้องตอบสนองความต้องการพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ ข้อแรก ต้องทำให้มนุษย์ที่คำนึงถึงการอยู่รอด รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น ช่วยให้เขาอยู่รอดได้ดีขึ้น หรือสอง ผลิตภัณฑ์หรือบริการ ต้องทำให้คนรู้สึกว่า เขามีโอกาสมีคู่เผยแพร่เผ่าพันธุ์ได้ดีขึ้น

ความต้องการพื้นฐานข้อแรก ที่เห็นชัด อาจเป็นธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ อาหาร ธุรกิจที่จัดให้เกิดความสะดวกสบายทุกๆ ด้าน และธุรกิจเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารและความรู้ เป็นต้น ส่วนข้อสอง เป็นเรื่องอาจเกี่ยวข้องกับความสวยงาม สินค้าฟุ่มเฟือย การท่องเที่ยวเดินทาง ข่าวสารและความรู้ต่างๆ เป็นต้น

ประเด็นที่สำคัญของการเป็นเมกาเทรนด์ ไม่ใช่เรื่องความต้องการพื้นฐาน เพราะเราพัฒนามาไกลมาก และคนก็มีปัจจัยเหล่านั้นอยู่แล้ว เมกาเทรนด์ จะเกิดขึ้นก็ต้องมีการพัฒนา หรือสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา ที่ทำได้ดีกว่าของเดิมจนคนเปลี่ยนมาใช้ของใหม่ที่ดีกว่า

นี่คือการเกิดขึ้นของเมกาเทรนด์ในประเทศที่เจริญแล้ว อย่างสหรัฐหรือประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก แต่สำหรับประเทศที่ยังมีรายได้ไม่สูงนักอย่างไทย เมกาเทรนด์อาจเกิดขึ้นจากคนไทยจำนวนมากขึ้นหันมาบริโภค หรือใช้บริการสิ่งที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ที่คิดค้นขึ้นในโลก แต่เป็นของเดิมที่มีอยู่แล้ว แต่ในอดีตมีคนที่มี ความสามารถที่จะใช้ จำกัดเพราะเป็นสินค้าที่ แพงเกินไป

ปัจจุบันด้วยรายได้ที่สูงขึ้น คนไทยจำนวนมากขึ้น หันมาใช้บริการนั้น และเมื่อรายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง จำนวนคนที่มีความสามารถที่จะใช้อาจจะมากขึ้นเป็นทวีคูณ และนี่คือกระบวนการ หรือเส้นทางที่ก่อให้เกิด เมกาเทรนด์ ในหลายๆ ผลิตภัณฑ์ในไทย

ตัวอย่างของเมกาเทรนด์ที่เกิด เพราะการเพิ่มขึ้นของรายได้ ผมคิดว่าน่าจะรวมถึงผลิตภัณฑ์ สินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคส่วนบุคคล สมัยใหม่ ทั้งหลาย แต่เดิม เราพูดว่าคนชั้นกลางขึ้นไป จะใช้ชีวิตทำงานในออฟฟิศ เดินห้าง กินอาหารภัตตาคาร ซื้อเสื้อผ้าตามร้านติดแอร์ ดูหนัง ขับรถ เล่นเน็ต อยู่คอนโด อะไรต่างๆ เหล่านี้ ขณะที่คนต่างจังหวัด และคนที่มีรายได้ต่ำยังไม่ได้ทำ รายได้ของคนไทยเพิ่มขึ้นเร็วมากช่วงหลังๆ ก่อให้เกิดคนชั้นกลางรุ่นใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งทำให้สินค้าเหล่านั้น ขายได้มากขึ้นในต่างจังหวัด และอาจกลายเป็นเมกาเทรนด์ได้ในบางผลิตภัณฑ์

การที่จะดูว่าหุ้นตัวไหน ได้ประโยชน์จากเมกาเทรนด์ ผมคิดว่ากรณีของเมกาเทรนด์เกิดขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ อาจดูไม่ยากนัก เพราะกรณีแบบนี้ อาจจะเห็นผู้ชนะ เพราะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจใหม่ ถ้าพบว่ามีบริษัทที่ Dominant หรือบริษัทที่แทบจะ ครอบงำ ธุรกิจอยู่แล้ว นั่นคือบริษัทที่จะได้ประโยชน์ชัดเจน แต่กรณีธุรกิจใหม่ หรือธุรกิจที่ยังไม่มีบริษัทยักษ์ใหญ่อยู่ การวิเคราะห์ว่าบริษัทไหนจะชนะ เป็นสิ่งที่จะจำเป็น

กรณีแบบนี้ ต้องดูว่า ใครมีกลยุทธ์ที่ดี และมีทรัพยากรที่จะต่อสู้แข่งขันมากกว่ากัน ต้องตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่า โครงสร้างหรือลักษณะของธุรกิจเป็นอย่างไรด้วย เพราะบางธุรกิจ อาจจะไม่สามารถหาผู้ชนะที่แท้จริงได้ การแข่งขันอาจจะรุนแรงอยู่ตลอดเวลาและแม้แต่ ผู้ชนะเองก็อาจจะทำกำไรไม่ได้มากนักก็ได้

ที่พูดมาทั้งหมด บางทีอาจทำให้คนเข้าใจผิดว่า เมกาเทรนด์ที่น่าสนใจ ต้องเป็นธุรกิจ หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องโตไม่ต่ำกว่าปีละ 15% หรือกำลังโตเร็วมากๆ ที่จริง เมกาเทรนด์ ก็มีระดับของมันเหมือนกัน และแต่ละคนมีนิยามที่แตกต่างกัน สำหรับผม บริษัทที่โตต่อเนื่องยาวนานเฉลี่ยทบต้นปีละ 10% แต่ถ้าโตไปยาวนานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะเป็นบริษัทที่โตเร็วน่าสนใจมาก ประเด็นคือ ต้องโตมั่นคงแน่นอน และโอกาสที่จะหดตัวลงน้อยมาก

กรณีอย่างนี้ จะให้คุณค่าค่อนข้างมาก เหตุผลข้อแรกคือ ผมเชื่อว่าธุรกิจที่โตขึ้นเรื่อยๆ จะมีกำไรดีขึ้นมากกว่ายอดขาย เพราะจะมี Economy of Scale ดีขึ้น หรือต้นทุนต่อหน่วยลดลง และเหตุผลข้อสองคือ การโตช้าลงมาหน่อยอาจไม่ใช่ข้อเสียมากนัก ถ้าช่วยไม่ให้คู่แข่งเข้ามามากเกินไป

สุดท้ายคือ เมื่อค้นพบหุ้นที่จะเป็นเมกาเทรนด์แล้ว หน้าที่เราคือ ดูว่าราคาหุ้นเหมาะสมหรือไม่ อาจดูจากผลตอบแทนจากปันผลปีแรกบวกกับแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวพอสมควรของธุรกิจ ถ้าคุ้มค่า ก็ควรซื้อและถือหุ้นไว้ให้ยาวนาน ตราบที่กิจการยังดีอยู่ โดยที่ยังไม่มีคู่แข่งที่สามารถมาท้าทายบริษัทได้ และอย่าสนใจกับความผันผวนของราคาหุ้นในระยะสั้น

http://www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/nives/20131112/542453/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C.html

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่