หลังจากที่ Note 3 วางขายมานาน ผมก็พึ่งจะได้มีโอกาสเล่นจริงๆจังๆ ซึ่งรุ่นที่ผมได้มาลองเล่น เป็นเครื่องศูนย์ CPU Exynos
และเนื่องจากว่ารุ่นนี้วางขายนานแล้ว ดังนั้นในรีวิวนี้ผมจะคัดเฉพาะ "เรื่องเด่นๆ" คงไม่ใช่ "รีวิวฉบับเต็ม" ซึ่งบางเรื่องอาจจะไม่ใช่ของใหม่ เพียงแต่น่าสนใจ ผมก็หยิบมาบอกเล่าครับ
ก่อนอื่นมาดูสเป็กคร่าวๆ
- CPU Exynos 5420 (4 core 1.9 GHz + 4 core 1.3 GHz) ในรุ่น N9000
CPU Snapdragon 800 (4 core 2.3 GHz) ในรุ่น N9005
- RAM 3 GB (เหลือใช้จริงราว 900 MB)
- พื้นที่ภายใน 32 GB รองรับการใส่ Micro SD
- หน้าจอ 5.7 นิ้ว Full HD (386 PPI)
- กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 2 ล้าน
- รองรับ ANT+, USB 3.0 และใช้งานเป็นรีโมท
- น้ำหนัก 168 กรัม
ขนาดตัวเครื่อง เทียบกับรุ่นอื่นๆที่ผมมี
ดูแล้วเหมือนว่า Note 3 จะบางกว่า LG G2 แต่ในความเป็นจริง ตัวกล้องมันยื่นออกมาจากเครื่องอีก
ส่วนฝาหลังที่ทำให้ดูเหมือนใช้หนังสัตว์ เมื่อสัมผัสจริงมันก็คือพลาสติกดีๆนี่เอง
ถ่ายโอนไฟล์ได้เร็ว
Galaxy Note 3 เป็นมือถือรุ่นแรกที่รองรับการถ่ายโอนไฟล์ผ่าน USB 3.0 ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วมันเร็วกว่ารุ่นอื่นๆ ถึง 10 เท่า
(รูปประกอบ:
http://www.phonearena.com/news/Samsung-Galaxy-Note-3-supports-USB-3.0-heres-the-benefit_id48511 )
และรุ่นนี้รองรับ USB OTG หมายความว่าเราสามารถเสียบ Ext. HDD แบบ USB 3.0 แล้วส่งไฟล์กันได้โดยตรง ซึ่งถ้าอยากถ่ายโอนไฟล์กับ Ext. HDD แบบเต็มความเร็ว USB 3.0 ต้องหาซื้อสาย OTG แบบนี้ครับ
(รูปประกอบ:
http://www.ebay.com/itm/OTG-Data-Cable-USB3-0-A-Female-to-Micro-B-Male-for-SAMSUNG-Galaxy-Note-3-Black-/231091269660?pt=US_USB_Cables_Hubs_Adapters&hash=item35ce1cf01c )
แต่เนื่องจากผมไม่มี OTG แบบที่ว่า เลยใช้แบบเดิมแทน
และอย่างที่เห็นคือเราไม่ต้องเสียบเต็มช่อง หมายความว่าเราสามารถเสียบชาร์จด้วยสายรุ่นอื่นๆได้ (Micro USB) ซึ่งหลายคนยังไม่รู้
แรม 3 GB
เป็นที่รู้กันว่าซัมซุง เป็นหนึ่งในมือถือที่กินแรมมากๆ เนื่องจากพี่ท่านยัดลูกเล่นมาให้เยอะเกิ๊น... ในเมื่อยืนยันจะเน้นแนวทางยัดลูกเล่นมากมายแบบนี้ ทางออกก็คือการเพิ่มแรมเป็น 3 GB ซึ่งเยอะสุดในขณะนี้ นับว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ทำให้เหลือแรมใช้จริงมากขึ้น
แม้ว่าหลายคน (รวมทั้งผม) มักพูดว่า "สเป็กเยอะกว่า ไม่ได้แปลว่าดีกว่าเสมอไป" แต่ถ้าเทียบง่ายๆว่า Note 3 ที่มีแรม 3 GB ก็น่าจะดีกว่า Note 3 ที่มี 2 GB ...เข้าทำนองที่ว่า "เหลือดีกว่าขาด"
แบตอึด
นอกจากความจุแบตที่มีขนาด 3200 mAh แล้วยังมีโหมด Power saving mode เพื่อประหยัดพลังงานอีกด้วย
ปรกติแล้วผมจะเปิดใช้งานเมื่ออยู่ระหว่างเดินทางและไม่มีที่ให้ชาร์จแบต แต่ผมไม่แนะนำให้เปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา เพราะมันจะทำการลดความเร็ว ลดแสงหน้าจอ ส่งผลให้ทำงานไม่เต็มที่ และอาจกระตุกเมื่อต้องประมวลผลหนักๆ
อ่านง่าย สบายตา
จุดเด่นของซัมซุงคือหน้าจอสีสันจี๊ดบาดใจเมื่อแรกพบ แต่มันจะทรมานมากเมื่อต้องมองหน้าจอเป็นเวลานานๆ อย่างเช่นการอ่าน ebook หรืออ่านบทความบนหน้าเว็บ
สิ่งที่แก้ปัญหานี้คือ Reading Mode พูดง่ายๆคือ "โหมดจอเหลือง" มันจะทำการปรับแสงหน้าจอให้ออกโทนอุ่น ทำให้อ่านสบายตาขึ้น โดยที่เราสามารถเลือกได้ว่าแอพไหนบ้างที่จะทำงานแบบ Reading Mode
และสิ่งที่มีมานานแต่คนไม่ค่อยรู้คือ Reader สำหรับแปลงหน้าเว็บที่ดูวุ่นวาย ให้อ่านง่ายขึ้น
ที่คนไม่ค่อยรู้เพราะว่า มันจะใช้งานได้กับเว็บที่ออกแบบตามมาตรฐาน ถึงจะมีปุ่มออกมาให้กดใช้งาน
อีกระดับความปลอดภัยจาก KNOX
KNOX เป็นของใหม่ ที่คนทั่วไปไม่ค่อยใด้ใช้ เพราะมันออกแบบมาเพื่อใช้งานในองค์กร
เมื่อเราเปิดใช้งาน เข้าสู่ KNOX เราจะไม่เห็นแอพต่างๆที่เราเคยติดตั้งในโหมดปรกติ เนื่องจาก KNOX จะแยกข้อมูลเป็นอีกชุด ถ้าต้องการติดตั้งแอพเพิ่ม ต้องโหลดจาก Samsung KNOX Apps เพราะต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยก่อน ดังนั้นแอพบางตัวอาจจะใช้งานในโหมดนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่ผ่านการตรวจสอบ
กล้องดีขึ้น
กล้องก็ปรับปรุงจาก Note 2 ไปเยอะ มันฉลาดขึ้น ถ่ายที่แสงน้อยดีขึ้น ใช้เวลาประมวลผลเร็วขึ้น และยังคงไว้ด้วยลูกเล่นต่างๆ มากมายเช่นเคย
ถ้าให้เทียบกับรุ่นอื่นๆ อย่างเช่น LG G2 สิ่งที่ผมรู้สึกได้ชัดก็คือ G2 จับโฟกัสช้ากว่า เพราะมันพยายามให้ภาพนิ่งที่สุด แต่ G2 ใช้งานง่ายกว่า ส่วนไฟล์ผลลัพธ์ที่ได้ ถ้ามองผ่านๆก็ใกล้เคียงกัน (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
หมายเหตุ รูปนี้แสงต่างกันเนื่องจากไฟจากสตูดิโอครับ
แต่ที่น่าสนใจก็คือ Golf Mode ซึ่งเหมาะสำหรับนักกอล์ฟทั้งหลาย เนื่องจากมันสามารถบันทึกวงสวิงพร้อมทั้งบอกความเร็วในแต่ละช่วงได้
ตอนแรกก็ใช้ไม้กอล์ฟหวดดีๆอยู่หรอก ตอนหลังอยากรู้ว่ามันทำงานยังไง เลยลองเอา "ร่ม" มาหวด... มันก็ตรวจจับความเร็วได้ราว 170 km/h
ทีนี้สนุกใหญ่ ลองเอา "ไม้กวาด" มาหวดบ้าง ...แหม่ ความเร็วขึ้นไปราวๆ 185 km/h
ถ้าเราทำการ export ไฟล์ออกมาเป็นภาพนิ่ง จะได้รูปแบบประมาณนี้
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นจุดด้อยก็คือ ถ้าเรา export ออกมาเป็นคลิป มันก็จะเป็นคลิปธรรมดาๆ ไม่มี slow motion และไม่มีการวัดความเร็วให้ พูดง่ายๆก็คือมันต้องเปิดบน Note 3 เท่านั้น ถึงจะสมบูรณ์แบบ
เพิ่มความสะดวกให้ชีวิต
อย่างที่รู้กันว่าซัมซุงหลายๆรุ่น สามารถใช้งานแอพที่ชื่อว่า Galaxy Gift ได้
อธิบายง่ายๆก็คือ มันเป็นแอพเพื่อกดรับสิทธิพิเศษหรือโปรโมชั่น ซึ่งจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางครั้งก็มีบริการฟรี บางครั้งก็ลดราคา
เรื่องต่อมาเป็นของใหม่ ก็คือ AIS mPay rabbit sim คือการโดยสาร BTS ไม่จำเป็นต้องพกบัตรอีกต่อไป เพราะสามารถใช้ Note 3 แทนบัตรได้ โดยขอเปลี่ยนซิมที่ AIS (ได้ยินมาว่า ค่าเปลี่ยนซิม 500 บาท)
อีกส่วนที่คนรักสุขภาพชอบก็คือ S Health เสมือนผู้ช่วยในการออกกำลังกาย ตั้งแต่แคลอรี่อาหารที่ทาน (ไม่รองรับเมนูอาหารที่เป็นภาษาไทย) รวมถึงการเผาผลาญ
มีรีโมทให้ใช้ในยามจำเป็น เพราะผมคิดว่ายังไงรีโมทของจริงก็สะดวกกว่า
รองรับ VDO Call โทรแบบเห็นหน้า ข้อดีคือคิดค่าใช้จ่ายเหมือนการโทรปรกติ (ถาม AIS เค้าบอกผมมาแบบนี้) แต่ข้อเสียคือเนทต้องดีด้วย และยี่ห้ออื่นไม่ค่อยทำกัน สุดท้ายเราก็ใช้ Skype อยู่ดี
เชื่อมต่อเครื่องอื่น
Group Play ช่วยให้เล่นเปิดไฟล์เดียวกันบนหลายๆ เครื่อง ซึ่งผมยังไม่ค่อยเห็นประโยชน์จากการเอามือถือมาวางเรียงกันเพื่อเปิดหนังดู
แต่มันมีประโยชน์เวลาเปิดไฟล์เอกสารดูพร้อมกัน ถ้าเครื่องไหนอัพเดท ขีดเขียนเอกสาร มันก็จะไปอัพเดทที่เครื่องอื่นๆด้วย
ปากกาที่เก่งขึ้น
อย่างแรกก็คือ เราสามารถใช้ปากกากดที่ปุ่ม back , menu ได้
ลูกเล่นของปากกามีให้ใช้งาน 5 อย่าง
แต่ผมขอตัดเรื่อง Search ออกไป เพราะมันดูเป็นของธรรมดา
Action Memo เป็นมากกว่าการจดบันทึก เพราะสามารถนำข้อความไปทำอย่างอื่นได้ เช่น ค้นหาบนแผนที่ หรือโทรออก
Scrapbook ไว้สำหรับเก็บสิ่งที่เราชอบไว้ดูทีหลัง ส่วนที่ผมชอบเป็นพิเศษคือมันเก็บ YouTube และกด play ได้จาก Scrapbook ทันที
Screen Write มันคือการจับภาพหน้าจอธรรมดาๆ แล้วเอามาขีดเขียน เพียงแต่มันทำให้สะดวกขึ้น
Pen Window เราสามารถตีกรอบเพื่อวางแอพได้
ข้อเสียคือรองรับแอพน้อยไปหน่อย
การป้อนข้อมูล
มันรองรับ emoji แล้วครับ สามารถใส่ emoji ได้ และแสดงผลได้ถูกต้อง
การแปลงลายมือเป็นข้อความ สามารถเขียนไทยและอังกฤษโดยไม่ต้องกดสลับภาษา
สิ่งที่ปรับปรุง
Multi Window รองรับแอพมากขึ้น
Air view ตรวจจับนิ้วดีขึ้น ไม่ต้องอยู่ใกล้จอแบบแต่ก่อน
โดยรวมแล้วผมขอขนานนาม Galaxy Note 3 ว่า "The Magician" หรือนักมายากล เพราะมันมีอะไรที่แพรวพราว มีลูกเล่นน่าสนใจหลายอย่าง
...แต่ยังไม่สามารถเนรมิตอะไรได้เหมือน Wizard เพราะว่า note 3 สามารถทำอะไรได้เยอะมาก แต่มันเยอะเกินไป ...เยอะจนบางทีไม่ได้ใช้ เพราะมันไม่ฉลาดมากมายขนาดว่ากดปุ่มเดียวแล้ว auto ทุกอย่าง
ปัญหาที่ผมเจอแล้วปวดหัวกับมัน มีอยู่ 2 เรื่องคือ
- ความร้อนของตัวเครื่อง มากกว่ารุ่นอื่นๆที่ผมเคยเล่น วิธีแก้คือรอให้มันทำงานเสร็จหรือรีสตาทเครื่องสักรอบ
- อัลบั้มรูปค้างจนเบื่อ หลังจากสอบถามจากเพื่อนๆทีมงาน GadzBox (ทีมงานจัดมิตติ้ง Note 3) เค้าบอกว่าปัญหาเกิดจากการ sync Dropbox ถ้ามันยังสูบไม่หมด ก็อาจเกิดปัญหาเช่นนี้
Special Thanks: Ommdroid และทีมงาน GadzBox สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อ่านเต็มๆได้ที่
http://www.bacidea.com/review-samsung-galaxy-note-3.html
edit เพิ่มเติม ลืมก๊อป
ปัญหาเครื่องร้อนหรืออื่นๆ ส่วนใหญ่เกิดจาก software แต่ซัมซุงไทยก็พยายามปรับปรุงเรื่องนี้
โดยให้ผู้ใช้งานรายงานปัญหา เพื่อซัมซุงจะได้ทำการแก้ไขต่อไป โดย
แจ้งตามช่องทางสำหรับรายงานปัญหา
[SR] รีวิว Samsung Galaxy Note 3 by bacidea
หลังจากที่ Note 3 วางขายมานาน ผมก็พึ่งจะได้มีโอกาสเล่นจริงๆจังๆ ซึ่งรุ่นที่ผมได้มาลองเล่น เป็นเครื่องศูนย์ CPU Exynos
และเนื่องจากว่ารุ่นนี้วางขายนานแล้ว ดังนั้นในรีวิวนี้ผมจะคัดเฉพาะ "เรื่องเด่นๆ" คงไม่ใช่ "รีวิวฉบับเต็ม" ซึ่งบางเรื่องอาจจะไม่ใช่ของใหม่ เพียงแต่น่าสนใจ ผมก็หยิบมาบอกเล่าครับ
ก่อนอื่นมาดูสเป็กคร่าวๆ
- CPU Exynos 5420 (4 core 1.9 GHz + 4 core 1.3 GHz) ในรุ่น N9000
CPU Snapdragon 800 (4 core 2.3 GHz) ในรุ่น N9005
- RAM 3 GB (เหลือใช้จริงราว 900 MB)
- พื้นที่ภายใน 32 GB รองรับการใส่ Micro SD
- หน้าจอ 5.7 นิ้ว Full HD (386 PPI)
- กล้องหลัง 13 ล้าน กล้องหน้า 2 ล้าน
- รองรับ ANT+, USB 3.0 และใช้งานเป็นรีโมท
- น้ำหนัก 168 กรัม
ขนาดตัวเครื่อง เทียบกับรุ่นอื่นๆที่ผมมี
ดูแล้วเหมือนว่า Note 3 จะบางกว่า LG G2 แต่ในความเป็นจริง ตัวกล้องมันยื่นออกมาจากเครื่องอีก
ส่วนฝาหลังที่ทำให้ดูเหมือนใช้หนังสัตว์ เมื่อสัมผัสจริงมันก็คือพลาสติกดีๆนี่เอง
ถ่ายโอนไฟล์ได้เร็ว
Galaxy Note 3 เป็นมือถือรุ่นแรกที่รองรับการถ่ายโอนไฟล์ผ่าน USB 3.0 ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วมันเร็วกว่ารุ่นอื่นๆ ถึง 10 เท่า
(รูปประกอบ: http://www.phonearena.com/news/Samsung-Galaxy-Note-3-supports-USB-3.0-heres-the-benefit_id48511 )
และรุ่นนี้รองรับ USB OTG หมายความว่าเราสามารถเสียบ Ext. HDD แบบ USB 3.0 แล้วส่งไฟล์กันได้โดยตรง ซึ่งถ้าอยากถ่ายโอนไฟล์กับ Ext. HDD แบบเต็มความเร็ว USB 3.0 ต้องหาซื้อสาย OTG แบบนี้ครับ
(รูปประกอบ: http://www.ebay.com/itm/OTG-Data-Cable-USB3-0-A-Female-to-Micro-B-Male-for-SAMSUNG-Galaxy-Note-3-Black-/231091269660?pt=US_USB_Cables_Hubs_Adapters&hash=item35ce1cf01c )
แต่เนื่องจากผมไม่มี OTG แบบที่ว่า เลยใช้แบบเดิมแทน
และอย่างที่เห็นคือเราไม่ต้องเสียบเต็มช่อง หมายความว่าเราสามารถเสียบชาร์จด้วยสายรุ่นอื่นๆได้ (Micro USB) ซึ่งหลายคนยังไม่รู้
แรม 3 GB
เป็นที่รู้กันว่าซัมซุง เป็นหนึ่งในมือถือที่กินแรมมากๆ เนื่องจากพี่ท่านยัดลูกเล่นมาให้เยอะเกิ๊น... ในเมื่อยืนยันจะเน้นแนวทางยัดลูกเล่นมากมายแบบนี้ ทางออกก็คือการเพิ่มแรมเป็น 3 GB ซึ่งเยอะสุดในขณะนี้ นับว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ทำให้เหลือแรมใช้จริงมากขึ้น
แม้ว่าหลายคน (รวมทั้งผม) มักพูดว่า "สเป็กเยอะกว่า ไม่ได้แปลว่าดีกว่าเสมอไป" แต่ถ้าเทียบง่ายๆว่า Note 3 ที่มีแรม 3 GB ก็น่าจะดีกว่า Note 3 ที่มี 2 GB ...เข้าทำนองที่ว่า "เหลือดีกว่าขาด"
แบตอึด
นอกจากความจุแบตที่มีขนาด 3200 mAh แล้วยังมีโหมด Power saving mode เพื่อประหยัดพลังงานอีกด้วย
ปรกติแล้วผมจะเปิดใช้งานเมื่ออยู่ระหว่างเดินทางและไม่มีที่ให้ชาร์จแบต แต่ผมไม่แนะนำให้เปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา เพราะมันจะทำการลดความเร็ว ลดแสงหน้าจอ ส่งผลให้ทำงานไม่เต็มที่ และอาจกระตุกเมื่อต้องประมวลผลหนักๆ
อ่านง่าย สบายตา
จุดเด่นของซัมซุงคือหน้าจอสีสันจี๊ดบาดใจเมื่อแรกพบ แต่มันจะทรมานมากเมื่อต้องมองหน้าจอเป็นเวลานานๆ อย่างเช่นการอ่าน ebook หรืออ่านบทความบนหน้าเว็บ
สิ่งที่แก้ปัญหานี้คือ Reading Mode พูดง่ายๆคือ "โหมดจอเหลือง" มันจะทำการปรับแสงหน้าจอให้ออกโทนอุ่น ทำให้อ่านสบายตาขึ้น โดยที่เราสามารถเลือกได้ว่าแอพไหนบ้างที่จะทำงานแบบ Reading Mode
และสิ่งที่มีมานานแต่คนไม่ค่อยรู้คือ Reader สำหรับแปลงหน้าเว็บที่ดูวุ่นวาย ให้อ่านง่ายขึ้น
ที่คนไม่ค่อยรู้เพราะว่า มันจะใช้งานได้กับเว็บที่ออกแบบตามมาตรฐาน ถึงจะมีปุ่มออกมาให้กดใช้งาน
อีกระดับความปลอดภัยจาก KNOX
KNOX เป็นของใหม่ ที่คนทั่วไปไม่ค่อยใด้ใช้ เพราะมันออกแบบมาเพื่อใช้งานในองค์กร
เมื่อเราเปิดใช้งาน เข้าสู่ KNOX เราจะไม่เห็นแอพต่างๆที่เราเคยติดตั้งในโหมดปรกติ เนื่องจาก KNOX จะแยกข้อมูลเป็นอีกชุด ถ้าต้องการติดตั้งแอพเพิ่ม ต้องโหลดจาก Samsung KNOX Apps เพราะต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยก่อน ดังนั้นแอพบางตัวอาจจะใช้งานในโหมดนี้ไม่ได้ เพราะยังไม่ผ่านการตรวจสอบ
กล้องดีขึ้น
กล้องก็ปรับปรุงจาก Note 2 ไปเยอะ มันฉลาดขึ้น ถ่ายที่แสงน้อยดีขึ้น ใช้เวลาประมวลผลเร็วขึ้น และยังคงไว้ด้วยลูกเล่นต่างๆ มากมายเช่นเคย
ถ้าให้เทียบกับรุ่นอื่นๆ อย่างเช่น LG G2 สิ่งที่ผมรู้สึกได้ชัดก็คือ G2 จับโฟกัสช้ากว่า เพราะมันพยายามให้ภาพนิ่งที่สุด แต่ G2 ใช้งานง่ายกว่า ส่วนไฟล์ผลลัพธ์ที่ได้ ถ้ามองผ่านๆก็ใกล้เคียงกัน (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
หมายเหตุ รูปนี้แสงต่างกันเนื่องจากไฟจากสตูดิโอครับ
แต่ที่น่าสนใจก็คือ Golf Mode ซึ่งเหมาะสำหรับนักกอล์ฟทั้งหลาย เนื่องจากมันสามารถบันทึกวงสวิงพร้อมทั้งบอกความเร็วในแต่ละช่วงได้
ตอนแรกก็ใช้ไม้กอล์ฟหวดดีๆอยู่หรอก ตอนหลังอยากรู้ว่ามันทำงานยังไง เลยลองเอา "ร่ม" มาหวด... มันก็ตรวจจับความเร็วได้ราว 170 km/h
ทีนี้สนุกใหญ่ ลองเอา "ไม้กวาด" มาหวดบ้าง ...แหม่ ความเร็วขึ้นไปราวๆ 185 km/h
ถ้าเราทำการ export ไฟล์ออกมาเป็นภาพนิ่ง จะได้รูปแบบประมาณนี้
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นจุดด้อยก็คือ ถ้าเรา export ออกมาเป็นคลิป มันก็จะเป็นคลิปธรรมดาๆ ไม่มี slow motion และไม่มีการวัดความเร็วให้ พูดง่ายๆก็คือมันต้องเปิดบน Note 3 เท่านั้น ถึงจะสมบูรณ์แบบ
เพิ่มความสะดวกให้ชีวิต
อย่างที่รู้กันว่าซัมซุงหลายๆรุ่น สามารถใช้งานแอพที่ชื่อว่า Galaxy Gift ได้
อธิบายง่ายๆก็คือ มันเป็นแอพเพื่อกดรับสิทธิพิเศษหรือโปรโมชั่น ซึ่งจะมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางครั้งก็มีบริการฟรี บางครั้งก็ลดราคา
เรื่องต่อมาเป็นของใหม่ ก็คือ AIS mPay rabbit sim คือการโดยสาร BTS ไม่จำเป็นต้องพกบัตรอีกต่อไป เพราะสามารถใช้ Note 3 แทนบัตรได้ โดยขอเปลี่ยนซิมที่ AIS (ได้ยินมาว่า ค่าเปลี่ยนซิม 500 บาท)
อีกส่วนที่คนรักสุขภาพชอบก็คือ S Health เสมือนผู้ช่วยในการออกกำลังกาย ตั้งแต่แคลอรี่อาหารที่ทาน (ไม่รองรับเมนูอาหารที่เป็นภาษาไทย) รวมถึงการเผาผลาญ
มีรีโมทให้ใช้ในยามจำเป็น เพราะผมคิดว่ายังไงรีโมทของจริงก็สะดวกกว่า
รองรับ VDO Call โทรแบบเห็นหน้า ข้อดีคือคิดค่าใช้จ่ายเหมือนการโทรปรกติ (ถาม AIS เค้าบอกผมมาแบบนี้) แต่ข้อเสียคือเนทต้องดีด้วย และยี่ห้ออื่นไม่ค่อยทำกัน สุดท้ายเราก็ใช้ Skype อยู่ดี
เชื่อมต่อเครื่องอื่น
Group Play ช่วยให้เล่นเปิดไฟล์เดียวกันบนหลายๆ เครื่อง ซึ่งผมยังไม่ค่อยเห็นประโยชน์จากการเอามือถือมาวางเรียงกันเพื่อเปิดหนังดู
แต่มันมีประโยชน์เวลาเปิดไฟล์เอกสารดูพร้อมกัน ถ้าเครื่องไหนอัพเดท ขีดเขียนเอกสาร มันก็จะไปอัพเดทที่เครื่องอื่นๆด้วย
ปากกาที่เก่งขึ้น
อย่างแรกก็คือ เราสามารถใช้ปากกากดที่ปุ่ม back , menu ได้
ลูกเล่นของปากกามีให้ใช้งาน 5 อย่าง
แต่ผมขอตัดเรื่อง Search ออกไป เพราะมันดูเป็นของธรรมดา
Action Memo เป็นมากกว่าการจดบันทึก เพราะสามารถนำข้อความไปทำอย่างอื่นได้ เช่น ค้นหาบนแผนที่ หรือโทรออก
Scrapbook ไว้สำหรับเก็บสิ่งที่เราชอบไว้ดูทีหลัง ส่วนที่ผมชอบเป็นพิเศษคือมันเก็บ YouTube และกด play ได้จาก Scrapbook ทันที
Screen Write มันคือการจับภาพหน้าจอธรรมดาๆ แล้วเอามาขีดเขียน เพียงแต่มันทำให้สะดวกขึ้น
Pen Window เราสามารถตีกรอบเพื่อวางแอพได้
ข้อเสียคือรองรับแอพน้อยไปหน่อย
การป้อนข้อมูล
มันรองรับ emoji แล้วครับ สามารถใส่ emoji ได้ และแสดงผลได้ถูกต้อง
การแปลงลายมือเป็นข้อความ สามารถเขียนไทยและอังกฤษโดยไม่ต้องกดสลับภาษา
สิ่งที่ปรับปรุง
Multi Window รองรับแอพมากขึ้น
Air view ตรวจจับนิ้วดีขึ้น ไม่ต้องอยู่ใกล้จอแบบแต่ก่อน
โดยรวมแล้วผมขอขนานนาม Galaxy Note 3 ว่า "The Magician" หรือนักมายากล เพราะมันมีอะไรที่แพรวพราว มีลูกเล่นน่าสนใจหลายอย่าง
...แต่ยังไม่สามารถเนรมิตอะไรได้เหมือน Wizard เพราะว่า note 3 สามารถทำอะไรได้เยอะมาก แต่มันเยอะเกินไป ...เยอะจนบางทีไม่ได้ใช้ เพราะมันไม่ฉลาดมากมายขนาดว่ากดปุ่มเดียวแล้ว auto ทุกอย่าง
ปัญหาที่ผมเจอแล้วปวดหัวกับมัน มีอยู่ 2 เรื่องคือ
- ความร้อนของตัวเครื่อง มากกว่ารุ่นอื่นๆที่ผมเคยเล่น วิธีแก้คือรอให้มันทำงานเสร็จหรือรีสตาทเครื่องสักรอบ
- อัลบั้มรูปค้างจนเบื่อ หลังจากสอบถามจากเพื่อนๆทีมงาน GadzBox (ทีมงานจัดมิตติ้ง Note 3) เค้าบอกว่าปัญหาเกิดจากการ sync Dropbox ถ้ามันยังสูบไม่หมด ก็อาจเกิดปัญหาเช่นนี้
Special Thanks: Ommdroid และทีมงาน GadzBox สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อ่านเต็มๆได้ที่ http://www.bacidea.com/review-samsung-galaxy-note-3.html
edit เพิ่มเติม ลืมก๊อป
ปัญหาเครื่องร้อนหรืออื่นๆ ส่วนใหญ่เกิดจาก software แต่ซัมซุงไทยก็พยายามปรับปรุงเรื่องนี้
โดยให้ผู้ใช้งานรายงานปัญหา เพื่อซัมซุงจะได้ทำการแก้ไขต่อไป โดยแจ้งตามช่องทางสำหรับรายงานปัญหา