ช่วงนี้กำลังพยายามค้นหาตัวเองครับ ว่าจริงๆแล้วเราชอบแบบไหนกันแน่ สปอร์ต ครุยเซอร์ เอนดูโร่ แต่เท่า่ที่เคยลองมาแล้ว มันสนุกไปคนละแบบจริงๆครับ มันน่าหนักใจตรงที่แนวไหนก็ชอบไปซะหมด และวันนี้ได้มีโอกาสจับเจ้า DTX125 ที่ไปขอยืมคนอื่นมาค้นหาตัวเองอีกที(บอกเค้าว่าจะเอามาลองขับเบาๆ อิอิ) ลองจับความรู้สึกในหลายๆรูปแบบการขับขี่ อยากรู้ว่าที่เึ้ค้าคุยกันนักหนาว่าช่วงล่างมันสุดยอดนี่จะจริงไหม ก็เลยมีความคิดเห็นมานิดหน่อยครับ ^ ^
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เส้นทางที่จะทดสอบเป็นทางบนดอยสุเทพ-ดอยปุย-ห้วยตึงเฒ่า ครับ . . . เคยใช้ ninja250 ผ่านเส้นทางนี้ครั้งนึง รู้สึกว่าทางoff roadมันไม่โหดอย่างที่คิดเท่าไหร่ เอาเจ้าDTXมาเส้นนี้คงหมูๆ ออกจากห้วยตึงเฒ่าว่าจะไปต่อที่ม่อนล่อง ที่ไหนได้ เพิ่งหมดฝน น้ำชะหน้าดินไปซะหมด ทางส่วนใหญ่ก็เลยเป็นโคลนเหนียวๆและหินก้อนใหญ่ๆ....กว่าจะออกมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยครับ ... คิดเลยว่าถ้าคราวนี้เอารถทางเรียบกว่าคงต้องใช้เวลามากกว่านี้3-4เท่า...สรุปคือจบการเดินทางก็กลับบ้านเลย ไม่ไปต่อที่ไหนแล้ว
ช่วงที่1
- การขับขี่ทั่วๆไปรวมถึงแบบทัวริ่งบนทางดำส่วนใหญ่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ครับ ในเมืองถือว่าโอเค อัตราทดชิด เกียร์ต่อเนื่อง สนุกสนานกับมันได้พอสมควร(ถึงขับแหล่มเลยล่ะ) แต่พอออกไปบนถนนใหญ่หรือเส้นซุปเปอร์ฯ....ไม่โอเคเท่าไหร่ครับ อัตราเร่งมาไวก็หมดไว ความเร็ว70-80แฮนด์เริ่มสั่นจนจั๊กจี๋ (อาจเพราะแฮนด์แต่งตัวนี้ไม่มีตุ้มถ่วง?) คนซ้อนก็เริ่มสะกิดบอกว่าเบาะสั่น เครื่องก็เริ่มตื้ออย่างเห็นได้ชัด ความเร็วสูงสุดก็ไม่เกิน100 ครับ ไม่ใช่ว่ารอบไม่ไต่แล้ว แต่ความรู้สึกผมคือ รอบมันไกล้หมดเต็มทีแล้วล่ะ ฝินไปก็สงสารรถ... สรุปว่าในทางดำ เจ้านี่เหมาะกับการขี่มันส์ๆในเมืองมากกว่า แต่ถ้าจะออกทริปไกลๆ ผมว่ารถมันไหว แต่คนขับต้องเป็นคนที่ใจเย็น ขี่ชิลๆไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ ต้องสำเร็จวิชาตูดเหล็ก เพราะเบาะแคบมาก (แต่ก็นุ่มน่าดู) ซึ่งมันไม่ใช่ลักษณะการท่องเที่ยวแบบคนที่มีเวลาจำกัดและน้ำหนักเกือบๆ80อย่างผม ... แถมนิดๆคือช่วงล่างตอนนี้ยังรู้สึกไม่แตกต่างจากรถทั่วไปครับ ยังไม่ประทับใจเท่าที่ควร(คงเพราะปวดตรูดด้วย) แต่ก็ดีตรงที่ไม่ค่อยกลัวหลุม มันแรงกระแทกหนักๆได้มาก
ช่วงที่ 2
เป็นช่วงทางขึ้นดอยสุเทพ -- ช่วงนี้รถนักท่องเที่ยวเริ่มเยอะ เลยชัดโค้งได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ การLean in รู้สึกขัดๆขืนๆ ไม่เคยถนัดเพราะรถผอมๆ มันหนีบถังยากน่าดู เหมาะกับการ Lean out มากกว่า ซึ่งช่วงล่างก็ถือว่าหนึบใช้ได้ครับ น้ำหนักรถก็เบา แต่เวลาเข้าแรงๆแบบกระแทกกระทั้นอาจมีแกว่งๆบ้าง ก็ตามสไตล์มัน แต่โดยรวมถือว่าไม่น่าเกลียดครับ ดีกว่าที่คิด สนุกไปอีกแบบ .. ที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่คือตอนเร่งแซงรถยนต์ครับ (อาจเพราะซีซี.น้อย)มีหลายครั้งที่พยายามแซงแต่ไม่พ้น กำลังช่วงกลาง-ปลายผมว่าน้อยไปหน่อย(ไม่หน่อยล่ะ แทบไม่มีเลย) เล่นซะเสียความมั่นใจ (แต่ต้นเค้าดีมากนะ) ระบบเบรคถือว่าน่าประทับใจครับ หนึบดี ไม่กระด้าง ดีกว่ารถหลายๆรุ่นที่เคยจับมา
-- การใช้รถประเภทนี้ทำให้ผมนิสัยเสียไปอย่างนึง..คือต้องคอยมองข้างทางอยู่ตลอด...เหมือนไม่ค่อยอยา่กอยู่บนถนนเท่าไหร่..เห็นทางลุยป่าปุ๊บ พุ่งเข้าไปปั๊บ 5555+
ทางแบบนี้ถือว่ากินหมูมากครับ อัดเข้าไปได้แบบไม่ต้องยั้ง ด้วยความที่รถเบาด้วยจึงรู้สึกว่ามันไปได้ตามใจนึกจริงๆ แม้บางทีเสียหลักบ้าง แต่รถมันแก้อาการให้ได้หมด อันนี้ถือว่าประทับใจมากครับ ..แต่ทางเรียกน้ำย่อยเส้นนี้ที่เข้าไปได้ไม่ลึก เพราะมีแอ่งโคลนอยู่ด้านหน้า ลองหยอดล้อหน้าลงไป...แม่เจ้า ยางจมเลย กว่าจะดึงออกเล่นเอาแทบตาย...เริ่มหมดความสงสัยแล้ว ว่าทำไมกลุ่มที่ชอบลุยป่าเค้าไม่ไปกันคนเดียว ... เพราะเจอเหตุการแบบนี้ ถ้ารถติด หรือต้องกลับรถในทางชันๆแคบๆ ไม่รู้จะทำยังไงเลยครับถ้าไม่มีคนช่วย -*-
ยางหลังแทบจะเป็นสลิคแล้ว แต่ในทางฝุ่นก็ยังสร้างความมันส์ได้อย่างน่าประทับใจครับ ไม่ลื่นอย่างที่คิดเลย
-ช่วงที่3
เข้าสู่ทางดินเต็มรูปแบบ อย่างที่บอกไว้ครับ ฝนเพิ่งหมด ทางยังไม่แห้งดี หน้าดินถูกชะไปหมด เละเทะไม่เป็นท่า แต่ในแง่หนึ่งมันก็ดีครับ จะได้ทดสอบเจ้าตัวนี้ให้ถึงที่สุด ^ ^
ช่วงเบาๆที่ขุนช่างเคี่ยน ถือว่าสนุกมากครับ รู้สึกไม่ต่างจากวิ่งบนทางเรียบๆเลย รถไม่มีอาการไถลแม้แต่น้อย ส่งออกโค้งแรงๆจนล้อฟรีทิ้งก็ไม่มีการเสียอาการเลย คงเพราะรถน้ำหนักน้อย อะไรๆก็เลยง่ายไปหมด
ผ่านหมูบ้านชาวเขามา ดินบริเวณนี้จะแห้งสลับชื้น
ความรู้สึกตอนนี้คือ มีความสุขมากครับ จากที่เคยเอารถทางเรียบมาลุย ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวคือ "เมื่อไหร่จะออกไปจากที่นี่ได้วะ" มากับ DTX นี่เปลี่ยนความคิดใหม่เลย คืออยากจะขับไปเรื่อยๆๆๆจนกว่าจะหมดแรง ช่วงล่างนี่ถึงบางอ้อครับ ว่าทำไมคนถึงชมกันนักชมกันหนา ทางเรียบว่าวิ่งดีแล้ว ทางดินมันก็ทำได้อย่างน่าทึ่ง จนบางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เฮ้ย....แล้วไอ้ช่วงล่างหนึบๆตอนสาดโค้งบนถนนมันหายไปไหน? ทำไมมันนุ่มนวลชวนฝันไปซะหมด?
ทางชื้นจะเป็นแบบนี้ครับ ต้องคอยระวัง เพราะยางไม่มีดอกแล้ว ยางหน้ายังบังคับทิศทางได้สบาย แต่ยางหลังไม่เบรคก็ไหลแล้ว ถ้าเป็นยางแบบKlx คงไปได้สบายๆ
ทางแบบนี้หาได้น้อยครับ ส่วนใหญ่เป็นหินก้อนใหญ่ๆสลับหินลอย ทั้งโหดทั้งชัน เลยหยุดถ่ายรูปไม่ค่อยได้(รถไหล) ถึงจุดนี้ก็ทำให้ประทับใจอัตราเร่งครับ ถึงทางดำจะทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่อยู่บนทางดินก็รู้สึกได้เลยว่ามันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ ลงตัวสุดๆ บิดเป็นพุ่งๆ บิดไม่ยั้งได้แบบเต็มที่ และเอาอยู่กับช่างล่างและระบบเบรคที่ตอบสนองได้แบบไม่มีที่ติ
แต่บางทีก็มีบ้างครับ เวลาเจอทางกระโดดหนักๆ หรือมีหินก้อนใหญ่ที่เรามาเร็วและเบรคไม่ทัน หรือมีอะไรมากระแทกตอนที่ใช้เบรคหน้าหนักๆ ... โช็ค USD ก็จะมีเสียง "ปํ๊ก!!!" ดังลั่น ...เราคงเคี่ยนมันมากเกินไป-*- . . แต่ก็ถือว่าเป็นบางครั้งที่หนักจริงๆเท่านั้นครับ ถ้าเป็นรถทั่วไปหรือ KSR หรือ MSX ผมว่าเจอแรงระดับนี้ "จุก"แน่นอน ^ ^
และแล้วก็ถึงห้วยตึงเฒ่าแบบไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ...อยากจะขึ้นไปอีกซักรอบแต่ก็กลัว(คน)จะไม่ไหว ก็เลยขอจบการเดินทางเพียงเท่านี้ครับ
สรุป...ในความคิดเห็นของผม ถ้ามองถึงความคุ้มค่า เจ้าตัวนี้ถือว่าทำได้ดีครับ ถ้าการใช้งานเป็นแบบขับในเมืองเป็นส่วนใหญ่ เข้าป่าบ้างเป็นการแก้กระหาย ที่สำคัญ "สวย"กับโช็คหัวกลับที่ใช้ได้ีดีมากๆทั้งทางดินและทางดำำ ... แต่ถ้าให้ผมเลือก ผมว่า Klx จะคุ้มค่าที่สุดครับ เพราะที่คิดคือ ...เจ้านี่มันเกิดมาเพื่อทางฝุ่น แต่รูปแบบ"โมตาร์ท"ของเจ้านี่ เหมือนเป็นการบั่นทอนความสามารถของมันไปเปล่าๆ เพราะถึงจะทำให้มันกลายเป็น"โมตาร์ท" แต่เรื่องความสบาย ความเร็วที่ทำได้ มันก็ไม่ต่างจากโมโตครอสคันหนึ่ง ความเร็วทำได้พอๆกัน DTXหนึบกว่าเวลาใช้ความเร็วสูงๆ (แต่สำหรับผมไม่คิดว่ามันเร็วเลยซักนิด จะให้สบายๆก็ซัก 60-70 ซึ่งผมว่ามันน้อยเกินไปสำหรับการเดินทางไกล ถึงจุดนี้ โช็คUSDดีๆ ก็ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร นอกจากความกระด้างที่เพิ่มขึ้นจาก KLX ) ทางดำDTXหนึบกว่ากันนิดหน่อย แต่ทางดินKlxคงสร้างความประทับใจได้ต่างกันเยอะ เพราะช่วงล่างนุ่มกว่า แถมระยะยุบมากกว่า ก็เลยบอกสั้นๆได้ว่า อยากเท่ห์ เลือก DTX แต่ถ้าเน้นใช้งานเต็มที่ ผมว่า Klx จะคุ้มค่ากว่ามากครับ ทั้งด้านราคาและสิ่งที่ได้มา ^ ^ ขอบคุณที่สละเวลามารับชมนะครับ อิอิ
เล่าสู่กันฟัง: ได้มีโอกาสลองขับ DTX125 ^ ^
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
เส้นทางที่จะทดสอบเป็นทางบนดอยสุเทพ-ดอยปุย-ห้วยตึงเฒ่า ครับ . . . เคยใช้ ninja250 ผ่านเส้นทางนี้ครั้งนึง รู้สึกว่าทางoff roadมันไม่โหดอย่างที่คิดเท่าไหร่ เอาเจ้าDTXมาเส้นนี้คงหมูๆ ออกจากห้วยตึงเฒ่าว่าจะไปต่อที่ม่อนล่อง ที่ไหนได้ เพิ่งหมดฝน น้ำชะหน้าดินไปซะหมด ทางส่วนใหญ่ก็เลยเป็นโคลนเหนียวๆและหินก้อนใหญ่ๆ....กว่าจะออกมาได้ก็เล่นเอาเหนื่อยครับ ... คิดเลยว่าถ้าคราวนี้เอารถทางเรียบกว่าคงต้องใช้เวลามากกว่านี้3-4เท่า...สรุปคือจบการเดินทางก็กลับบ้านเลย ไม่ไปต่อที่ไหนแล้ว
ช่วงที่1
- การขับขี่ทั่วๆไปรวมถึงแบบทัวริ่งบนทางดำส่วนใหญ่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ครับ ในเมืองถือว่าโอเค อัตราทดชิด เกียร์ต่อเนื่อง สนุกสนานกับมันได้พอสมควร(ถึงขับแหล่มเลยล่ะ) แต่พอออกไปบนถนนใหญ่หรือเส้นซุปเปอร์ฯ....ไม่โอเคเท่าไหร่ครับ อัตราเร่งมาไวก็หมดไว ความเร็ว70-80แฮนด์เริ่มสั่นจนจั๊กจี๋ (อาจเพราะแฮนด์แต่งตัวนี้ไม่มีตุ้มถ่วง?) คนซ้อนก็เริ่มสะกิดบอกว่าเบาะสั่น เครื่องก็เริ่มตื้ออย่างเห็นได้ชัด ความเร็วสูงสุดก็ไม่เกิน100 ครับ ไม่ใช่ว่ารอบไม่ไต่แล้ว แต่ความรู้สึกผมคือ รอบมันไกล้หมดเต็มทีแล้วล่ะ ฝินไปก็สงสารรถ... สรุปว่าในทางดำ เจ้านี่เหมาะกับการขี่มันส์ๆในเมืองมากกว่า แต่ถ้าจะออกทริปไกลๆ ผมว่ารถมันไหว แต่คนขับต้องเป็นคนที่ใจเย็น ขี่ชิลๆไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ ต้องสำเร็จวิชาตูดเหล็ก เพราะเบาะแคบมาก (แต่ก็นุ่มน่าดู) ซึ่งมันไม่ใช่ลักษณะการท่องเที่ยวแบบคนที่มีเวลาจำกัดและน้ำหนักเกือบๆ80อย่างผม ... แถมนิดๆคือช่วงล่างตอนนี้ยังรู้สึกไม่แตกต่างจากรถทั่วไปครับ ยังไม่ประทับใจเท่าที่ควร(คงเพราะปวดตรูดด้วย) แต่ก็ดีตรงที่ไม่ค่อยกลัวหลุม มันแรงกระแทกหนักๆได้มาก
ช่วงที่ 2
เป็นช่วงทางขึ้นดอยสุเทพ -- ช่วงนี้รถนักท่องเที่ยวเริ่มเยอะ เลยชัดโค้งได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ การLean in รู้สึกขัดๆขืนๆ ไม่เคยถนัดเพราะรถผอมๆ มันหนีบถังยากน่าดู เหมาะกับการ Lean out มากกว่า ซึ่งช่วงล่างก็ถือว่าหนึบใช้ได้ครับ น้ำหนักรถก็เบา แต่เวลาเข้าแรงๆแบบกระแทกกระทั้นอาจมีแกว่งๆบ้าง ก็ตามสไตล์มัน แต่โดยรวมถือว่าไม่น่าเกลียดครับ ดีกว่าที่คิด สนุกไปอีกแบบ .. ที่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่คือตอนเร่งแซงรถยนต์ครับ (อาจเพราะซีซี.น้อย)มีหลายครั้งที่พยายามแซงแต่ไม่พ้น กำลังช่วงกลาง-ปลายผมว่าน้อยไปหน่อย(ไม่หน่อยล่ะ แทบไม่มีเลย) เล่นซะเสียความมั่นใจ (แต่ต้นเค้าดีมากนะ) ระบบเบรคถือว่าน่าประทับใจครับ หนึบดี ไม่กระด้าง ดีกว่ารถหลายๆรุ่นที่เคยจับมา
-- การใช้รถประเภทนี้ทำให้ผมนิสัยเสียไปอย่างนึง..คือต้องคอยมองข้างทางอยู่ตลอด...เหมือนไม่ค่อยอยา่กอยู่บนถนนเท่าไหร่..เห็นทางลุยป่าปุ๊บ พุ่งเข้าไปปั๊บ 5555+
ทางแบบนี้ถือว่ากินหมูมากครับ อัดเข้าไปได้แบบไม่ต้องยั้ง ด้วยความที่รถเบาด้วยจึงรู้สึกว่ามันไปได้ตามใจนึกจริงๆ แม้บางทีเสียหลักบ้าง แต่รถมันแก้อาการให้ได้หมด อันนี้ถือว่าประทับใจมากครับ ..แต่ทางเรียกน้ำย่อยเส้นนี้ที่เข้าไปได้ไม่ลึก เพราะมีแอ่งโคลนอยู่ด้านหน้า ลองหยอดล้อหน้าลงไป...แม่เจ้า ยางจมเลย กว่าจะดึงออกเล่นเอาแทบตาย...เริ่มหมดความสงสัยแล้ว ว่าทำไมกลุ่มที่ชอบลุยป่าเค้าไม่ไปกันคนเดียว ... เพราะเจอเหตุการแบบนี้ ถ้ารถติด หรือต้องกลับรถในทางชันๆแคบๆ ไม่รู้จะทำยังไงเลยครับถ้าไม่มีคนช่วย -*-
ยางหลังแทบจะเป็นสลิคแล้ว แต่ในทางฝุ่นก็ยังสร้างความมันส์ได้อย่างน่าประทับใจครับ ไม่ลื่นอย่างที่คิดเลย
-ช่วงที่3
เข้าสู่ทางดินเต็มรูปแบบ อย่างที่บอกไว้ครับ ฝนเพิ่งหมด ทางยังไม่แห้งดี หน้าดินถูกชะไปหมด เละเทะไม่เป็นท่า แต่ในแง่หนึ่งมันก็ดีครับ จะได้ทดสอบเจ้าตัวนี้ให้ถึงที่สุด ^ ^
ช่วงเบาๆที่ขุนช่างเคี่ยน ถือว่าสนุกมากครับ รู้สึกไม่ต่างจากวิ่งบนทางเรียบๆเลย รถไม่มีอาการไถลแม้แต่น้อย ส่งออกโค้งแรงๆจนล้อฟรีทิ้งก็ไม่มีการเสียอาการเลย คงเพราะรถน้ำหนักน้อย อะไรๆก็เลยง่ายไปหมด
ผ่านหมูบ้านชาวเขามา ดินบริเวณนี้จะแห้งสลับชื้น
ความรู้สึกตอนนี้คือ มีความสุขมากครับ จากที่เคยเอารถทางเรียบมาลุย ตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวคือ "เมื่อไหร่จะออกไปจากที่นี่ได้วะ" มากับ DTX นี่เปลี่ยนความคิดใหม่เลย คืออยากจะขับไปเรื่อยๆๆๆจนกว่าจะหมดแรง ช่วงล่างนี่ถึงบางอ้อครับ ว่าทำไมคนถึงชมกันนักชมกันหนา ทางเรียบว่าวิ่งดีแล้ว ทางดินมันก็ทำได้อย่างน่าทึ่ง จนบางทีก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เฮ้ย....แล้วไอ้ช่วงล่างหนึบๆตอนสาดโค้งบนถนนมันหายไปไหน? ทำไมมันนุ่มนวลชวนฝันไปซะหมด?
ทางชื้นจะเป็นแบบนี้ครับ ต้องคอยระวัง เพราะยางไม่มีดอกแล้ว ยางหน้ายังบังคับทิศทางได้สบาย แต่ยางหลังไม่เบรคก็ไหลแล้ว ถ้าเป็นยางแบบKlx คงไปได้สบายๆ
ทางแบบนี้หาได้น้อยครับ ส่วนใหญ่เป็นหินก้อนใหญ่ๆสลับหินลอย ทั้งโหดทั้งชัน เลยหยุดถ่ายรูปไม่ค่อยได้(รถไหล) ถึงจุดนี้ก็ทำให้ประทับใจอัตราเร่งครับ ถึงทางดำจะทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่อยู่บนทางดินก็รู้สึกได้เลยว่ามันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ ลงตัวสุดๆ บิดเป็นพุ่งๆ บิดไม่ยั้งได้แบบเต็มที่ และเอาอยู่กับช่างล่างและระบบเบรคที่ตอบสนองได้แบบไม่มีที่ติ
แต่บางทีก็มีบ้างครับ เวลาเจอทางกระโดดหนักๆ หรือมีหินก้อนใหญ่ที่เรามาเร็วและเบรคไม่ทัน หรือมีอะไรมากระแทกตอนที่ใช้เบรคหน้าหนักๆ ... โช็ค USD ก็จะมีเสียง "ปํ๊ก!!!" ดังลั่น ...เราคงเคี่ยนมันมากเกินไป-*- . . แต่ก็ถือว่าเป็นบางครั้งที่หนักจริงๆเท่านั้นครับ ถ้าเป็นรถทั่วไปหรือ KSR หรือ MSX ผมว่าเจอแรงระดับนี้ "จุก"แน่นอน ^ ^
และแล้วก็ถึงห้วยตึงเฒ่าแบบไม่เหนื่อยเท่าไหร่ ...อยากจะขึ้นไปอีกซักรอบแต่ก็กลัว(คน)จะไม่ไหว ก็เลยขอจบการเดินทางเพียงเท่านี้ครับ
สรุป...ในความคิดเห็นของผม ถ้ามองถึงความคุ้มค่า เจ้าตัวนี้ถือว่าทำได้ดีครับ ถ้าการใช้งานเป็นแบบขับในเมืองเป็นส่วนใหญ่ เข้าป่าบ้างเป็นการแก้กระหาย ที่สำคัญ "สวย"กับโช็คหัวกลับที่ใช้ได้ีดีมากๆทั้งทางดินและทางดำำ ... แต่ถ้าให้ผมเลือก ผมว่า Klx จะคุ้มค่าที่สุดครับ เพราะที่คิดคือ ...เจ้านี่มันเกิดมาเพื่อทางฝุ่น แต่รูปแบบ"โมตาร์ท"ของเจ้านี่ เหมือนเป็นการบั่นทอนความสามารถของมันไปเปล่าๆ เพราะถึงจะทำให้มันกลายเป็น"โมตาร์ท" แต่เรื่องความสบาย ความเร็วที่ทำได้ มันก็ไม่ต่างจากโมโตครอสคันหนึ่ง ความเร็วทำได้พอๆกัน DTXหนึบกว่าเวลาใช้ความเร็วสูงๆ (แต่สำหรับผมไม่คิดว่ามันเร็วเลยซักนิด จะให้สบายๆก็ซัก 60-70 ซึ่งผมว่ามันน้อยเกินไปสำหรับการเดินทางไกล ถึงจุดนี้ โช็คUSDดีๆ ก็ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร นอกจากความกระด้างที่เพิ่มขึ้นจาก KLX ) ทางดำDTXหนึบกว่ากันนิดหน่อย แต่ทางดินKlxคงสร้างความประทับใจได้ต่างกันเยอะ เพราะช่วงล่างนุ่มกว่า แถมระยะยุบมากกว่า ก็เลยบอกสั้นๆได้ว่า อยากเท่ห์ เลือก DTX แต่ถ้าเน้นใช้งานเต็มที่ ผมว่า Klx จะคุ้มค่ากว่ามากครับ ทั้งด้านราคาและสิ่งที่ได้มา ^ ^ ขอบคุณที่สละเวลามารับชมนะครับ อิอิ