สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เอาแบบไม่เป็นวิชาการนะครับ เพราะผมก็ไม่ชัดเจนมาก
การนับวันมี 2 แบบ คือ นับตามสุริยคติ กับ นับตามจันทรคติ การนับวันที่มีวันพระ เรียกว่านับแบบจันทรคติ หรือนับตามการโคจรของดวงจันทร์
การนับวันแบบจันทรคติ ในหนึ่งเดือน แบ่งออกเป็นข้างขึ้นกับข้างแรม
ว่ากันว่า ดวงจันทร์ใช้เวลาโคจรรอบโลก 29 วัน กับอีก 12 ชั่วโมง เวลานับวันตามจันทรคติ ถ้าเรานับ 29 วัน เป็นหนึ่งเดือนเวลาก็จะขาดไป (12 ชั่วโมง) ถ้านับ 30 วันเป็นหนึ่งเดือนเวลาก็จะเกิน (12 ชั่วโมง)
ดังนั้นเวลานับจริง ๆ เลยเอา 59 วัน เป็น 2 เดือน เดือนคี่ ให้นับ 29 วัน เดือนคู่ นับ 30 วัน ดังนั้นคุณจึงเห็นในปฏิทิน บางเดือนวันแรม 14 ค่ำเป็นวันพระ แต่บางเดือนไม่เป็น เดือนต่อมากลับเป็นอีก
การนับแบบนี้เมื่อครบ 1 ปี จำนวนวันก็ยังน้อยกว่าการนับแบบสุริยคติ อยู่ 11 วัน คือ ได้แค่ 354 วัน ดังนั้น ทุก ๆ 3 ปี จึงมีการนับเดือน 8 สองหน เรียกว่า ปีนั้นมี 13 เดือน
การนับวันมี 2 แบบ คือ นับตามสุริยคติ กับ นับตามจันทรคติ การนับวันที่มีวันพระ เรียกว่านับแบบจันทรคติ หรือนับตามการโคจรของดวงจันทร์
การนับวันแบบจันทรคติ ในหนึ่งเดือน แบ่งออกเป็นข้างขึ้นกับข้างแรม
ว่ากันว่า ดวงจันทร์ใช้เวลาโคจรรอบโลก 29 วัน กับอีก 12 ชั่วโมง เวลานับวันตามจันทรคติ ถ้าเรานับ 29 วัน เป็นหนึ่งเดือนเวลาก็จะขาดไป (12 ชั่วโมง) ถ้านับ 30 วันเป็นหนึ่งเดือนเวลาก็จะเกิน (12 ชั่วโมง)
ดังนั้นเวลานับจริง ๆ เลยเอา 59 วัน เป็น 2 เดือน เดือนคี่ ให้นับ 29 วัน เดือนคู่ นับ 30 วัน ดังนั้นคุณจึงเห็นในปฏิทิน บางเดือนวันแรม 14 ค่ำเป็นวันพระ แต่บางเดือนไม่เป็น เดือนต่อมากลับเป็นอีก
การนับแบบนี้เมื่อครบ 1 ปี จำนวนวันก็ยังน้อยกว่าการนับแบบสุริยคติ อยู่ 11 วัน คือ ได้แค่ 354 วัน ดังนั้น ทุก ๆ 3 ปี จึงมีการนับเดือน 8 สองหน เรียกว่า ปีนั้นมี 13 เดือน
แสดงความคิดเห็น
วิธีการนับวันพระ นับอย่างไร