แผนเที่ยวแบบนี้ เกิดขึ้นเพราะ ฉันได้ประสบการณ์ที่ผิดพลาดในการไม่ได้วางแผนเที่ยวดีๆ ประกอบกับการได้ซื้อแพ็คเก็จแบบรวมตั๋วไปกลับระหว่างสนามบินนาริตะกับโตเกียว ซึ่งมาพร้อมกับ Metro Pass 2 วัน แต่ไม่รู้วิธีใช้ ให้คุ้ม จึงเอามาเล่าเพื่อให้คนที่จะไปเที่ยวญีุ่่ปุ่น
แพ็คเก็จที่ว่าราคาคนละ 4,880 Yen (หน้าตาตั๋วโชว์ไว้ในกระทู้แรกค่ะ) โดยรถไฟจาก Narita ชื่อ Skyliner ของค่าย Keisei จะวิ่งตั้งแต่สนามบินนาริตะ Terminal 1 จนถึงสถานี Keisei Ueno ถ้าใครจองที่พักแถวสถานี Ueno ใกล้ๆ กับ Ueno Park หรือตลาด Ameyayoko ก็สะดวกเลยค่ะ
ส่วน Metro Pass 2 วัน แปลว่า ต้องใช้ติดต่อกัน 2 วัน
กระทู้ก่อนหน้านี้คือ
J A P A N อีกสักครั้ง
http://ppantip.com/topic/31206960
J A P A N ไปกิน ichiran ramen
http://ppantip.com/topic/31210872
J A P A N นั่งรถไฟเที่ยวในโตเกียว / พาไปกิน Ippudo Ramen กับสาขาที่มี Look ที่แตกต่าง
http://ppantip.com/topic/31211683
ตามหาสถานี ของ Metro ก็ดูป้ายแบบนี้ค่ะ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tokyo Metro พร้อมผังของรถไฟได้ที่นี่ค่ะ
http://www.tokyometro.jp/en/ride/guide/pdf/tokyo_metro_guide.pdf
มาดูเรื่อง Pass กันบ้างค่ะ รถไฟใต้ดินมี One day Pass ที่ราคา 600 yen ซื้อได้ที่สนามบินเท่านั้น เพราะขายให้ Tourist ในราคานี้ ถ้าซื้อในเมืองราคา 710 ใช้ได้เฉพาะรถไฟเมโทร ถ้าเราเดินทางไม่ Cover 600 yen ต่อวัน หรือ Two day Pass 980 yen/คน ก็ไม่คุ้ม และ ที่สำคัญ สถานีที่ Metro จอดก็ไม่ Cover สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมด
แต่..ค่ะ...แต่...ประเภท One day Pass แบบ Combination น่าจะเหมาะกว่า เพราะใช้ได้ทั้ง Metro และ Toei ราคา 1000 yen ถ้าจะใช้ให้คุ้มก็ต้องเที่ยวแบบ รีบๆ ไปหลายๆ ที่ให้คุ้มค่ะ เพราะราคาของตั๋วแต่ละเที่ยวคือ 160-300 yen
วางแผนเที่ยวตามผังรถไฟ เพื่อต้องการประหยัดก็ต้องใช้ Pass แต่ก็ต้องหมายความว่า เราจะชิลๆ เดินทอดน่อง นั่งพัก นั่งกิน ที่ไหนนานๆ ก็อาจไม่คุ้ม แต่ถ้ามองว่า เราไม่เน้น Shopping หรือไม่ชอบอยู่ที่ไหนนานๆ และต้องการเห็นโตเกียวในหลายๆ พื้นที่ เช่น (เรียงให้ตั้งแต่เช้าถึงค่ำเลยละกันค่ะ) คือ ไปตลาดปลา Tsukiji, ไปดู Tokyo SkyTree, ไปดูประวัติศาสตร์ ย้อนยุคโตเกียว ที่ Edo Museum, ไปถ่ายรูปกับโคมแดง ดูรถลาก และถ่ายรูปก้อนอี้ ตึก Asahi ที่ Asakusa, แล้วก็ไป Shinjuku เผื่อไปซื้อตั๋ว Hakone Pass -ของค่าย Odakyu และแวะเที่ยวชมย่าน Shopping หรือจะแวะกินราเมนเทมปุระราคาไม่แพงกับเจ้าที่แนะนำไปในกระทู้ก่อน หากมีเวลาเหลือก็อาจไปชมตลาดกลางคืนที่ Ameyayoko สถานี Ueno ก็ได้ แบบนี้แหละ คุ้มแน่ กับ One day Pass แบบ combination (แต่คงเหนื่อยพอสมควร เพราะเริ่มตั้งแต่เช้า คือ ตลาดปลา จบก็สามสี่ทุ่มเลย)
เสริมให้อีกนิดค่ะ จากผังรถไฟใต้ดินนี้ สังเกตุที่มุมล่างขวานะคะ
รถไฟใต้ดิน ที่ว่ามี สองค่ายนั้น แบ่งตามอะไร ก็ง่ายๆ ค่ะ รูปข้างล่างนี้ หาคำว่า Toei Line กับ Tokyo Metro Line นะคะ แบ่งเป็น สองฝั่งชัดเจน แต่ละสถานมีสีกำกับ ยกเว้นที่แทรกเข้ามา คือ สีเทา กับ เส้นสีเล็กๆ และเส้น ที่เป็นสัญญลักษณ์ทางรถไฟนั่นไม่เกี่ยว เพราะ Toei Line มีแค่ 4 เส้นหลักๆ ส่วน Metro Line มี 9 เส้น ตามรูปที่แบ่งมาให้ดูชัดๆ ค่ะ
ที่นี้ มาลองดูตัวอย่างกันค่ะ รถไฟใต้ดินพาไปไหนได้บ้าง มีที่ไหนน่าสนใจ หรือไปกินบุฟเฟต์ปิ้งย่างราคาไม่แพงที่ไหน
เช้ามา ไปตลาดปลากันก่อนนะคะ การไปตลาดปลา ที่ง่ายที่สุด เดินน้อยที่สุด กืคือใช้ รถไฟใต้ดิน Toei Oedo Line สีชมพูเข้มๆ นั่นแหละค่ะ (ส่วนจะมาจากส่วนไหนของโตเกียว ก็ลองดูในผังสถานีรถไฟทั้ง 2 ผังที่ให้ไว้ในกระทู้ที่แล้ว) ลงที่สถานี Tsukijishiro Exit จะมีป้ายบอกตลอดค่ะ ออกจากสถานีมา ก็เดินไปทางซ้ายเลยค่ะ
คำเตือน... ตลาดปลาไม่ได้เปิดทุกวันนะคะ
ปิดทุกวันอาทิตย์ และ
บางพุธ กับ วันหยุดแห่งชาติของเค้าค่ะ ทางที่ดี เลือกไปวันไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่วันพุธ กับวันอาทิตย์
ที่บอกก็เพราะ ฉันบังเอิญตัดสินปุ๊ปปั๊บตรงกับวันพุธ ซึ่งไปถึง ออกจากสถานีมา ก็เจอป้ายนี้ตรงทางเดินที่จะเข้าไปตลาดเลยค่ะ (แอบเซ็งอุตส่าห์คิดว่าจะออกเที่ยวแต่เช้า บ่ายมาก็ง่วงมาก)
ใครจะไปดูการประมูลปลา (Tuna Auction) ต้องไปตั้งแต่ ตี 5 หรือก่อนหน้านั้น เพราะต้องไปจองที่ Osakana Fukyu Center (Fish Information Center) ตรงประตู Kachidoki Gate (ดูผังตลาดจากรูปด้านล่างค่ะ)
จำนวนที่ให้เข้าไปดูได้ จะจำกัดไว้ที่ 120 คนต่อวัน แต่แบ่งเป็น 2 รอบๆ ละ 60 คน รูปแบบการจำกัดคนเข้าคือ First Come - First Serve คือใครมาก่อนได้เข้าก่อน ใช้เวลา ณ จุดนี้ไม่ถึงชั่วโมง และจะมีพื้นที่เฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการทำงานของเค้า
Credit ภาพจาก Japan-Guide.com
ส่วนบริเวณตลาดค้าส่งปลา ก็จะเปิดให้เข้าไปหลัง 9.00 และไม่ควรนำเอากระเป๋าลากไป (คงเคยมีคนเอาไปแล้วกะต่อไปขึ้นเครื่องเลย เค้าเลยเขียนห้ามไว้มั้ง) และที่ตลาดปลาแห่งนี้ คนที่รักการกินปลาดิบ ก็ต้องไม่พลาด (แต่ฉันพลาดไปซะแล้ว ถึงไม่นิยมหรือหลงไหลปลาดิบก็ตาม) ได้เห็นแค่ไม่กี่ร้านที่ขายอาหารในวันที่ตลาดปลาปิดค่ะ แต่ไม่ได้เข้าไปกิน เพราะร้านที่เป็นร้านดังก็ปิดกับเค้าด้วย
เกี่ยวกับตลาดปลา มีสมาชิกท่านอื่นๆ รีวิวไว้เยอะแล้ว ขอข้ามไปเที่ยว Edo Tokyo Museum เลยนะคะ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับประวัติศาสต์ แสดงภาพ และวิถีชีวิตผู้คนในอดีต ซึ่งโตเกียวสมัยก่อน ก็คือ Edo ได้เห็นบรรยากาศ ของโตเกียวทั้งทางด้านวัฒนธรรม สังคม และ การเมือง
ปิดทุกวันจันทร์ เปิดตังแต่ 9.30 - 17.30 แต่วันเสาร์ เปิดถึง 19.30 ค่ะ
วิธีไป ก็ใช้ Toei Line ค่ะ ง่ายสุดๆ ถึงสถานี Ryogoku เดินออกมาก็เจอเลย เดินใกล้มาก ภาพแรกที่เดินขึ้นไป ก็เจอแบบนี้เลยค่ะ
ภาพโดยรวมหน้าตาของพิพิธภัณฑ์ เป็นอาคารที่ออกแบบมาได้อลังการจริงๆ เพราะกว่าจะขึ้นไปถึง ต้องใช้บันไดเลื่อน สูงมากๆ
รอซื้อตั๋ว
ได้ตั๋วมาแล้วค่ะ คนละ 600 yen
บันไดเลื่อน สีแดงๆ นี่สูงมาก ขึ้นไปถึงชั้น 6 (หมายถึง จากที่เห็นในรูป ก็มีบันไดเลื่อน อีก 2-3 Step ที่ต้องขึ้นไปถึงจุดที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์
ถึงแล้วค่ะ เจอสะพานแบบนี้ ทำเลียนแบบ สะพานในสมัยก่อน
มองจากสะพานลงไป เจอตึกโบราณ สร้างขึ้นมาในอาคารหลังใหญ่ที่เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ค่ะ
เดินทั่วๆ ก็จะเจอภาพเหล่านี้ค่ะ ฉันชอบมากจริงๆ ได้ความรู้ ได้ดูอดีต ได้เห็นวิถีชีวิตคนสมัยก่อน และหน้าตาเมืองในอดีต
ตรงนี้เป็นด้านล่างสะพาน ที่เห็นเมื่อกี้
มุมนี้เป็นเหมือน โมเดลจำลองเมือง ทำได้ดีมากค่ะ สะพานที่ทำเลียนแบบมาก็คือตรงนี้ในอดีต ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะอ่านเจอว่าอยู่แถว Asakusa
ตรงนี้เป็นแหล่งบันเทิงในอดีต จำไม่ได้ว่าเป็นย่านกินซ่ารึป่าว ใครอ่านญี่ปุ่นออก น่าจะบอกได้
ฉันเพลินตาเพลินใจ อิ่มเอมทั้งความรู้ที่ได้ และ ความฟินกับบรรยากาศย้อนยุคค่ะ ถ่ายรูปมาเยอะพอสมควร เลยจะขอลงรูปอีกสักหน่อย เผื่อไว้ดูยามแก่เฒ่า อิอิ
ด้วยเพราะ Model ที่ทำไว้อย่างละเอียดในตู้กระจก กว้างๆ เค้าก็มีกล้องส่องทางไกลไว้ให้ด้วยค่ะ เผื่อเราอยากดูจุดที่อยู่ไกลจากตัวเราไป
หน้าตาตลาดสมัยก่อน
ตู้โทรศัพท์โบราณ (แต่ดูทันสมัยจัง)
บ้านแบบจำลอง (ให้เข้าไปได้ด้วยค่ะ ถอดรองเท้าด้วย เหมือนคนญี่ปุ่น)
ห้องครัวจำลองในบ้านญี่ป่น
ทำคลอด
ทีวี แอร์ รุ่นนี้ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ซะละ
สมัยก่อน ยังจำได้ว่า ที่บ้านก็มีแผ่นแบบนี้ กั้นหน้าจอทีวี กันแสงเยอะๆ เข้าตา อันตราย
หม้อหุงข้าวแบบนี้ เป็นของโบราณไปซะละ
The first Japanese Light car ซูบารุ 360
จักรเย็บผ้ารุ่นนี้ อยู่ในพิพิธภัณฑ์ซะแล้ว
รถโบราณกับปั้มหลอด
สามล้อก็มี
จำลองชั้นดินในโตเกียว
สมัยก่อนมี Tower ชื่อ ตึก 12 ชั้น หรือ Ryounkaku แต่พังไปแล้ว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อปี 1923
เมื่อก่อนเคยเป็นสัญญลักษณ์ของ Asakusa และก็ปรากฎอยู่ในรูปภาพที่เป็นของที่ระลึก
มีทั้งหมด 12 ชั้น โดย 10 ชั้นแรกเป็นอิฐ แต่ชั้น 11-12 ทำด้วยไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อน ดูเมืองผ่านกล้อง Telescopes มี Lounge สำหรับนั่งกินดื่ม มีร้านขายสินค้านำเข้า
ส่วนที่อยู่ล่างสุด เป็นภาพในอดีตของ Tower ที่พังไปแล้ว
J A P A N วางแผนเที่ยวตามผังขบวนรถไฟใต้ดินในโตเกียว
แพ็คเก็จที่ว่าราคาคนละ 4,880 Yen (หน้าตาตั๋วโชว์ไว้ในกระทู้แรกค่ะ) โดยรถไฟจาก Narita ชื่อ Skyliner ของค่าย Keisei จะวิ่งตั้งแต่สนามบินนาริตะ Terminal 1 จนถึงสถานี Keisei Ueno ถ้าใครจองที่พักแถวสถานี Ueno ใกล้ๆ กับ Ueno Park หรือตลาด Ameyayoko ก็สะดวกเลยค่ะ
ส่วน Metro Pass 2 วัน แปลว่า ต้องใช้ติดต่อกัน 2 วัน
กระทู้ก่อนหน้านี้คือ
J A P A N อีกสักครั้ง http://ppantip.com/topic/31206960
J A P A N ไปกิน ichiran ramen http://ppantip.com/topic/31210872
J A P A N นั่งรถไฟเที่ยวในโตเกียว / พาไปกิน Ippudo Ramen กับสาขาที่มี Look ที่แตกต่าง http://ppantip.com/topic/31211683
ตามหาสถานี ของ Metro ก็ดูป้ายแบบนี้ค่ะ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tokyo Metro พร้อมผังของรถไฟได้ที่นี่ค่ะ
http://www.tokyometro.jp/en/ride/guide/pdf/tokyo_metro_guide.pdf
มาดูเรื่อง Pass กันบ้างค่ะ รถไฟใต้ดินมี One day Pass ที่ราคา 600 yen ซื้อได้ที่สนามบินเท่านั้น เพราะขายให้ Tourist ในราคานี้ ถ้าซื้อในเมืองราคา 710 ใช้ได้เฉพาะรถไฟเมโทร ถ้าเราเดินทางไม่ Cover 600 yen ต่อวัน หรือ Two day Pass 980 yen/คน ก็ไม่คุ้ม และ ที่สำคัญ สถานีที่ Metro จอดก็ไม่ Cover สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมด
แต่..ค่ะ...แต่...ประเภท One day Pass แบบ Combination น่าจะเหมาะกว่า เพราะใช้ได้ทั้ง Metro และ Toei ราคา 1000 yen ถ้าจะใช้ให้คุ้มก็ต้องเที่ยวแบบ รีบๆ ไปหลายๆ ที่ให้คุ้มค่ะ เพราะราคาของตั๋วแต่ละเที่ยวคือ 160-300 yen
วางแผนเที่ยวตามผังรถไฟ เพื่อต้องการประหยัดก็ต้องใช้ Pass แต่ก็ต้องหมายความว่า เราจะชิลๆ เดินทอดน่อง นั่งพัก นั่งกิน ที่ไหนนานๆ ก็อาจไม่คุ้ม แต่ถ้ามองว่า เราไม่เน้น Shopping หรือไม่ชอบอยู่ที่ไหนนานๆ และต้องการเห็นโตเกียวในหลายๆ พื้นที่ เช่น (เรียงให้ตั้งแต่เช้าถึงค่ำเลยละกันค่ะ) คือ ไปตลาดปลา Tsukiji, ไปดู Tokyo SkyTree, ไปดูประวัติศาสตร์ ย้อนยุคโตเกียว ที่ Edo Museum, ไปถ่ายรูปกับโคมแดง ดูรถลาก และถ่ายรูปก้อนอี้ ตึก Asahi ที่ Asakusa, แล้วก็ไป Shinjuku เผื่อไปซื้อตั๋ว Hakone Pass -ของค่าย Odakyu และแวะเที่ยวชมย่าน Shopping หรือจะแวะกินราเมนเทมปุระราคาไม่แพงกับเจ้าที่แนะนำไปในกระทู้ก่อน หากมีเวลาเหลือก็อาจไปชมตลาดกลางคืนที่ Ameyayoko สถานี Ueno ก็ได้ แบบนี้แหละ คุ้มแน่ กับ One day Pass แบบ combination (แต่คงเหนื่อยพอสมควร เพราะเริ่มตั้งแต่เช้า คือ ตลาดปลา จบก็สามสี่ทุ่มเลย)
เสริมให้อีกนิดค่ะ จากผังรถไฟใต้ดินนี้ สังเกตุที่มุมล่างขวานะคะ
รถไฟใต้ดิน ที่ว่ามี สองค่ายนั้น แบ่งตามอะไร ก็ง่ายๆ ค่ะ รูปข้างล่างนี้ หาคำว่า Toei Line กับ Tokyo Metro Line นะคะ แบ่งเป็น สองฝั่งชัดเจน แต่ละสถานมีสีกำกับ ยกเว้นที่แทรกเข้ามา คือ สีเทา กับ เส้นสีเล็กๆ และเส้น ที่เป็นสัญญลักษณ์ทางรถไฟนั่นไม่เกี่ยว เพราะ Toei Line มีแค่ 4 เส้นหลักๆ ส่วน Metro Line มี 9 เส้น ตามรูปที่แบ่งมาให้ดูชัดๆ ค่ะ
ที่นี้ มาลองดูตัวอย่างกันค่ะ รถไฟใต้ดินพาไปไหนได้บ้าง มีที่ไหนน่าสนใจ หรือไปกินบุฟเฟต์ปิ้งย่างราคาไม่แพงที่ไหน
เช้ามา ไปตลาดปลากันก่อนนะคะ การไปตลาดปลา ที่ง่ายที่สุด เดินน้อยที่สุด กืคือใช้ รถไฟใต้ดิน Toei Oedo Line สีชมพูเข้มๆ นั่นแหละค่ะ (ส่วนจะมาจากส่วนไหนของโตเกียว ก็ลองดูในผังสถานีรถไฟทั้ง 2 ผังที่ให้ไว้ในกระทู้ที่แล้ว) ลงที่สถานี Tsukijishiro Exit จะมีป้ายบอกตลอดค่ะ ออกจากสถานีมา ก็เดินไปทางซ้ายเลยค่ะ คำเตือน... ตลาดปลาไม่ได้เปิดทุกวันนะคะ
ปิดทุกวันอาทิตย์ และ บางพุธ กับ วันหยุดแห่งชาติของเค้าค่ะ ทางที่ดี เลือกไปวันไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่วันพุธ กับวันอาทิตย์
ที่บอกก็เพราะ ฉันบังเอิญตัดสินปุ๊ปปั๊บตรงกับวันพุธ ซึ่งไปถึง ออกจากสถานีมา ก็เจอป้ายนี้ตรงทางเดินที่จะเข้าไปตลาดเลยค่ะ (แอบเซ็งอุตส่าห์คิดว่าจะออกเที่ยวแต่เช้า บ่ายมาก็ง่วงมาก)
ใครจะไปดูการประมูลปลา (Tuna Auction) ต้องไปตั้งแต่ ตี 5 หรือก่อนหน้านั้น เพราะต้องไปจองที่ Osakana Fukyu Center (Fish Information Center) ตรงประตู Kachidoki Gate (ดูผังตลาดจากรูปด้านล่างค่ะ)
จำนวนที่ให้เข้าไปดูได้ จะจำกัดไว้ที่ 120 คนต่อวัน แต่แบ่งเป็น 2 รอบๆ ละ 60 คน รูปแบบการจำกัดคนเข้าคือ First Come - First Serve คือใครมาก่อนได้เข้าก่อน ใช้เวลา ณ จุดนี้ไม่ถึงชั่วโมง และจะมีพื้นที่เฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการทำงานของเค้า
Credit ภาพจาก Japan-Guide.com
ส่วนบริเวณตลาดค้าส่งปลา ก็จะเปิดให้เข้าไปหลัง 9.00 และไม่ควรนำเอากระเป๋าลากไป (คงเคยมีคนเอาไปแล้วกะต่อไปขึ้นเครื่องเลย เค้าเลยเขียนห้ามไว้มั้ง) และที่ตลาดปลาแห่งนี้ คนที่รักการกินปลาดิบ ก็ต้องไม่พลาด (แต่ฉันพลาดไปซะแล้ว ถึงไม่นิยมหรือหลงไหลปลาดิบก็ตาม) ได้เห็นแค่ไม่กี่ร้านที่ขายอาหารในวันที่ตลาดปลาปิดค่ะ แต่ไม่ได้เข้าไปกิน เพราะร้านที่เป็นร้านดังก็ปิดกับเค้าด้วย
เกี่ยวกับตลาดปลา มีสมาชิกท่านอื่นๆ รีวิวไว้เยอะแล้ว ขอข้ามไปเที่ยว Edo Tokyo Museum เลยนะคะ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับประวัติศาสต์ แสดงภาพ และวิถีชีวิตผู้คนในอดีต ซึ่งโตเกียวสมัยก่อน ก็คือ Edo ได้เห็นบรรยากาศ ของโตเกียวทั้งทางด้านวัฒนธรรม สังคม และ การเมือง
ปิดทุกวันจันทร์ เปิดตังแต่ 9.30 - 17.30 แต่วันเสาร์ เปิดถึง 19.30 ค่ะ
วิธีไป ก็ใช้ Toei Line ค่ะ ง่ายสุดๆ ถึงสถานี Ryogoku เดินออกมาก็เจอเลย เดินใกล้มาก ภาพแรกที่เดินขึ้นไป ก็เจอแบบนี้เลยค่ะ
ภาพโดยรวมหน้าตาของพิพิธภัณฑ์ เป็นอาคารที่ออกแบบมาได้อลังการจริงๆ เพราะกว่าจะขึ้นไปถึง ต้องใช้บันไดเลื่อน สูงมากๆ
รอซื้อตั๋ว
ได้ตั๋วมาแล้วค่ะ คนละ 600 yen
บันไดเลื่อน สีแดงๆ นี่สูงมาก ขึ้นไปถึงชั้น 6 (หมายถึง จากที่เห็นในรูป ก็มีบันไดเลื่อน อีก 2-3 Step ที่ต้องขึ้นไปถึงจุดที่จะเป็นพิพิธภัณฑ์
ถึงแล้วค่ะ เจอสะพานแบบนี้ ทำเลียนแบบ สะพานในสมัยก่อน
มองจากสะพานลงไป เจอตึกโบราณ สร้างขึ้นมาในอาคารหลังใหญ่ที่เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ค่ะ
เดินทั่วๆ ก็จะเจอภาพเหล่านี้ค่ะ ฉันชอบมากจริงๆ ได้ความรู้ ได้ดูอดีต ได้เห็นวิถีชีวิตคนสมัยก่อน และหน้าตาเมืองในอดีต
ตรงนี้เป็นด้านล่างสะพาน ที่เห็นเมื่อกี้
มุมนี้เป็นเหมือน โมเดลจำลองเมือง ทำได้ดีมากค่ะ สะพานที่ทำเลียนแบบมาก็คือตรงนี้ในอดีต ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะอ่านเจอว่าอยู่แถว Asakusa
ตรงนี้เป็นแหล่งบันเทิงในอดีต จำไม่ได้ว่าเป็นย่านกินซ่ารึป่าว ใครอ่านญี่ปุ่นออก น่าจะบอกได้
ฉันเพลินตาเพลินใจ อิ่มเอมทั้งความรู้ที่ได้ และ ความฟินกับบรรยากาศย้อนยุคค่ะ ถ่ายรูปมาเยอะพอสมควร เลยจะขอลงรูปอีกสักหน่อย เผื่อไว้ดูยามแก่เฒ่า อิอิ
ด้วยเพราะ Model ที่ทำไว้อย่างละเอียดในตู้กระจก กว้างๆ เค้าก็มีกล้องส่องทางไกลไว้ให้ด้วยค่ะ เผื่อเราอยากดูจุดที่อยู่ไกลจากตัวเราไป
หน้าตาตลาดสมัยก่อน
ตู้โทรศัพท์โบราณ (แต่ดูทันสมัยจัง)
บ้านแบบจำลอง (ให้เข้าไปได้ด้วยค่ะ ถอดรองเท้าด้วย เหมือนคนญี่ปุ่น)
ห้องครัวจำลองในบ้านญี่ป่น
ทำคลอด
ทีวี แอร์ รุ่นนี้ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์ซะละ
สมัยก่อน ยังจำได้ว่า ที่บ้านก็มีแผ่นแบบนี้ กั้นหน้าจอทีวี กันแสงเยอะๆ เข้าตา อันตราย
หม้อหุงข้าวแบบนี้ เป็นของโบราณไปซะละ
The first Japanese Light car ซูบารุ 360
จักรเย็บผ้ารุ่นนี้ อยู่ในพิพิธภัณฑ์ซะแล้ว
รถโบราณกับปั้มหลอด
สามล้อก็มี
จำลองชั้นดินในโตเกียว
สมัยก่อนมี Tower ชื่อ ตึก 12 ชั้น หรือ Ryounkaku แต่พังไปแล้ว จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อปี 1923
เมื่อก่อนเคยเป็นสัญญลักษณ์ของ Asakusa และก็ปรากฎอยู่ในรูปภาพที่เป็นของที่ระลึก
มีทั้งหมด 12 ชั้น โดย 10 ชั้นแรกเป็นอิฐ แต่ชั้น 11-12 ทำด้วยไม้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อน ดูเมืองผ่านกล้อง Telescopes มี Lounge สำหรับนั่งกินดื่ม มีร้านขายสินค้านำเข้า
ส่วนที่อยู่ล่างสุด เป็นภาพในอดีตของ Tower ที่พังไปแล้ว