เกี่ยวกับการบนบานศาลกล่าว เป็น 1 ในหลายเรื่องๆที่น่าสนใจกับความเชื่อของพุทธศาสนิกชนในสังคมไทย
ผมขอมุ่งประเด็นเฉพาะการบนพระพุทธรูปนะครับ
และขออนุญาติละการบนรูปแบบของ การบนเจ้า บนผี บนต้นไม้ หรือบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่นอกพระศาสนาไว้
การบน การขอกับพระพุทธรูปมีอยู่ทั่วไปในบ้านเมืองเรา
ไม่ได้มีทั่วไปธรรมดา แต่เรียกว่าเป็นที่นิยม จนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนพระศาสนามีเพื่อการเหล่านี้
เมื่อต้องการอะไร เราจะบน เพื่อขอให้สมหวัง ด้วยหวังว่าความความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์นั้นๆ จะช่วยดลบันดาลความสมหวังนั้นมาให้
ไม่ว่าจะขอให้ ได้ลาภ ถูกหวย ขอลูก สอบติด เรียนจบ เลื่อนขั้น ได้ตำแหน่ง หายเจ็บไข้ได้ป่วย ฯลฯ
เมื่อขอแล้ว ก็ต้องให้สิ่งตอบแทน ว่าถ้าได้สมปรารถนาตามที่ขอก็จะมาแก้บน
ข้อเท็จจริงของการบน คือ
ไม่ทุกคนที่ขอ (บน) แล้วจะได้สมปรารถนา
คนที่สัญญาว่าจะตอบแทนด้วยอะไร (ผมไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรแทนสัญญา-ขออนุญาตใช้คำนี้ในการสื่อครับ) ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะได้ในสิ่งที่ขอ
คนที่สัญญาว่าจะตอบแทนด้วยอะไรที่ดีกว่าหรือมากกว่า ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะได้ในสิ่งที่ขอแน่นอนกว่าคนที่สัญญาว่าจะตอบแทนด้วยอะไรที่ดีไม่เท่า และน้อยกว่า
แน่นอนว่ามีทั้งคนที่สมหวัง และคนที่ไม่สมหวัง
บางเรื่องอาจอาศัยโชคอย่างเดียวเช่น หวย แต่บางเรื่องก็ต้องอาศัยความสามารถบางอย่างช่วยเช่นกัน เช่น สอบติด เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง
การบนอาจเป็นกุศโลบายเพื่อตัวเราเอง เพื่อให้สบายใจ ให้วางใจหลังจากได้พยายามแล้ว เท่าที่ทำได้ เท่าที่ได้ทำแล้ว
และปล่อยให้ผลจากการกระทำนั้นเกิดขึ้น
ด้วยหวังว่าจะเป็นไปตามที่ปรารถนา
แต่หากผู้บน ผู้ขอนั้น ไม่ได้พยายาม ไม่ไ่ด้กระทำให้เกิดผลให้สอดคล้องกับความปรารถนานั้น เป็นไปได้หรือที่จะได้รับผลจากการบน
รวมถึงสิ่งที่บน สิ่งที่สัญญาว่าจะตอบแทนหากสมปรารถนานั้น
ผมยังงงๆ ว่าทำไมถึงมีว่าพระพุทธรูปองค์นั้นองค์นี้ ชอบนั่น ชอบนี่ ต้องถวายแก้บนด้วยสิ่งนี้สิจะได้สมหวัง
เราได้ย้อนกลับไปมองหรือไม่ว่า พระพุทธรูปคืออะไร
พระพุทธรูป เป็นตัวแทนเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าและพระพุทธคุณ หรือไม่
พระพุทธเจ้าผู้ทรงหมดแล้วซึ่งกิเลสแล้ว
พระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าผู้ทรงละแล้วซึ่งกิเลส และหากพระพุทธรูปจะมีความศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล จะยังมีการเลือกอีกหรือว่าชอบอะไร?
เรากำลังเอาความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เอากิเลสของเราไปใส่ให้กับพระพุทธรูปหรือไม่
และอะไรเป็นเหตุให้เกิดความเชื่อว่าการบน (ตั้งแต่ การขอ การได้/หรือไม่ได้ในสิ่งที่ขอ และการตอบแทนด้วยสิ่งที่สัญญาว่าจะมาแก้บน) นั้นเป็นสิ่งที่เป็นพุทธศาสนา
คำสอนต่างๆ ที่พุทธองค์ทรงตรัสไว้ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับเรื่อง(อันเป็นเรื่องนอกศาสนา)เหล่านี้ เช่น กรรม ผลของกรรม ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และอีกมากมาย อันเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี เป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสิ่งเหล่านี้หายไปไหน
ทำไมเราจึงคิดว่าพระพุทธรูปของวัดนั้นวัดนี้ศักดิ์สิทธิ์ในทางดลบันดาลให้เราได้มี ได้เป็น
ทำไมเราจึงคิดว่าพระพุทธรูปของวัดนั้นวัดนี้ศักดิ์สิทธิ์กว่าพระพุทธรูปของวัดอื่น
ทำไมเราจึงคิดว่าพระพุทธรูปของวัดนั้นวัดนี้ที่ศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้เราได้มี ได้เป็น ได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ขอ (อยาก) แล้วจึงต้องมีการตอบแทนเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนกับความสมปรารถนา้นั้น
เรากำลังหลงกับอะไรอยู่
ไม่ได้ตำหนิใคร ไม่ได้บอกว่าเป็นการกระทำที่ผิดหรือบาปอย่างไร
นี่เป็นเพียง 1 เรื่องที่บ่งบอกได้อย่างดี
ว่าเราคิดอะไรกับพุทธศาสนา เราคิดอย่างไรกับพุทธศาสนา เราเข้าใจพุทธศาสนากันอย่างไร เรามองพุทธศาสนากันอย่างไร
เรื่องการบนบาน กับพุทธศาสนา (ศาสนิกชน)
ผมขอมุ่งประเด็นเฉพาะการบนพระพุทธรูปนะครับ
และขออนุญาติละการบนรูปแบบของ การบนเจ้า บนผี บนต้นไม้ หรือบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่นอกพระศาสนาไว้
การบน การขอกับพระพุทธรูปมีอยู่ทั่วไปในบ้านเมืองเรา
ไม่ได้มีทั่วไปธรรมดา แต่เรียกว่าเป็นที่นิยม จนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนพระศาสนามีเพื่อการเหล่านี้
เมื่อต้องการอะไร เราจะบน เพื่อขอให้สมหวัง ด้วยหวังว่าความความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปองค์นั้นๆ จะช่วยดลบันดาลความสมหวังนั้นมาให้
ไม่ว่าจะขอให้ ได้ลาภ ถูกหวย ขอลูก สอบติด เรียนจบ เลื่อนขั้น ได้ตำแหน่ง หายเจ็บไข้ได้ป่วย ฯลฯ
เมื่อขอแล้ว ก็ต้องให้สิ่งตอบแทน ว่าถ้าได้สมปรารถนาตามที่ขอก็จะมาแก้บน
ข้อเท็จจริงของการบน คือ
ไม่ทุกคนที่ขอ (บน) แล้วจะได้สมปรารถนา
คนที่สัญญาว่าจะตอบแทนด้วยอะไร (ผมไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรแทนสัญญา-ขออนุญาตใช้คำนี้ในการสื่อครับ) ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะได้ในสิ่งที่ขอ
คนที่สัญญาว่าจะตอบแทนด้วยอะไรที่ดีกว่าหรือมากกว่า ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะได้ในสิ่งที่ขอแน่นอนกว่าคนที่สัญญาว่าจะตอบแทนด้วยอะไรที่ดีไม่เท่า และน้อยกว่า
แน่นอนว่ามีทั้งคนที่สมหวัง และคนที่ไม่สมหวัง
บางเรื่องอาจอาศัยโชคอย่างเดียวเช่น หวย แต่บางเรื่องก็ต้องอาศัยความสามารถบางอย่างช่วยเช่นกัน เช่น สอบติด เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง
การบนอาจเป็นกุศโลบายเพื่อตัวเราเอง เพื่อให้สบายใจ ให้วางใจหลังจากได้พยายามแล้ว เท่าที่ทำได้ เท่าที่ได้ทำแล้ว
และปล่อยให้ผลจากการกระทำนั้นเกิดขึ้น
ด้วยหวังว่าจะเป็นไปตามที่ปรารถนา
แต่หากผู้บน ผู้ขอนั้น ไม่ได้พยายาม ไม่ไ่ด้กระทำให้เกิดผลให้สอดคล้องกับความปรารถนานั้น เป็นไปได้หรือที่จะได้รับผลจากการบน
รวมถึงสิ่งที่บน สิ่งที่สัญญาว่าจะตอบแทนหากสมปรารถนานั้น
ผมยังงงๆ ว่าทำไมถึงมีว่าพระพุทธรูปองค์นั้นองค์นี้ ชอบนั่น ชอบนี่ ต้องถวายแก้บนด้วยสิ่งนี้สิจะได้สมหวัง
เราได้ย้อนกลับไปมองหรือไม่ว่า พระพุทธรูปคืออะไร
พระพุทธรูป เป็นตัวแทนเพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าและพระพุทธคุณ หรือไม่
พระพุทธเจ้าผู้ทรงหมดแล้วซึ่งกิเลสแล้ว
พระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าผู้ทรงละแล้วซึ่งกิเลส และหากพระพุทธรูปจะมีความศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล จะยังมีการเลือกอีกหรือว่าชอบอะไร?
เรากำลังเอาความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เอากิเลสของเราไปใส่ให้กับพระพุทธรูปหรือไม่
และอะไรเป็นเหตุให้เกิดความเชื่อว่าการบน (ตั้งแต่ การขอ การได้/หรือไม่ได้ในสิ่งที่ขอ และการตอบแทนด้วยสิ่งที่สัญญาว่าจะมาแก้บน) นั้นเป็นสิ่งที่เป็นพุทธศาสนา
คำสอนต่างๆ ที่พุทธองค์ทรงตรัสไว้ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับเรื่อง(อันเป็นเรื่องนอกศาสนา)เหล่านี้ เช่น กรรม ผลของกรรม ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และอีกมากมาย อันเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี เป็นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสิ่งเหล่านี้หายไปไหน
ทำไมเราจึงคิดว่าพระพุทธรูปของวัดนั้นวัดนี้ศักดิ์สิทธิ์ในทางดลบันดาลให้เราได้มี ได้เป็น
ทำไมเราจึงคิดว่าพระพุทธรูปของวัดนั้นวัดนี้ศักดิ์สิทธิ์กว่าพระพุทธรูปของวัดอื่น
ทำไมเราจึงคิดว่าพระพุทธรูปของวัดนั้นวัดนี้ที่ศักดิ์สิทธิ์ ดลบันดาลให้เราได้มี ได้เป็น ได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ขอ (อยาก) แล้วจึงต้องมีการตอบแทนเหมือนเป็นการแลกเปลี่ยนกับความสมปรารถนา้นั้น
เรากำลังหลงกับอะไรอยู่
ไม่ได้ตำหนิใคร ไม่ได้บอกว่าเป็นการกระทำที่ผิดหรือบาปอย่างไร
นี่เป็นเพียง 1 เรื่องที่บ่งบอกได้อย่างดี
ว่าเราคิดอะไรกับพุทธศาสนา เราคิดอย่างไรกับพุทธศาสนา เราเข้าใจพุทธศาสนากันอย่างไร เรามองพุทธศาสนากันอย่างไร