ตอนนี้เรียกว่าจัดหนักกันเลยทีเดียวครับ แต่จัดหนักด้านเนื้อเรื่องเฉลยปมนะครับ
เปิดตอนมาด้วยงานศพของ 2 หนุ่มทีม Doberman โดยมีของส่วนตัวของแต่ละคนใส่ไปในโลง
เป็นตอนที่ค่อนข้างหนักสำหรับทีมกระต่ายซึ่งได้รู้จักกับความตายแบบซึ่งๆ หน้า กับคนที่รู้จักกันดีและเห็นกันอยู่หลัดๆ
ตอนฉายนั้นบอร์ดนอกค่อนข้างติน้องเหมียวทามากิพอสมควรเหมือนกันแต่ทั้งนี้ก็น่าเห็นใจน้องเหมียวแกอยู่
เธอแค่อายุ 15 ปี(แม้ว่าบางส่วนของร่างกายเธอจะโตไประดับปริญาเอกแล้วก็ตาม)และยังเป็นฝ่ายไล่จีบชาวบ้านเขาไปทั่ว
พึ่งเคยโดนคนมาหลงครั้งแรกขนาดพี่เทพเคย์มะเองโดนยุยรุกไล่จีบเข้าไปยังแทบไปไม่เป็นเลยทีเดียว
ต่อด้วยฉากน่ารักๆ และซึ้งๆ ของสองสาวที่คอยปลอบกัน
แต่ซึ้งได้ไม่นานทามากิที่ซุกหน้าเหมือนจะร้องไห้ดันซุกหน้างอตัวเพราะปวดท้องจากการกินมากเกินไป ซึ้งอยู่ดีๆ ก็เอาฮาได้นะน้องเหมียว
ทางด้านลุงชิม่อนก็เรียกอามาเนะมารับทราบข้อมูลที่ได้จากทีม Doberman และมอบหมายให้วางแผนถล่มประตูมิตินี้ให้ราบคาบ
เหมือนยังไม่หน่ำใจ อิซุรุก็มีอันล้มหมอนนอนเสื่อไปอีกคน อาการที่อิซุรุเป็นนั้นคล้ายกับโรค Progeria Syndrome หรือโรคแก่ก่อนวัย
โดยอาการนั้นร่างกายจะเกิดการเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร เป็นโรคทางพันธุกรรมซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 1 ใน 8 ล้านในเด็กแรกเกิด
รินรินที่กังวลถึงผลข้างเคียงของการใช้ AHSMB อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่แล้วเลยเครียดใหญ่ ซึ่งหมอประจำยานไม่รู้ถึงเรื่องนี้มาก่อนจึงขอให้รินเล่าโดยละเอียด ณ จุดนี้ Ange เองก็โดนเรียกเข้าตรวจด้วยเพราะเป็นอีกคนหนึ่งที่เวลาขับหุ่นแล้วเปลี่ยนบุคคลิก
ดังนี้เธอจึงได้ตรวจสอบย้อนกลับไปยังพันธุกรรมของผู้บริจาค DNA แต่กลับพบว่าข้อมูลผู้บริจาค DNA ของอิซุรุนั้นถูกปิดเป็นความลับสุดยอด เลยจำเป็นต้องขอให้ลุงชิม่อนปลดล๊อกให้ ขณะที่ทางอามาเนะเองก็ติดต่อเข้ามาขอให้ลุงแกช่วยหาวิธีเกลี้ยกล่อมให้สหพันธ์ทุ่มกำลังหมดตักในแผนการถล่ม Wulgaru Gate
จุดต่อไปนี้ผมรู้สึกว่าเหมือนยัดบทหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ก็พอแถๆ ไปได้ว่าหุ่นของอาซากินั้นคล้ายกับหุ่นของอิซุรุเลยขอไปช่วยลองหุ่นให้แทนเจ้าตัวที่นอนอยู่ห้องพยาบาล ซึ่งปรกติแล้วหุ่นจะล๊อก DNA ของคนขับไว้ใช้เปิดเครื่องแต่อาซากิดันเข้าไปนั่งแล้วเครื่องติด
ด้านสหพันธ์ที่กำลังประชุมเครียด ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเทหมดตักเพราะระแวงชาติอื่นอีกทั้งเรื่องเทโอเรียเป็นองค์หญิงจาก Wulgaru นั้นก็ยังเชื่อได้ยากเพราะดูๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ต่างอะไรจากมนุษย์ทั่วไปเลยจนเธอต้องเอาหุ่นของเธอบินมาจ่อคุมเชิงถึงจะยอมเชื่อกัน ซึ่งช่วงนี้ผมว่าเธอเหมือนลักซ์ไคล + ฮามานมากกว่าจะเป็นเจ้าแม่อาวุธที่นั่งอยู่หลังบรรลังค์แต่เล่นเอาปืนมาจ่อกันเลยทีเดียว
(สังเกตุว่าโครงหน้าเทโอเรียดูเปลี่ยนไปเวลาเอาจริง)
ด้านอาซากิที่คาใจว่าตัวเองเปิดเครื่อง Red 5 ได้อย่างไรก็ไปเค้นถามเอากับรินริน (สองคนนี้ค่อยดูสมกับเป็นศิษย์อาจารย์ คนอื่นเหมือนเป็นพี่ดูแลน้องซะมากกว่า)
ซึ่งเฉลยมาประโยคแรกก็เล่นเอากระทบทั้งเมะและมังงะ นั้นคือนักบิน AHSMB หรือนักเรียน MJP ทุกคนนั้นเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และ Wulgaru โดย DNA ของ Wulgaru นั้นเทโอเรียขนมาด้วยตอนหลบหนีมายังโลก
แต่ทั้งนี้เพื่อความสมบรูณ์ จำเป็นจะต้องให้ DNA บริสุทธิ์มากหรือใกล้เคียง Wulgaru เท่าที่จะมากได้
เทโอเรีย : อิซุรุ ฉันมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกเธอ
อิซุรุ : อะ อะไรหรือครับ (จะบอกรักผมใช่ไหม
)
เทโอเรีย : ฉันคือแม่ของเธอ
อิซุรุ : NOOOooooooooo
(เสียดายไม่มีใครเอาภาพ Star wars มาล้อเลย อารมณ์กองอวยเทโอเรียประมาณนั้นเลยทีเดียว)
จุดนี้ไขปริศนาได้เพียบเลยทีเดียวว่าทำไมเทโอเรียถึงเป็นห่วงไปเป็นใยอิซุรุมากมายนัก และทำไมองครักษ์พิทักษ์ข้างกายเธอถึงไม่ค่อยชอบอิซุรุที่ทำเธอเสียใจตอนโดนแยกจากไปแต่กระนั้นก็ยังเลือกร้านอาหารที่ทำให้ทั้งสองคนเจอกันโดยไม่เกร็งกันมาก
และที่สำคัญไขปริศนาความเก่งผิดมนุษย์ของอิซุรุ(แหง๋ละลูกครึ่งเลือดแท้สายพันธุ์ชั้นสูงด้วย) รวมไปถึงโรคคล้ายโรคแก่ก่อนวัยที่อิซุรุเป็นอยู่ตอนนี้ด้วย ถ้ายังจำกันได้พวก Wulgaru นั้นจะต้องฉีดสารบางอย่างกันเพื่อให้ร่างกายไม่เสื่อมสภาพซึ่งต้องใช้กันตั้งแต่ทหารราบยันองค์ชายอย่าง Jiart หรือองค์หญิงอย่างเทโอเรีย แต่ว่าเราก็อาจจะตีความได้มุมตรงข้ามได้ว่าถ้าอิซุรุฉีดสารพวกนี้บ้างอาจจะมีอายุยืนยาวแบบพวก Wulgaru ก็เป็นได้
(ฉากนี้วาดเผารินรินซะได้ เอวคอดซะเวอร์มาก)
จุดนี้เฉลยแน่นอนว่าเทโอเรียไม่ใช่แม่ของอาซากิ แต่เป็น DNA ฝั่งพ่อที่มาจากแหล่งเดียวกัน
แม้จะไม่บอกแต่อาซากิก็เดาว่า DNA ฝั่งพ่อเป็นของใครได้ถูกต้องจนรินตะลึงไปเลยทีเดียว
ถ้ายังไม่ลืมกัน อาซากิมีความสามารถพิเศษด้านการประมวลผลข้อมูล เมื่อพิจารณาว่า DNA ฝั่งแม่ของอิซุรุนั้นเป็นระดับสุดยอดที่สุดของ Wulgaru เท่าที่มีให้ใช้กัน DNA ฝั่งพ่อก็ควรเป็นบุคคลระดับสุดยอดที่สุดของฝั่งมนุษย์ไม่แพ้ซึ่งจะเป็นใครไหนอื่นได้นอกจากลุงซิม่อน
(กลายเป็นคู่อวย คู่จิน คู่ให้ขับไล่ไสส่งสำหรับกองอวยเคย์ในบอร์ดนอกเลยทีเดียว)
ด้านอาซากิที่ได้รู้ความจริงแล้วก็เลยมาหาอิซุรุ (มีแอบใส่บทมาหน่อยว่าอาซากินั้นจริงๆ แล้วแอบชอบเคย์อยู่แต่โดนอิซุรุปักธงมิดไปแล้วนี่สิ)
แต่งานนี้อิซุรุตบมุกกระจายครับ เหตุที่อาซากิมานั้นก็เพื่อจะบอกว่าเป็นพี่น้องกันแต่คิดๆ ไปก็ว่าจะไม่บอกอยู่แต่เจออิซุรุทักว่าจะตายวันตายพรุ่งไม่รู้เหมือนรุ่นพี่อย่างแรนดี้และแพททริกอาซากิเลยตัดสินใจบอกไปในที่สุด ซึ่งปฏิกริยาตอบสนองของอิซุรุในเรื่องนี้คือ...
อิซุรุ : โอนี่จาง
(ฮากันหงายเงิบทีเดียว แบบว่าที่เครียดๆ กดดัน ดราม่า ปมปริศามาทั้งตอนกระจุยกับประโยคนี้หมดนี่แหละ
)
ส่วนอาซากินั้นก็
ตัดไปทางสหพันธ์ที่ยอมทุ่มหมดตักกันแต่โดยดี เทโอเรียมาดนี้ค่อยน่าอวยหน่อย(แต่เสียดายผมอวยรินรินไปแล้ว อิอิ)
ปิดท้ายกับ 6 ดาวหางแทนทีมกระต่าย เมะเรื่องนี้ใช้เพลงคุ้มจริงๆ
ของแถมเช่นเคย
[วิเคราะห์เก็บตกหลังดูจบเรื่อง] Ginga Kikoutai Majestic Prince ตอนที่ 20
เปิดตอนมาด้วยงานศพของ 2 หนุ่มทีม Doberman โดยมีของส่วนตัวของแต่ละคนใส่ไปในโลง
เป็นตอนที่ค่อนข้างหนักสำหรับทีมกระต่ายซึ่งได้รู้จักกับความตายแบบซึ่งๆ หน้า กับคนที่รู้จักกันดีและเห็นกันอยู่หลัดๆ
ตอนฉายนั้นบอร์ดนอกค่อนข้างติน้องเหมียวทามากิพอสมควรเหมือนกันแต่ทั้งนี้ก็น่าเห็นใจน้องเหมียวแกอยู่
เธอแค่อายุ 15 ปี(แม้ว่าบางส่วนของร่างกายเธอจะโตไประดับปริญาเอกแล้วก็ตาม)และยังเป็นฝ่ายไล่จีบชาวบ้านเขาไปทั่ว
พึ่งเคยโดนคนมาหลงครั้งแรกขนาดพี่เทพเคย์มะเองโดนยุยรุกไล่จีบเข้าไปยังแทบไปไม่เป็นเลยทีเดียว
ต่อด้วยฉากน่ารักๆ และซึ้งๆ ของสองสาวที่คอยปลอบกัน
แต่ซึ้งได้ไม่นานทามากิที่ซุกหน้าเหมือนจะร้องไห้ดันซุกหน้างอตัวเพราะปวดท้องจากการกินมากเกินไป ซึ้งอยู่ดีๆ ก็เอาฮาได้นะน้องเหมียว
ทางด้านลุงชิม่อนก็เรียกอามาเนะมารับทราบข้อมูลที่ได้จากทีม Doberman และมอบหมายให้วางแผนถล่มประตูมิตินี้ให้ราบคาบ
เหมือนยังไม่หน่ำใจ อิซุรุก็มีอันล้มหมอนนอนเสื่อไปอีกคน อาการที่อิซุรุเป็นนั้นคล้ายกับโรค Progeria Syndrome หรือโรคแก่ก่อนวัย
โดยอาการนั้นร่างกายจะเกิดการเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร เป็นโรคทางพันธุกรรมซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 1 ใน 8 ล้านในเด็กแรกเกิด
รินรินที่กังวลถึงผลข้างเคียงของการใช้ AHSMB อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่แล้วเลยเครียดใหญ่ ซึ่งหมอประจำยานไม่รู้ถึงเรื่องนี้มาก่อนจึงขอให้รินเล่าโดยละเอียด ณ จุดนี้ Ange เองก็โดนเรียกเข้าตรวจด้วยเพราะเป็นอีกคนหนึ่งที่เวลาขับหุ่นแล้วเปลี่ยนบุคคลิก
ดังนี้เธอจึงได้ตรวจสอบย้อนกลับไปยังพันธุกรรมของผู้บริจาค DNA แต่กลับพบว่าข้อมูลผู้บริจาค DNA ของอิซุรุนั้นถูกปิดเป็นความลับสุดยอด เลยจำเป็นต้องขอให้ลุงชิม่อนปลดล๊อกให้ ขณะที่ทางอามาเนะเองก็ติดต่อเข้ามาขอให้ลุงแกช่วยหาวิธีเกลี้ยกล่อมให้สหพันธ์ทุ่มกำลังหมดตักในแผนการถล่ม Wulgaru Gate
จุดต่อไปนี้ผมรู้สึกว่าเหมือนยัดบทหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ก็พอแถๆ ไปได้ว่าหุ่นของอาซากินั้นคล้ายกับหุ่นของอิซุรุเลยขอไปช่วยลองหุ่นให้แทนเจ้าตัวที่นอนอยู่ห้องพยาบาล ซึ่งปรกติแล้วหุ่นจะล๊อก DNA ของคนขับไว้ใช้เปิดเครื่องแต่อาซากิดันเข้าไปนั่งแล้วเครื่องติด
ด้านสหพันธ์ที่กำลังประชุมเครียด ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเทหมดตักเพราะระแวงชาติอื่นอีกทั้งเรื่องเทโอเรียเป็นองค์หญิงจาก Wulgaru นั้นก็ยังเชื่อได้ยากเพราะดูๆ แล้วเธอก็ไม่ได้ต่างอะไรจากมนุษย์ทั่วไปเลยจนเธอต้องเอาหุ่นของเธอบินมาจ่อคุมเชิงถึงจะยอมเชื่อกัน ซึ่งช่วงนี้ผมว่าเธอเหมือนลักซ์ไคล + ฮามานมากกว่าจะเป็นเจ้าแม่อาวุธที่นั่งอยู่หลังบรรลังค์แต่เล่นเอาปืนมาจ่อกันเลยทีเดียว
(สังเกตุว่าโครงหน้าเทโอเรียดูเปลี่ยนไปเวลาเอาจริง)
ด้านอาซากิที่คาใจว่าตัวเองเปิดเครื่อง Red 5 ได้อย่างไรก็ไปเค้นถามเอากับรินริน (สองคนนี้ค่อยดูสมกับเป็นศิษย์อาจารย์ คนอื่นเหมือนเป็นพี่ดูแลน้องซะมากกว่า)
ซึ่งเฉลยมาประโยคแรกก็เล่นเอากระทบทั้งเมะและมังงะ นั้นคือนักบิน AHSMB หรือนักเรียน MJP ทุกคนนั้นเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์และ Wulgaru โดย DNA ของ Wulgaru นั้นเทโอเรียขนมาด้วยตอนหลบหนีมายังโลก
แต่ทั้งนี้เพื่อความสมบรูณ์ จำเป็นจะต้องให้ DNA บริสุทธิ์มากหรือใกล้เคียง Wulgaru เท่าที่จะมากได้
เทโอเรีย : อิซุรุ ฉันมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะบอกเธอ
อิซุรุ : อะ อะไรหรือครับ (จะบอกรักผมใช่ไหม )
เทโอเรีย : ฉันคือแม่ของเธอ
อิซุรุ : NOOOooooooooo
(เสียดายไม่มีใครเอาภาพ Star wars มาล้อเลย อารมณ์กองอวยเทโอเรียประมาณนั้นเลยทีเดียว)
จุดนี้ไขปริศนาได้เพียบเลยทีเดียวว่าทำไมเทโอเรียถึงเป็นห่วงไปเป็นใยอิซุรุมากมายนัก และทำไมองครักษ์พิทักษ์ข้างกายเธอถึงไม่ค่อยชอบอิซุรุที่ทำเธอเสียใจตอนโดนแยกจากไปแต่กระนั้นก็ยังเลือกร้านอาหารที่ทำให้ทั้งสองคนเจอกันโดยไม่เกร็งกันมาก
และที่สำคัญไขปริศนาความเก่งผิดมนุษย์ของอิซุรุ(แหง๋ละลูกครึ่งเลือดแท้สายพันธุ์ชั้นสูงด้วย) รวมไปถึงโรคคล้ายโรคแก่ก่อนวัยที่อิซุรุเป็นอยู่ตอนนี้ด้วย ถ้ายังจำกันได้พวก Wulgaru นั้นจะต้องฉีดสารบางอย่างกันเพื่อให้ร่างกายไม่เสื่อมสภาพซึ่งต้องใช้กันตั้งแต่ทหารราบยันองค์ชายอย่าง Jiart หรือองค์หญิงอย่างเทโอเรีย แต่ว่าเราก็อาจจะตีความได้มุมตรงข้ามได้ว่าถ้าอิซุรุฉีดสารพวกนี้บ้างอาจจะมีอายุยืนยาวแบบพวก Wulgaru ก็เป็นได้
(ฉากนี้วาดเผารินรินซะได้ เอวคอดซะเวอร์มาก)
จุดนี้เฉลยแน่นอนว่าเทโอเรียไม่ใช่แม่ของอาซากิ แต่เป็น DNA ฝั่งพ่อที่มาจากแหล่งเดียวกัน
แม้จะไม่บอกแต่อาซากิก็เดาว่า DNA ฝั่งพ่อเป็นของใครได้ถูกต้องจนรินตะลึงไปเลยทีเดียว
ถ้ายังไม่ลืมกัน อาซากิมีความสามารถพิเศษด้านการประมวลผลข้อมูล เมื่อพิจารณาว่า DNA ฝั่งแม่ของอิซุรุนั้นเป็นระดับสุดยอดที่สุดของ Wulgaru เท่าที่มีให้ใช้กัน DNA ฝั่งพ่อก็ควรเป็นบุคคลระดับสุดยอดที่สุดของฝั่งมนุษย์ไม่แพ้ซึ่งจะเป็นใครไหนอื่นได้นอกจากลุงซิม่อน
(กลายเป็นคู่อวย คู่จิน คู่ให้ขับไล่ไสส่งสำหรับกองอวยเคย์ในบอร์ดนอกเลยทีเดียว)
ด้านอาซากิที่ได้รู้ความจริงแล้วก็เลยมาหาอิซุรุ (มีแอบใส่บทมาหน่อยว่าอาซากินั้นจริงๆ แล้วแอบชอบเคย์อยู่แต่โดนอิซุรุปักธงมิดไปแล้วนี่สิ)
แต่งานนี้อิซุรุตบมุกกระจายครับ เหตุที่อาซากิมานั้นก็เพื่อจะบอกว่าเป็นพี่น้องกันแต่คิดๆ ไปก็ว่าจะไม่บอกอยู่แต่เจออิซุรุทักว่าจะตายวันตายพรุ่งไม่รู้เหมือนรุ่นพี่อย่างแรนดี้และแพททริกอาซากิเลยตัดสินใจบอกไปในที่สุด ซึ่งปฏิกริยาตอบสนองของอิซุรุในเรื่องนี้คือ...
อิซุรุ : โอนี่จาง (ฮากันหงายเงิบทีเดียว แบบว่าที่เครียดๆ กดดัน ดราม่า ปมปริศามาทั้งตอนกระจุยกับประโยคนี้หมดนี่แหละ )
ส่วนอาซากินั้นก็
ตัดไปทางสหพันธ์ที่ยอมทุ่มหมดตักกันแต่โดยดี เทโอเรียมาดนี้ค่อยน่าอวยหน่อย(แต่เสียดายผมอวยรินรินไปแล้ว อิอิ)
ปิดท้ายกับ 6 ดาวหางแทนทีมกระต่าย เมะเรื่องนี้ใช้เพลงคุ้มจริงๆ
ของแถมเช่นเคย