ถ้าพูดถึงลำดับความดังของ Superhero ใน Series The Avengers แล้วละก็ อันดับคงต้องเป็น Iron Man ตามมาด้วย Thor, Captain America ปิดท้ายด้วย Hulk หลังจากปล่อยให้ Iron Man โลดแล่นในภาพยนตร์มาแล้วถึงสี่เรื่อง คราวนี้คงต้องเป็นตาของบุรุษแห่ง Asgard ในการปรากฏตัวครั้งที่สามบ้างละ (Thor, The Avengers, The Dark World)
คราวนี้มีหลาย ๆ สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาทำให้ The Dark World ดูเหนือกว่าภาคแรกในหลาย ๆ ด้าน เติมเต็มสิ่งที่หายไปจากภาคแรก ไม่ว่าจะเป็น
Asgard Royal Family - ความสัมพันธ์กันในครอบครัวของพ่อ แม่ สองพี่น้องราชตระกูลถูกนำมาขยายความเพิ่มในภาคนี้ ทั้งความคิดความรู้สึกของ Loki, การเป็นแม่ของ... จำชื่อไม่ได้, ความเป็นพี่น้องของ Loki ก็ถูกขยายความมากขึ้นไปอีก
Loki - Thor ภาคนี้นอกจาก Thor จะเด่นแล้ว อีกตัวละครหนึ่งที่เด่นไม่แพ้กันคือ Loki ซึ่งกลายเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำตัวหนึ่ง บางทีอาจจะชอบมากกว่า Thor เสียอีก (คล้ายกับ Joker และ Batman) ในภาคนี้เราได้เห็นความคิดของ Loki มากขึ้นไปอีก โดนเฉพาะสิ่งที่เค้าคิอต่อ Thor, Odin และแม่ รวมทั้งได้เห็นความเจ้าเล่ห์ของ Loki อีกเช่นเคย (แถมมีมุกฮามากขึ้น)
Asgard - สิ่งที่ชอบมากสิ่งหนึ่งใน The Dark World ก็การเปิดเผย Asgard ในมุมต่าง ๆ ได้เห็นบ้านช่อง, ชาว Asgardian, สถาปัตยกรรมมากขึ้น และสิ่งที่โดนมากที่สุดคือ เห็นอากาศยานของ Adgard บินยิงกันไปมา มันส์มวก ๆ
Thor และผองเพื่อน - Thor คงไม่ต้องพูดถึงมาก เพราะเป็นตัวละครหลัก แต่หนังก็ยังไม่ลืมที่จะนำแก็งค์ของ Thor มามีบทบาทอยู่ในหนังดั่งเช่นภาคที่แล้ว
Jane Foster และผองเพื่อน - ในภาคนี้ Jane มีบทบาทเยอะขึ้นมาก ๆ เมื่อเทียบกับภาคก่อน ๆ ได้เป็นตัวละครคีย์สำคัญของเรื่องไม่เหมือนภาคที่แล้วที่ได้แต่โปรยเสน่ห์อย่างเดียว แถมได้ไปเที่ยว Asgard อีกตั้งหาก น่าอิจฉาชิบ รวมทั้ง Darcy กับ Dr. Eric กับตัวละครใหม่ Ian ที่มีบทบาทอยู่พอสมควรในหนัง ซึ่งสามคนหลังจะเน้นฮา แต่ไม่ไร้ประโยชน์ ลงตัวมาก ๆ
จาก 4 ประเด็นที่กล่าวมาข้างบน ทำให้สรุปข้อดีสำคัญอย่างแรกได้ว่า การกระจายบทไปยังตัวละครทำได้ดีมากกกกก
ฉาก Action - ภาคนี้ฉากแอคชั่นมีชั้นเชิงกว่ามาก มีอะไรให้ลุ้นหรือหักมุมอยู่ และทีเด็ดน่าจะอยู่ตรงฉากท้าย ๆ ที่ทำออกมาได้ตื่นเต้นดีมาก รวมทั้งฮาประกอบแบบขำไม่หยุด เมื่อเทียวกับ Iron Man 3 ก็ต้องบอกว่าชอบ The Dark World มากกว่า
สำหรับสิ่งที่ยังคงมาตรฐานเดิมไว้ได้มีก็ดังนี้
Visual Effect - ระดับฮอลลีวู้ดคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว ยิ่งหนัง Blockbuster ขนาดนี้ไม่น่าจะอะไรต้องติสำหรับเรื่องภาพ ดีอย่างที่ควรจะเป็น
Sound - นี่คือสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาสำหรับ Marvel เลย คือเพลงประกอบ หนัง 7 เรื่องที่ผ่านมายังไม่มีเรื่องไหนที่มีเพลงประกอบที่โดนใจและติดหูคนฟังเสียที (คงมาตรฐาน) ไม่เหมือน The Dark Knight หรือ Man Of Steel ที่เพลงประกอบได้ยินแล้วต้องออกมาหาฟังอีกรอบ
สิ่งที่ต้องพัฒนา
บท - บทโดยรวมมันะหมือนย้ำอยู่กับที่ (ถึงแม้จะเหมือนเดิม แต่ก็ยังต้องคาดหวังสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซิ) มีตัวร้ายที่เคยโดนปราบให้กำราบไปแล้ว กลับมาเอาคืน แล้วก็บุกเข้าไปมาใน Asgard สุดท้าย ไป ๆ มา ๆ ไปสู้กันบนโลก มันเลยทำเอาคิดถึงภาคแรกแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
3D - ไม่มีได้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจเพิ่มขึ้นให้กับหนังเลยสักนิด (โดยรวมหนังดีอยู่แล้ว)
และสิ่งสุดท้ายที่จะพูดถึง
The Avengers - Thor ภาคนี้พูดถึงประเด็นใน The Avengers อยู่นิด ๆ หน่อย แต่สิ่งที่น่าจดจำมีอยู่อย่างหนึ่งคือการปรากฏตัวของฮีโร่ตัวหนึ่งจาก The Avengers ให้ไปลุ้นกันเองว่าใคร ส่วนท้ายเครดิตก็ทิ้งประเด็นไว้ให้ชัดเจนดีในเรื่องของ Infinity Gems ที่จะมีบทบาทสำคัญมาก ๆ กับ Guardian of the Galaxy และ The Avengers 2 - 3 ต่อไป (หลังจากที่คราว Iron Man 3 ทิ้งท้ายเครดิตไว้ได้น่าผิดหวังมาก ๆ ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาทิ้งฉนวนหนังในแฟรนไชส์เหมือนเดิมแล้ว)
สรุป - คงไม่ต้องพูดอะไรมาก สาวก Marvel’s The Avengers เชิญเลยครับ หนังน่าพอใจกว่าภาคแรกมากนัก ความสนุกเทียบเท่ากับ Iron Man 3 เลย
Thor: The Dark World - Marvel กำลังเพิ่มมาตรฐานตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าพูดถึงลำดับความดังของ Superhero ใน Series The Avengers แล้วละก็ อันดับคงต้องเป็น Iron Man ตามมาด้วย Thor, Captain America ปิดท้ายด้วย Hulk หลังจากปล่อยให้ Iron Man โลดแล่นในภาพยนตร์มาแล้วถึงสี่เรื่อง คราวนี้คงต้องเป็นตาของบุรุษแห่ง Asgard ในการปรากฏตัวครั้งที่สามบ้างละ (Thor, The Avengers, The Dark World)
คราวนี้มีหลาย ๆ สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาทำให้ The Dark World ดูเหนือกว่าภาคแรกในหลาย ๆ ด้าน เติมเต็มสิ่งที่หายไปจากภาคแรก ไม่ว่าจะเป็น
Asgard Royal Family - ความสัมพันธ์กันในครอบครัวของพ่อ แม่ สองพี่น้องราชตระกูลถูกนำมาขยายความเพิ่มในภาคนี้ ทั้งความคิดความรู้สึกของ Loki, การเป็นแม่ของ... จำชื่อไม่ได้, ความเป็นพี่น้องของ Loki ก็ถูกขยายความมากขึ้นไปอีก
Loki - Thor ภาคนี้นอกจาก Thor จะเด่นแล้ว อีกตัวละครหนึ่งที่เด่นไม่แพ้กันคือ Loki ซึ่งกลายเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำตัวหนึ่ง บางทีอาจจะชอบมากกว่า Thor เสียอีก (คล้ายกับ Joker และ Batman) ในภาคนี้เราได้เห็นความคิดของ Loki มากขึ้นไปอีก โดนเฉพาะสิ่งที่เค้าคิอต่อ Thor, Odin และแม่ รวมทั้งได้เห็นความเจ้าเล่ห์ของ Loki อีกเช่นเคย (แถมมีมุกฮามากขึ้น)
Asgard - สิ่งที่ชอบมากสิ่งหนึ่งใน The Dark World ก็การเปิดเผย Asgard ในมุมต่าง ๆ ได้เห็นบ้านช่อง, ชาว Asgardian, สถาปัตยกรรมมากขึ้น และสิ่งที่โดนมากที่สุดคือ เห็นอากาศยานของ Adgard บินยิงกันไปมา มันส์มวก ๆ
Thor และผองเพื่อน - Thor คงไม่ต้องพูดถึงมาก เพราะเป็นตัวละครหลัก แต่หนังก็ยังไม่ลืมที่จะนำแก็งค์ของ Thor มามีบทบาทอยู่ในหนังดั่งเช่นภาคที่แล้ว
Jane Foster และผองเพื่อน - ในภาคนี้ Jane มีบทบาทเยอะขึ้นมาก ๆ เมื่อเทียบกับภาคก่อน ๆ ได้เป็นตัวละครคีย์สำคัญของเรื่องไม่เหมือนภาคที่แล้วที่ได้แต่โปรยเสน่ห์อย่างเดียว แถมได้ไปเที่ยว Asgard อีกตั้งหาก น่าอิจฉาชิบ รวมทั้ง Darcy กับ Dr. Eric กับตัวละครใหม่ Ian ที่มีบทบาทอยู่พอสมควรในหนัง ซึ่งสามคนหลังจะเน้นฮา แต่ไม่ไร้ประโยชน์ ลงตัวมาก ๆ
จาก 4 ประเด็นที่กล่าวมาข้างบน ทำให้สรุปข้อดีสำคัญอย่างแรกได้ว่า การกระจายบทไปยังตัวละครทำได้ดีมากกกกก
ฉาก Action - ภาคนี้ฉากแอคชั่นมีชั้นเชิงกว่ามาก มีอะไรให้ลุ้นหรือหักมุมอยู่ และทีเด็ดน่าจะอยู่ตรงฉากท้าย ๆ ที่ทำออกมาได้ตื่นเต้นดีมาก รวมทั้งฮาประกอบแบบขำไม่หยุด เมื่อเทียวกับ Iron Man 3 ก็ต้องบอกว่าชอบ The Dark World มากกว่า
สำหรับสิ่งที่ยังคงมาตรฐานเดิมไว้ได้มีก็ดังนี้
Visual Effect - ระดับฮอลลีวู้ดคงไม่ต้องพูดถึงแล้ว ยิ่งหนัง Blockbuster ขนาดนี้ไม่น่าจะอะไรต้องติสำหรับเรื่องภาพ ดีอย่างที่ควรจะเป็น
Sound - นี่คือสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาสำหรับ Marvel เลย คือเพลงประกอบ หนัง 7 เรื่องที่ผ่านมายังไม่มีเรื่องไหนที่มีเพลงประกอบที่โดนใจและติดหูคนฟังเสียที (คงมาตรฐาน) ไม่เหมือน The Dark Knight หรือ Man Of Steel ที่เพลงประกอบได้ยินแล้วต้องออกมาหาฟังอีกรอบ
สิ่งที่ต้องพัฒนา
บท - บทโดยรวมมันะหมือนย้ำอยู่กับที่ (ถึงแม้จะเหมือนเดิม แต่ก็ยังต้องคาดหวังสิ่งที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซิ) มีตัวร้ายที่เคยโดนปราบให้กำราบไปแล้ว กลับมาเอาคืน แล้วก็บุกเข้าไปมาใน Asgard สุดท้าย ไป ๆ มา ๆ ไปสู้กันบนโลก มันเลยทำเอาคิดถึงภาคแรกแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
3D - ไม่มีได้สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจเพิ่มขึ้นให้กับหนังเลยสักนิด (โดยรวมหนังดีอยู่แล้ว)
และสิ่งสุดท้ายที่จะพูดถึง
The Avengers - Thor ภาคนี้พูดถึงประเด็นใน The Avengers อยู่นิด ๆ หน่อย แต่สิ่งที่น่าจดจำมีอยู่อย่างหนึ่งคือการปรากฏตัวของฮีโร่ตัวหนึ่งจาก The Avengers ให้ไปลุ้นกันเองว่าใคร ส่วนท้ายเครดิตก็ทิ้งประเด็นไว้ให้ชัดเจนดีในเรื่องของ Infinity Gems ที่จะมีบทบาทสำคัญมาก ๆ กับ Guardian of the Galaxy และ The Avengers 2 - 3 ต่อไป (หลังจากที่คราว Iron Man 3 ทิ้งท้ายเครดิตไว้ได้น่าผิดหวังมาก ๆ ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาทิ้งฉนวนหนังในแฟรนไชส์เหมือนเดิมแล้ว)
สรุป - คงไม่ต้องพูดอะไรมาก สาวก Marvel’s The Avengers เชิญเลยครับ หนังน่าพอใจกว่าภาคแรกมากนัก ความสนุกเทียบเท่ากับ Iron Man 3 เลย