"นี่เราอยู่ที่ไหนกันเนีย..."
เรยบ่นพรึมพรำอยู่ภายใต้ความมืดมิดในตู้คอนเทนเนอร์นั้น เขาเดินวนไปรอบๆตู้เพื่อที่จะหาทางออกไปจากที่นั่นให้ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาสามารถเห็นโลกภายนอกได้ดูเหมือนจะมีแต่ช่องบนเพดานของตู้คอนเทนเนอร์เท่านั้น
เรยต้องหาที่หลบซ่อนตัวทันทีเมื่อเสียงฝีเท้าที่กำลังค่อยๆใกล้เข้ามา เขาเลือกที่จะหลบที่หลังเครื่องที่คล้ายกับเครื่องปฏิกรณ์นั่น ไม่นานนักประตูตู้คอนเทนเนอร์ก็ได้ถูกเปิดออกจากตัวล็อคที่อยู่ภายนอก
กลุ่มชายชุดดำลุกลี้ลุกลนเข้ามาเพื่อมานำโถ่แก้วซึ่งในนั้นบรรจุแหวนแห่งไนท์เบลดเอาไว้ไปด้วย โดยที่พวกเขาไม่ได้หันกลับมาปิดตู้คอนเทนเนอร์แต่อย่างใด
ทันทีที่กลุ่มชายชุดดำออกไปเรยจึงค่อยๆแอบย่องตามหลังไป แต่ก่อนที่เขาจะได้ออกไปนั้น สายตาของเขาได้ไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างซะก่อน ทำให้เรยเกิดความสนใจที่จะพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่ง แสงจากโลกภายนอกผ่านเข้ามาทำให้เขาได้เห็นรูปร่างของมัน
มันมีรูปร่างคล้ายกับโลงศพอะไรสักอย่างที่เป็นสีดำ รอบๆเต็มไปด้วยอักษรโบราณสีแสนเก่าแก่ที่เกินกว่าที่ความรู้ในหัวของเรยจะอ่านมันออก
... อะไรกันเนีย ทำไมถึงมีโลงศพมาอยู่ที่นี่ได้นะ ...
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสำหรับเขา เรยไม่รอช้ารีบคิดหาทางหนีออกไปจากที่นั่น แต่เมื่อเขาได้มาเห็นสิ่งแวดล้อมภายนอกตู้คอนเทนเนอร์นั่นก็ทำให้เขายืนอึ้งอยู่ตรงนั้นไปพักใหญ่
สิ่งก่อสร้างร้างรวมไปถึงรอบๆก็เต็มไปด้วยป่าทึบ ที่นี่เป็นวิวทิวทัศน์ที่เขาไม่คุ้นตา แต่ที่เขาแน่ใจได้นั่นก็คือ บรรยากาศแบบนี้รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมรอบๆไม่ใช่ในเมืองไนท์เบลดแน่นอน และเพราะเสียงที่ดังขึ้นตรงหน้าของเขาถัดไปจากเขาไม่ไกลนักทำให้เขาต้องรีบกลับไปหลบหลังตู้คอนเทนเนอร์อีกครั้ง
"เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีรึเปล่า?" น้ำเสียงที่ดูมีอำนาจของชายผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
"ครับ ของที่ท่านสั่งอยู่นี่ครับ" พวกชายชุดดำยื่นโถที่บรรจุแหวนอยู่ข้างในให้กับคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา
เรยกลืนน้ำลายตัวเองเพื่อที่จะแอบดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า กลุ่มชายชุดดำกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งคุกเข่าให้กับชายที่ไว้หนวดยาวๆ ดูจากการแต่งตัวแล้วเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการในชุดสีกากีที่ประดับเครื่องหมายต่างๆมากมาย ชายคนนี้ต้องทำงานรับราชกาลแน่นอน สายตาที่เต็มไปด้วยความโลภ จ้องมองไปที่แหวนที่อยู่ข้างในแล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างดูหน้ากลัว
"ดีมาก พลังแห่งแหวนนี่ล่ะที่จะทำให้องค์จักรพรรดิฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้ง" เขาหัวเราะครั้งหนึ่งแล้วหันหลังให้กับชายชุดดำพวกนั่นทันที
"เอ่อท่านไมดัสครับ แล้วเรื่องการเลื่อนตำแหน่งของพวกเราละครับ" ชายชุดดำคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เจื่อนๆจนฟังดูไม่ค่อยชัดสักเท่าไรนัก
"เห๊อะ! พวกแกคิดว่านี่เป็นภารกิจที่เหมาะสมจะไปรายงานต่อท่านเจ้านายเรอะ!" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
"เกือบโดนพวกตำรวจกระจอกๆจับได้ แถมยังเกือบนำแหวนแห่งอัคคีนี้มาไม่ได้อีกทั้งๆที่พวกแกก็ไปกันตั้งเยอะ กลับสู้ยัยอาจารย์ผู้หญิงนั่นเพียงคนเดียวยังไม่ได้ ถ้าฉันรายงานเรื่องนี้กับท่านเจ้านายพวกแกละก็จะเป็นยังไงรู้รึเปล่า!!!..."
"เอ่อ...คือ" ตอนนี้พวกชุดดำได้แต่นั่งก้มหัวโดยที่ไม่ได้พูดอะไรถึงแม้ว่าจะอยากพูดก็ตามทันทีที่เห็นไมดัสขบฟันแน่น
"พวกแกรู้ไหมว่าจะต้องใช้พลังมากมายขนาดไหนในการที่จะทำให้ท่านจักรพรรดิฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง ถ้าไม่ใช้พลังแห่งเทพเจ้าที่สถิตอยู่ในแหวนนี้แล้วละก็ ต่อให้องกรณ์เราจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่อาจจะทำให้ปณิธานของท่านเป็นจริงได้หรอกรู้เอาไว้!!!"
ไมดัสตะคอกออกมาเสียงของเขาดังสนั่นไปทั่วพื้นที่แถวนั้น เขาเดินผ่านพวกชายชุดดำไปอย่างช้าๆ สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย จ้องมองไปที่รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่จอดนิ่งสนิดอยู่ตรงหน้าของเขา
"แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งที่มันหนักหนาสาหัส จนมันไม่น่าให้อภัยสำหรับพวกแกเลยก็คือ...."
ทันทีที่ไมดัสพูดจบ รถบรรทุกคันนั้นก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเองโดยที่ไม่ได้ติดเครื่องยนต์อะไรเลย เหมือนถูกเวทมนต์ของใครทำให้มันขยับอย่างไงอย่างงั้น
ตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้เป็นที่กำบังกายของใครบางคนนั้นถูกเปิดออก ทำให้เผยร่างของชายหนุ่มชุดนักเรียนสีแดงที่แอบอยู่ข้างหลังตู้คอนเทนเนอร์อยู่นั้นตั้งนาน ด้วยความตกใจทำให้เรยหงายหลังล้มลง
"พวกแกพาแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาด้วยยังไงล่ะ"
ตอนนี้เรยทำอะไรไม่ถูกแล้ว นัยน์ตาเบิกกว้างตัวสั่นระริกเพราะความหวาดกลัว สายตาของเหล่าชายชุดดำทั้งหมดจับจ้องมาที่ชายหนุ่มเสื้อนักเรียนสีแดงที่กำลังนั่งอยู่เพียงคนเดียว และเหมือนเป็นสิ่งที่พวกเขาถูกฝึกมานาน พวกเขายกปืนที่อยู่ข้างๆเอวขึ้นมาและเล็งไปที่เรยทันทีที่เห็นเขา
"ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีเด็กนักเรียนจากไนท์เบลดมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่แกคงรู้เรื่องหมดแล้วสินะ บุกเดี่ยวมาซะไกลถึงที่นี่ได้ ในฐานะนักเรียนก็ถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียว แต่... อนาคตของแกมันกำลังจะจบลงแค่นี้ล่ะ"
... เสร็จกัน ซวยล่ะสิเรา ทำยังไงดี ...
ไมดัสใช้นิ้วชี้เหนี่ยวไกลปืนอย่างช้าๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เรยรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามาในหัวของเขาแล้วบอกให้หนี ทันทีที่ปืนลั่นไกลออกไปเขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตออกจากที่โล่งแจ้งนั่น
เรยพยายามหาสถานที่ๆจะไปหลบแถวๆย่านชุมชน แต่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นมีแต่ต้นไม้กับซากอาคารร้างที่ผุพังอยู่เต็มไปหมด เขาจึงต้องจำใจขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึกร้างแห่งหนึ่งใกล้ๆที่มีอยู่ 7 ชั้น และสามารถมองทิวทัศน์ได้รอบๆ เมื่อเรยขึ้นมาถึงเขาก็มองไปรอบๆที่ทิวทัศน์ตรงหน้า
จากป่ากับซากตึกที่พังไปอีกฝั่งหนึ่งก็จะกลายเป็นเมืองใหญ่ที่มีตึกราวบ้านช่องอยู่เต็มไปหมดเรียงรายกันนับไม่ถ้วน เขาไม่ค่อยคุ้นกับทิวทัศน์ของที่นี่เลย เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองไนท์เบลดที่เขาอาศัยอยู่ แต่เป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีระยะทางที่ไกลกว่ามากๆ เป็นเมืองที่ถัดจากเมืองไนท์เบลดไปกว่าสี่เมืองมีชื่อว่า บาราคู
... อะไรกันเนี่ย นี่มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรกับชีวิตของเราเนีย เรื่องที่เราจะถูกฆ่า มิหนำซ้ำเรายังมาอยู่เมืองที่ห่างจากไนท์เบลดเป็นหลายร้อยกิโลเมตรได้ยังไงกัน หรือว่า เพราะไอ้เจ้าเครื่องปฏิกรณ์นั่น... ไม่ได้! เราจะมามัวคิดแต่เรื่องไร้สาระอยู่ไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือหาทางหนีไปจากที่นี่ให้ได้ ให้ตายสิแล้วเราต้องทำยังไงเนีย!!! พวกนั้นก็มีตั้งเยอะ อาวุธเราก็ไม่มี จะหนีเข้าไปในเมืองก็อีกตั้งไกล ทำไงดี เราจะทำยังไงดี ถึงจะไปจากที่นี่ได้!! ต้องทำยังไง!!! ...
เรยเอามือกุมขมับคิดไม่ตกอยู่นานมาก ในหัวของเขามีแต่ความกังวล หวาดกลัว สับสนวุ่นวาย แต่เขาต้องสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปให้หมด แล้วก็ตัดสินใจได้ที่จะเดินลงไปข้างล่างและจะแอบหนีออกไปถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยาก
เขาวิ่งลงมาจากชั้นบนสุดด้วยความรวดเร็ว แต่เมื่อถึงชั้นที่สี่เขาก็ต้องรีบหาที่หลบซ่อนตัว เพราะว่าเสียงฝีเท้าที่ดังหลายครั้งกำลังขึ้นมายังข้างบน เรยจึงตัดสินใจวิ่งไปหลบอยู่ที่ห้องฝั่งตรงกันข้ามของบันได เพราะว่าห้องนั้นยังมีห้องน้ำให้แอบซ่อนตัวอยู่เพราะการที่จะเผชิญหน้ากันเป็นกลุ่มมีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่จะชนะ
เรยเลือกที่จะใช้แผนกองโจรโดยการดักซุ่มโจมตี เป็นกลอุบายที่เขาได้รับความรู้มาจาก พรีแอมและโนบุกะ เพื่อนที่โรงเรียนของเขาในตอนที่เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ออนไลน์ด้วยกัน แต่ตัวเรยเองก็ยังไม่แน่ใจว่าความคิดง่ายๆแบบนั้น มันจะได้ผลหรือไม่ ถ้าเทียบกับชีวิตของเขาแล้วมันก็คุ้มถ้าจะลองเสี่ยงดู
เรยแฝงกายอยู่ในความมืดนั้น รอจังหวะที่ชายชุดดำคนหนึ่งที่กำลังค่อยๆก้าวเข้าห้องน้ำที่เขามาหลบอยู่อย่างช้าๆ และเมือถึงเวลาที่เข้าใกล้เรยมากที่สุด เขาก็จะลากชายชุดดำคนนั้นเข้าไปเชือดอย่างรวดเร็วที่สุด และเงียบเชียบที่สุด แต่ทว่า...
- ตี๊ดๆๆๆๆๆ -
เพราะเสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา ในระหว่างที่เรยกำลังจะเข้าไปรวบตัวชายชุดดำตรงหน้าทำให้ชายชุดดำไหวตัวทันและตามมาด้วยกระบอกปืนเข้าไปที่หน้าของเรยเต็มๆ
"โธ่เรย... เรยทำไมถึงไม่รับโทรศัพย์นะ จะเป็นยังไงบ้างเนีย เรย..."
หลินบ่นในใจพร้อมกับกำโทรศัพย์แน่นด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตาสั่นระริกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อนคนสนิทของเธอ
ตอนนี้เรยถูกชายชุดดำลากออกมาจากห้องน้ำที่เขาใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวเมื่อกี้ เขาถูกไมดัสถีบเข้าไปท้องน้อยจนหลังของเรยกระแทกกับกับฝาผนังอย่างไร้ซึ่งทางหนี ปากกระบอกปืนจ่อตรงมายังคนที่ร่ายกายกำลังสั่นไปหมดเพราะว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้
"ฮ่าๆๆ คิดจะสู้กับคนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีนะเหรอ มันยังเร็วไปอีกสิบปีนะไอ้หนู" ว่าแล้วไมดัสก็หวดกำปั้นเข้าไปที่หน้าของเรยหนึ่งที่แรงๆจนเรยล้มลงไป
"อย่าบอกนะว่าที่แกแอบตามพวกเรามาก็เพราะแกมาทวงของๆแกคืน" ไมดัสพูดพร้อมกับใช้มือตบไปที่โหลแก้วเบาๆ เรยปาดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก มือสองข้างกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ
"หนอยยยยย.....ทำไมพวกแกถึงขโมยแหวนนั้นไป พวกแกจะทำอะไรกันแน่!!!..." แม้จะเกิดความกลัว แต่เรยเองก็ยังอยากจะปกป้องแหวนวงนั้นไว้
"สงสัยอย่างงั้นเหรอเจ้าหนู งั้นฉันก็จะบอกแกให้รู้เอาไว้ก่อนตายก็แล้วกัน..." รอยยิ้มหยันที่ดูน่ารังเกียจปรากฏตรงหน้าของเรย
"ก็เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ยังไงล่ะ ถึงเวลาของยุคสมัยที่ท่านจักรพรรดิจะได้ฟื้นขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้อีกครั้ง พลังแห่งเทพเจ้าจะช่วยถอนคำสาบของท่าน และเมื่อท่านฟื้นขึ้นมาพวกเราพร้อมจะทำสงคราม เมื่อถึงตอนนั้นจะไม่มีอะไรหยุดพวกเราได้..."
"...เพื่อให้จักรพรรดิฟื้นคืนชีพ! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!! อย่าบอกนะว่า โลงศพโลงนั้น!..."
"ถูกต้องแล้ว วิญญาณขององค์จักรพรรดิหลับใหลอยู่ในนั้น จะต้องใช้พลังแห่งแหวนนี่ในการฟื้นคืนชีพขึ้นมา เป็นแผนการเล็กๆซึ่งจะเป็นความลับที่เราให้ใครรู้ไม่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะพวกแกชาวไนท์เบลด เพราะอย่างนั้นแกถึงต้อง..."
และแล้วไมดัสเริ่มเอานิ้วมือเข้าโก่งไกลแห่งมัจจุราช เรยขบฟันแน่น กำหมัดที่เปื้อนเลือดนั่นโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ ร่างกายขยับไปไหนไม่ได้เลยแม้ไม่ได้ถูกล่ามโซ่หรือถูกล๊อคอะไรไว้
"เอาละทีนี้ฉันจะได้สะสางเรื่องราวให้หมดสักที บอกลาโลกนี้ได้แล้วพ่อหนุ่มชาวไนท์เบลด.." ไมดัสเตรียมเหนี่ยวไกลกำลังจะยิงกระสุนออกมาแล้ว
... เรามาได้แค่นี้เหรอ ชีวิตของเราต้องมาจบเพียงแค่นี้เองเหรอ โดยที่เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็ตายไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ!!!! ...
หัวใจของเรยเต้นระรัว จิตใจของเรยกำลังอ้อนวอนและภาวะนา
... พลัง!!! ขอแค่มีพลัง พลังที่จะทำให้หนีออกไปจากที่นี่ พลังที่จะชนะทุกๆสิ่ง พลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลก!!!!!!!!!! ...
- เปรี่ยง!!! เพล้งงงงง!!! -
เรยหลับตาปี๋ หัวใจตกวูป ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือภาพของกระสุนที่กำลังพุ่งเข้ามาหาอย่างช้าๆ แต่ว่าตอนนี้ทำไมเขารู้สึกว่าร่างกายของเรยมันอบอุ่นผิดปกติ
เมื่อเรยเปิดตาดูเท่านั้นเองเรื่องที่แสนประหลาดได้เกิดขึ้นตรงหน้าของเขา รอบๆตัวของเรยตอนนี้เต็มไปด้วยออร่าสีแดง กระสุนที่น่าจะเจาะเข้าไปที่หัวกะโหลกของเขาแล้ว กลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา
เรยละสายตาจากกระสุนไปยังสิ่งของสิ่งหนึ่งที่ลอยอยู่ตรงหน้าของเขา นั่นคือแหวนที่น่าจะอยู่ที่โถแก้วแต่กลับมาลอยอยู่ตรงหน้าของเขา เรยไม่คิดอะไรทั้งนั้นแล้ว รีบคว้าแหวนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับสวมไปที่นิ้วของเขาทันที...
KP Fighter โรงเรียนนักสู้ ตอนที่ 2 : นักรบสีแดงถือกำเนิด
เรยบ่นพรึมพรำอยู่ภายใต้ความมืดมิดในตู้คอนเทนเนอร์นั้น เขาเดินวนไปรอบๆตู้เพื่อที่จะหาทางออกไปจากที่นั่นให้ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาสามารถเห็นโลกภายนอกได้ดูเหมือนจะมีแต่ช่องบนเพดานของตู้คอนเทนเนอร์เท่านั้น
เรยต้องหาที่หลบซ่อนตัวทันทีเมื่อเสียงฝีเท้าที่กำลังค่อยๆใกล้เข้ามา เขาเลือกที่จะหลบที่หลังเครื่องที่คล้ายกับเครื่องปฏิกรณ์นั่น ไม่นานนักประตูตู้คอนเทนเนอร์ก็ได้ถูกเปิดออกจากตัวล็อคที่อยู่ภายนอก
กลุ่มชายชุดดำลุกลี้ลุกลนเข้ามาเพื่อมานำโถ่แก้วซึ่งในนั้นบรรจุแหวนแห่งไนท์เบลดเอาไว้ไปด้วย โดยที่พวกเขาไม่ได้หันกลับมาปิดตู้คอนเทนเนอร์แต่อย่างใด
ทันทีที่กลุ่มชายชุดดำออกไปเรยจึงค่อยๆแอบย่องตามหลังไป แต่ก่อนที่เขาจะได้ออกไปนั้น สายตาของเขาได้ไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างซะก่อน ทำให้เรยเกิดความสนใจที่จะพิจารณาดูอยู่ครู่หนึ่ง แสงจากโลกภายนอกผ่านเข้ามาทำให้เขาได้เห็นรูปร่างของมัน
มันมีรูปร่างคล้ายกับโลงศพอะไรสักอย่างที่เป็นสีดำ รอบๆเต็มไปด้วยอักษรโบราณสีแสนเก่าแก่ที่เกินกว่าที่ความรู้ในหัวของเรยจะอ่านมันออก
... อะไรกันเนีย ทำไมถึงมีโลงศพมาอยู่ที่นี่ได้นะ ...
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรสำหรับเขา เรยไม่รอช้ารีบคิดหาทางหนีออกไปจากที่นั่น แต่เมื่อเขาได้มาเห็นสิ่งแวดล้อมภายนอกตู้คอนเทนเนอร์นั่นก็ทำให้เขายืนอึ้งอยู่ตรงนั้นไปพักใหญ่
สิ่งก่อสร้างร้างรวมไปถึงรอบๆก็เต็มไปด้วยป่าทึบ ที่นี่เป็นวิวทิวทัศน์ที่เขาไม่คุ้นตา แต่ที่เขาแน่ใจได้นั่นก็คือ บรรยากาศแบบนี้รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมรอบๆไม่ใช่ในเมืองไนท์เบลดแน่นอน และเพราะเสียงที่ดังขึ้นตรงหน้าของเขาถัดไปจากเขาไม่ไกลนักทำให้เขาต้องรีบกลับไปหลบหลังตู้คอนเทนเนอร์อีกครั้ง
"เป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีรึเปล่า?" น้ำเสียงที่ดูมีอำนาจของชายผู้หนึ่งกล่าวขึ้น
"ครับ ของที่ท่านสั่งอยู่นี่ครับ" พวกชายชุดดำยื่นโถที่บรรจุแหวนอยู่ข้างในให้กับคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา
เรยกลืนน้ำลายตัวเองเพื่อที่จะแอบดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า กลุ่มชายชุดดำกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งคุกเข่าให้กับชายที่ไว้หนวดยาวๆ ดูจากการแต่งตัวแล้วเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการในชุดสีกากีที่ประดับเครื่องหมายต่างๆมากมาย ชายคนนี้ต้องทำงานรับราชกาลแน่นอน สายตาที่เต็มไปด้วยความโลภ จ้องมองไปที่แหวนที่อยู่ข้างในแล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างดูหน้ากลัว
"ดีมาก พลังแห่งแหวนนี่ล่ะที่จะทำให้องค์จักรพรรดิฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้ง" เขาหัวเราะครั้งหนึ่งแล้วหันหลังให้กับชายชุดดำพวกนั่นทันที
"เอ่อท่านไมดัสครับ แล้วเรื่องการเลื่อนตำแหน่งของพวกเราละครับ" ชายชุดดำคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เจื่อนๆจนฟังดูไม่ค่อยชัดสักเท่าไรนัก
"เห๊อะ! พวกแกคิดว่านี่เป็นภารกิจที่เหมาะสมจะไปรายงานต่อท่านเจ้านายเรอะ!" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
"เกือบโดนพวกตำรวจกระจอกๆจับได้ แถมยังเกือบนำแหวนแห่งอัคคีนี้มาไม่ได้อีกทั้งๆที่พวกแกก็ไปกันตั้งเยอะ กลับสู้ยัยอาจารย์ผู้หญิงนั่นเพียงคนเดียวยังไม่ได้ ถ้าฉันรายงานเรื่องนี้กับท่านเจ้านายพวกแกละก็จะเป็นยังไงรู้รึเปล่า!!!..."
"เอ่อ...คือ" ตอนนี้พวกชุดดำได้แต่นั่งก้มหัวโดยที่ไม่ได้พูดอะไรถึงแม้ว่าจะอยากพูดก็ตามทันทีที่เห็นไมดัสขบฟันแน่น
"พวกแกรู้ไหมว่าจะต้องใช้พลังมากมายขนาดไหนในการที่จะทำให้ท่านจักรพรรดิฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง ถ้าไม่ใช้พลังแห่งเทพเจ้าที่สถิตอยู่ในแหวนนี้แล้วละก็ ต่อให้องกรณ์เราจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่อาจจะทำให้ปณิธานของท่านเป็นจริงได้หรอกรู้เอาไว้!!!"
ไมดัสตะคอกออกมาเสียงของเขาดังสนั่นไปทั่วพื้นที่แถวนั้น เขาเดินผ่านพวกชายชุดดำไปอย่างช้าๆ สายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย จ้องมองไปที่รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่จอดนิ่งสนิดอยู่ตรงหน้าของเขา
"แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งที่มันหนักหนาสาหัส จนมันไม่น่าให้อภัยสำหรับพวกแกเลยก็คือ...."
ทันทีที่ไมดัสพูดจบ รถบรรทุกคันนั้นก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเองโดยที่ไม่ได้ติดเครื่องยนต์อะไรเลย เหมือนถูกเวทมนต์ของใครทำให้มันขยับอย่างไงอย่างงั้น
ตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้เป็นที่กำบังกายของใครบางคนนั้นถูกเปิดออก ทำให้เผยร่างของชายหนุ่มชุดนักเรียนสีแดงที่แอบอยู่ข้างหลังตู้คอนเทนเนอร์อยู่นั้นตั้งนาน ด้วยความตกใจทำให้เรยหงายหลังล้มลง
"พวกแกพาแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาด้วยยังไงล่ะ"
ตอนนี้เรยทำอะไรไม่ถูกแล้ว นัยน์ตาเบิกกว้างตัวสั่นระริกเพราะความหวาดกลัว สายตาของเหล่าชายชุดดำทั้งหมดจับจ้องมาที่ชายหนุ่มเสื้อนักเรียนสีแดงที่กำลังนั่งอยู่เพียงคนเดียว และเหมือนเป็นสิ่งที่พวกเขาถูกฝึกมานาน พวกเขายกปืนที่อยู่ข้างๆเอวขึ้นมาและเล็งไปที่เรยทันทีที่เห็นเขา
"ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีเด็กนักเรียนจากไนท์เบลดมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่แกคงรู้เรื่องหมดแล้วสินะ บุกเดี่ยวมาซะไกลถึงที่นี่ได้ ในฐานะนักเรียนก็ถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียว แต่... อนาคตของแกมันกำลังจะจบลงแค่นี้ล่ะ"
... เสร็จกัน ซวยล่ะสิเรา ทำยังไงดี ...
ไมดัสใช้นิ้วชี้เหนี่ยวไกลปืนอย่างช้าๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เรยรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามาในหัวของเขาแล้วบอกให้หนี ทันทีที่ปืนลั่นไกลออกไปเขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตออกจากที่โล่งแจ้งนั่น
เรยพยายามหาสถานที่ๆจะไปหลบแถวๆย่านชุมชน แต่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นมีแต่ต้นไม้กับซากอาคารร้างที่ผุพังอยู่เต็มไปหมด เขาจึงต้องจำใจขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึกร้างแห่งหนึ่งใกล้ๆที่มีอยู่ 7 ชั้น และสามารถมองทิวทัศน์ได้รอบๆ เมื่อเรยขึ้นมาถึงเขาก็มองไปรอบๆที่ทิวทัศน์ตรงหน้า
จากป่ากับซากตึกที่พังไปอีกฝั่งหนึ่งก็จะกลายเป็นเมืองใหญ่ที่มีตึกราวบ้านช่องอยู่เต็มไปหมดเรียงรายกันนับไม่ถ้วน เขาไม่ค่อยคุ้นกับทิวทัศน์ของที่นี่เลย เพราะว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองไนท์เบลดที่เขาอาศัยอยู่ แต่เป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีระยะทางที่ไกลกว่ามากๆ เป็นเมืองที่ถัดจากเมืองไนท์เบลดไปกว่าสี่เมืองมีชื่อว่า บาราคู
... อะไรกันเนี่ย นี่มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรกับชีวิตของเราเนีย เรื่องที่เราจะถูกฆ่า มิหนำซ้ำเรายังมาอยู่เมืองที่ห่างจากไนท์เบลดเป็นหลายร้อยกิโลเมตรได้ยังไงกัน หรือว่า เพราะไอ้เจ้าเครื่องปฏิกรณ์นั่น... ไม่ได้! เราจะมามัวคิดแต่เรื่องไร้สาระอยู่ไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือหาทางหนีไปจากที่นี่ให้ได้ ให้ตายสิแล้วเราต้องทำยังไงเนีย!!! พวกนั้นก็มีตั้งเยอะ อาวุธเราก็ไม่มี จะหนีเข้าไปในเมืองก็อีกตั้งไกล ทำไงดี เราจะทำยังไงดี ถึงจะไปจากที่นี่ได้!! ต้องทำยังไง!!! ...
เรยเอามือกุมขมับคิดไม่ตกอยู่นานมาก ในหัวของเขามีแต่ความกังวล หวาดกลัว สับสนวุ่นวาย แต่เขาต้องสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปให้หมด แล้วก็ตัดสินใจได้ที่จะเดินลงไปข้างล่างและจะแอบหนีออกไปถึงแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยาก
เขาวิ่งลงมาจากชั้นบนสุดด้วยความรวดเร็ว แต่เมื่อถึงชั้นที่สี่เขาก็ต้องรีบหาที่หลบซ่อนตัว เพราะว่าเสียงฝีเท้าที่ดังหลายครั้งกำลังขึ้นมายังข้างบน เรยจึงตัดสินใจวิ่งไปหลบอยู่ที่ห้องฝั่งตรงกันข้ามของบันได เพราะว่าห้องนั้นยังมีห้องน้ำให้แอบซ่อนตัวอยู่เพราะการที่จะเผชิญหน้ากันเป็นกลุ่มมีโอกาสเป็นไปได้น้อยที่จะชนะ
เรยเลือกที่จะใช้แผนกองโจรโดยการดักซุ่มโจมตี เป็นกลอุบายที่เขาได้รับความรู้มาจาก พรีแอมและโนบุกะ เพื่อนที่โรงเรียนของเขาในตอนที่เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ออนไลน์ด้วยกัน แต่ตัวเรยเองก็ยังไม่แน่ใจว่าความคิดง่ายๆแบบนั้น มันจะได้ผลหรือไม่ ถ้าเทียบกับชีวิตของเขาแล้วมันก็คุ้มถ้าจะลองเสี่ยงดู
เรยแฝงกายอยู่ในความมืดนั้น รอจังหวะที่ชายชุดดำคนหนึ่งที่กำลังค่อยๆก้าวเข้าห้องน้ำที่เขามาหลบอยู่อย่างช้าๆ และเมือถึงเวลาที่เข้าใกล้เรยมากที่สุด เขาก็จะลากชายชุดดำคนนั้นเข้าไปเชือดอย่างรวดเร็วที่สุด และเงียบเชียบที่สุด แต่ทว่า...
- ตี๊ดๆๆๆๆๆ -
เพราะเสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา ในระหว่างที่เรยกำลังจะเข้าไปรวบตัวชายชุดดำตรงหน้าทำให้ชายชุดดำไหวตัวทันและตามมาด้วยกระบอกปืนเข้าไปที่หน้าของเรยเต็มๆ
"โธ่เรย... เรยทำไมถึงไม่รับโทรศัพย์นะ จะเป็นยังไงบ้างเนีย เรย..."
หลินบ่นในใจพร้อมกับกำโทรศัพย์แน่นด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตาสั่นระริกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความเป็นห่วงเพื่อนคนสนิทของเธอ
ตอนนี้เรยถูกชายชุดดำลากออกมาจากห้องน้ำที่เขาใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวเมื่อกี้ เขาถูกไมดัสถีบเข้าไปท้องน้อยจนหลังของเรยกระแทกกับกับฝาผนังอย่างไร้ซึ่งทางหนี ปากกระบอกปืนจ่อตรงมายังคนที่ร่ายกายกำลังสั่นไปหมดเพราะว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้
"ฮ่าๆๆ คิดจะสู้กับคนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีนะเหรอ มันยังเร็วไปอีกสิบปีนะไอ้หนู" ว่าแล้วไมดัสก็หวดกำปั้นเข้าไปที่หน้าของเรยหนึ่งที่แรงๆจนเรยล้มลงไป
"อย่าบอกนะว่าที่แกแอบตามพวกเรามาก็เพราะแกมาทวงของๆแกคืน" ไมดัสพูดพร้อมกับใช้มือตบไปที่โหลแก้วเบาๆ เรยปาดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก มือสองข้างกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ
"หนอยยยยย.....ทำไมพวกแกถึงขโมยแหวนนั้นไป พวกแกจะทำอะไรกันแน่!!!..." แม้จะเกิดความกลัว แต่เรยเองก็ยังอยากจะปกป้องแหวนวงนั้นไว้
"สงสัยอย่างงั้นเหรอเจ้าหนู งั้นฉันก็จะบอกแกให้รู้เอาไว้ก่อนตายก็แล้วกัน..." รอยยิ้มหยันที่ดูน่ารังเกียจปรากฏตรงหน้าของเรย
"ก็เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ยังไงล่ะ ถึงเวลาของยุคสมัยที่ท่านจักรพรรดิจะได้ฟื้นขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้อีกครั้ง พลังแห่งเทพเจ้าจะช่วยถอนคำสาบของท่าน และเมื่อท่านฟื้นขึ้นมาพวกเราพร้อมจะทำสงคราม เมื่อถึงตอนนั้นจะไม่มีอะไรหยุดพวกเราได้..."
"...เพื่อให้จักรพรรดิฟื้นคืนชีพ! นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!! อย่าบอกนะว่า โลงศพโลงนั้น!..."
"ถูกต้องแล้ว วิญญาณขององค์จักรพรรดิหลับใหลอยู่ในนั้น จะต้องใช้พลังแห่งแหวนนี่ในการฟื้นคืนชีพขึ้นมา เป็นแผนการเล็กๆซึ่งจะเป็นความลับที่เราให้ใครรู้ไม่ได้เป็นอันขาด โดยเฉพาะพวกแกชาวไนท์เบลด เพราะอย่างนั้นแกถึงต้อง..."
และแล้วไมดัสเริ่มเอานิ้วมือเข้าโก่งไกลแห่งมัจจุราช เรยขบฟันแน่น กำหมัดที่เปื้อนเลือดนั่นโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้ ร่างกายขยับไปไหนไม่ได้เลยแม้ไม่ได้ถูกล่ามโซ่หรือถูกล๊อคอะไรไว้
"เอาละทีนี้ฉันจะได้สะสางเรื่องราวให้หมดสักที บอกลาโลกนี้ได้แล้วพ่อหนุ่มชาวไนท์เบลด.." ไมดัสเตรียมเหนี่ยวไกลกำลังจะยิงกระสุนออกมาแล้ว
... เรามาได้แค่นี้เหรอ ชีวิตของเราต้องมาจบเพียงแค่นี้เองเหรอ โดยที่เรายังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วก็ตายไปง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ!!!! ...
หัวใจของเรยเต้นระรัว จิตใจของเรยกำลังอ้อนวอนและภาวะนา
... พลัง!!! ขอแค่มีพลัง พลังที่จะทำให้หนีออกไปจากที่นี่ พลังที่จะชนะทุกๆสิ่ง พลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลก!!!!!!!!!! ...
- เปรี่ยง!!! เพล้งงงงง!!! -
เรยหลับตาปี๋ หัวใจตกวูป ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือภาพของกระสุนที่กำลังพุ่งเข้ามาหาอย่างช้าๆ แต่ว่าตอนนี้ทำไมเขารู้สึกว่าร่างกายของเรยมันอบอุ่นผิดปกติ
เมื่อเรยเปิดตาดูเท่านั้นเองเรื่องที่แสนประหลาดได้เกิดขึ้นตรงหน้าของเขา รอบๆตัวของเรยตอนนี้เต็มไปด้วยออร่าสีแดง กระสุนที่น่าจะเจาะเข้าไปที่หัวกะโหลกของเขาแล้ว กลับมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา
เรยละสายตาจากกระสุนไปยังสิ่งของสิ่งหนึ่งที่ลอยอยู่ตรงหน้าของเขา นั่นคือแหวนที่น่าจะอยู่ที่โถแก้วแต่กลับมาลอยอยู่ตรงหน้าของเขา เรยไม่คิดอะไรทั้งนั้นแล้ว รีบคว้าแหวนที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับสวมไปที่นิ้วของเขาทันที...