เตือนภัย! เกือบหมดตัวกับ Call Center สายการบินทุนต่ำ Pro แรงพ่วงโรงแรม

เรื่องมันมีอยู่ว่า

เมื่อวานนี้คุณแม่ของผมไม่สามารถ Log-in เข้า Online Banking ได้ เนื่องจากระบบแจ้งว่ามีการใส่รหัสผิดไปแล้วสามครั้งซึ่งสร้างความประหลาดใจให้คุณแม่ผมเป็นอย่างมากเพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเธอได้โอนเงินไปให้คุณยายและจำได้ว่าไม่เคย Log-in ด้วย Password ที่ผิดมาก่อนเลย

เรื่องนี้ทำให้คุณแม่ต้องนึกย้อนกลับไปว่าตนได้ทำธุรกรรมทางการเงิน Online ไปบ้างหรือไม่ ซึ่งไม่นานนักก็ได้คำตอบที่ค่อนข้างชัดเจน คุณแม่ผมพึ่งจะดำเนินการจ่ายเงิน Online ผ่านทาง Call Center ของสายการบินทุนต่ำแห่งหนึ่งที่มี Promotion แรงๆพ่วงกับโรงแรม หากเป็นการจ่ายเงินผ่านบัตร Credit ธรรมดาก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ครั้งนี้เธอจ่ายผ่าน Direct Debit คุณแม่ผมได้ชื่อว่าเป็นคนที่ทำธุรกรรมทางการเงิน Online อยู่บ่อยครั้ง ไม่น่าพลาดกับอะไรแบบนี้ น่าสนใจว่าทำไมครั้งนี้เธอถึงเลือกวิธีจ่ายที่แตกต่างออกไป

เหตุผลก็คือ ด้วยความที่ Promotion แรงมาก คุ้มแสนคุ้ม ทำให้คุณแม่อยากได้เจ้า Package ที่จองได้เหลือเกิน แต่บัตร Credit เจ้ากรรมดันมียอดใช้งานเต็มวงเงินซะนี่ (ในภายหลังสืบทราบว่าบริษัทประกันที่คุณแม่เพิ่งจะซื้อกรรมธรรม์มีข้อผิดพลาดในการแบ่งชำระออกเป็นงวดๆ ทำให้มียอดตัดบัตรรวดเดียวเป็นจำนวนมาก) ด้วยความที่ตกใจและกลัวว่า Package นี้จะหลุดมือไป เธอจึงโทรไปหา Call Center ของสายการบินแห่งนี้เพื่อสอบถามว่าสามารถชำระเงินด้วยวิธีอื่นได้หรือไม่ ซึ่ง Call Center ของสายการบินดังกล่าวตอบว่าไม่สามารถชำระเงินบน Website ผ่านทางอื่นได้ นอกจากบัตร Credit เท่านั้น แต่ก็ได้ยื่นข้อเสนอว่าจะจ่ายผ่าน Direct Debit ให้ โดยตนจะเป็นผู้ดำเนินการให้ทั้งหมด โดยจะต้องส่ง Username และ Password ให้กับตน คุณแม่ผมจึงส่งให้เพราะไว้ใจก็ดี และอยากได้ Promotion สุดคุ้มนี่ก็ดี สุดท้าย เธอจึงบอกทุกอย่างให้ Call Center คนนี้ดำเนินการให้เสร็จสรรพแล้วคุณแม่ได้ Promotion นี้มาครอบครอง

แต่หลังจากที่ให้ Username และ Password ได้ไม่นาน คุณแม่ก็รู้สึกเอะใจ จึงตัดสินใจเปลี่ยน Password ทันทีหลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เพราะรู้ล่วงหน้าว่ากำลังจะมีเงินจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นหลักแสน (จัดว่าเยอะมากสำหรับครอบครัวเราครับ) ถูกโอนเข้ามาในบัญชีนี้

และแล้วสิ่งที่คุณแม่เอะใจก็เป็นจริง เมื่อไม่สามารถ Log-in เข้า Online Banking ได้ เธอจึงตรวจดู email ที่ส่งแจ้งเตือนเข้ามา พบว่ามีการ Log-in ด้วย  Password ผิดพลาดถึงสามครั้งที่เวลาประมาณเก้าโมงวันนั้น ซึ่งคุณแม่ไม่ได้ดำเนินการใดๆเลยในช่วงเวลานั้น ด้วยความที่ตกใจมากคุณแม่จึงโทรมาหาผม ซึ่งผมก็แนะนำให้เธอโทรไปหา Call Center ของธนาคารที่เป็นผู้ให้บริการบัตร Credit เพราะผมเชื่อว่ามีการเก็บข้อมูล IP Address สำหรับการ Log-in แต่ละครั้งแน่ ซึ่งก็ได้ผลครับ หลังจากโทรหา Call Center ของธนาคารคุณแม่ก็ได้ IP Address กลับมา และเมื่อนำ IP Address ที่ว่านี้เข้าตรวจสอบบน Website ซึ่งเราคาดการณ์ว่าคงเป็นที่ใดที่หนึ่งในกรุงเทพฯก็พบว่าแสดงผลลัพธ์เป็นสถานที่หนึ่งในต่างจังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดที่คุณแม่อาศัยอยู่

ถึงตรงนี้เป็นส่วนที่เราสองคนแม่ลูกสงสัยแล้วล่ะครับว่า
1.    ในกรณีนี้ ถือว่าเป็นความผิดตามกฏหมายของ Call Center สายการบินนี้หรือยัง และสามารถเอาผิดได้หรือไม่ คือเราเองก็ไม่แน่ใจว่าจะถือเป็นความเลินเล่อของเราหรือจัดว่า Call Center คนนี้ฉ้อโกงได้ (ขออภัยหากใช้ศัพท์ผิด ไม่มีพื้นความรู้ด้านกฎหมายเลยครับ)
2.    จากข้อ 1. หากเราต้องการเอาผิดจะต้องดำเนินการอย่างไร เราสองคนไม่แน่ใจว่าต้องเริ่มตรงไหนและสามารถนำ IP Address ที่ได้จากธนาคารไปทำอะไรได้บ้างครับ

ถือว่าคุณแม่ผมเคราะห์ยังดีครับ เงินทุกบาททุกสตางค์ยังอยู่ครบและตอนนี้ก็ได้เปลี่ยน Username ใหม่เรียบร้อยแล้วครับ อย่างไรก็ดี ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกท่านในเรื่องการระมัดระวังตัวในการทำธุรกรรมทางการเงิน Online ด้วยนะครับ อย่าได้พลาดให้ Username กับ Password กับใครเลยเชียว

(แก้ไขข้อมูลเฉพาะครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่