เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2556 นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯฉบับสุดซอย หรือเหมาเข่งว่า
"ให้ผมเขียนสั้นๆอีกที เป็นคร้งที่ร้อยที่พันแล้วมั้ง ในรอบ 2 ปีเศษมานี้ : ถ้าจะมีโอกาส
ของการนิรโทษมวลชนออกจากคุกได้ จะต้องไม่พ่วงกรณีทักษิณเข้าไปเป็นอันขาด
หยุดใช้ อิสรภาพของมวลชนคนคุกเป็นตัวประกัน สำหรับต่อรอง แบล็คเมล์
(เรียกการสนับสนุนจากมวลชนตัวเอง) เพื่อช่วยกรณีคุณทักษิณ
ความผิดพลาดครั้งมโหฬารอีกครั้งของคุณทักษิณ และคนที่ซวยจริงๆ(อีกครั้ง)
คือมวลชนที่ติดคุก
นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงคำแถลงของนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภาว่า
"ถ้าคำแถลงของคุณนิคม ประธานวุฒิ ได้รับการปฏิบัติ ก็หมายความว่า วุฒิจะ
คว่ำหลักการพ.ร.บ.เหมาเข่ง และหมายความว่า การพิจารณาเรื่องการ
นิรโทษกรรมใดๆ จะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นเวลาประมาณครึ่งปี (180 วัน) ซึ่งก็หมายความว่า
อิสรภาพของคนระดับชาวบ้านธรรมดาๆที่ติดคุก ที่ถูกพรรคเพื่อไทยเอาเป็นตัวประกัน
ก็เนิ่นนานออกไปอีกอย่างน้อยครึ่งปี
นี่ไช่การ "คุย" เพราะนี่เป็นเรื่องชวนเศร้า ชวนโกรธ : แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ คือสิ่งที่ผม
เขียนเตือนไว้เป็นปีๆว่าจะเกิดขึ้น คือ การจะนิรโทษกรรมช่วยมวลชนในคุกใดๆ
ถ้าจะพอมีโอกาสสำเร็จ จะต้องไม่พ่วงกรณีคุณทักษิณเข้าไว้เป็นอันขาด ถ้าพ่วง
จะมีความเสี่ยงของการล้มเหลวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และจะทำให้อิสรภาพของ
มวลชนเนิ่นนานมากขึ้น
แต่คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย ก็ทำแบบนี้มา 2 ครั้งแล้ว และทั้ง 2 ครั้ง ก็ล้มเหลว
หรือกำลังจะล้มเหลว (ในคร้งนี้) และคนที่ซวยจริงๆ ก็ไมใช่คุณทักษิณ แต่คือมวลชน
ที่ถูกเอาเป็นตัวประกัน
ครั้งที่แล้ว เมื่อคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย พยายามผลักดันแบบเดียวกันนี้คร้ังใหญ่
เมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยมีคุณสนธิ บัง เป็นตัวชูโรง (ผมข้าม ไม่นับช่วงปลายปี 2554
ที่มีข่าวเรื่องพยายามจะใส่ชื่อคุณทักษิณเข้าไปในรายชื่ออภัยโทษ มีการแก้ระเบียบเรื่อง
สิทธิการอภัยโทษ)
คร้งนั้น เมื่อล้มเหลวลง (ซึ่งผมก็เตือนไว้ตั้งแต่ก่อนนั้นแล้ว) ผมได้เขียนข้อเขียนสั้นๆ
แล้วคุณทักษิณ ในวีดีโอลิงก์เข้ามาในช่วงนั้น ได้เอ่ยชื่อผม (เป็นคร้งแรกและครั้งเดียว)
ว่า "เห็นด้วยกับที่ อ.สมศักดิ์ เขียน"
คนที่ตามอ่านผมมานาน อาจจะจำเรื่องนี้ได้ ตอนนั้นก็มีการเอามาล้อเล่นกันทำนองว่า
"ทักษิณเห็นด้วยกับสมศักดิ์"
แต่พูดจริงๆ ตั้งแต่ตอนน้น ผมก็ไม่แน่ใจว่า ที่คุณทักษิณบอกว่า "เห็นด้วย" กับผมนั้น
คุณทักษิณ "เก็ต" ประเด็นที่ผมเสนอจริงๆหรือเปล่า หรือเห็นด้วยกับอะไร
ผมนำเรื่องนี้มาพูดอีก ก็เพราะความล้มเหลวคร้งนี้ ก็มีสาเหตุเช่นเดียวกับความล้มเหลว
คร้ังก่อน ที่ผมเขียนไว้ นั่นคือ หลังความล้มเหลวครั้งนั้น ผมได้เสนอว่า คุณทักษิณไม่
เข้าใจการเมืองร่วมสมัยอย่างแท้จริง ซึ่งมีลักษณะเป็นการเมืองแบบที่เรียกว่า mass politics
หรือการเมืองแบบมวลชน คือการเมืองที่มีประชาชนไม่ว่าความคิดทางการเมืองแบบใด
เข้ามีส่วนร่วม
ซึ่งต่างจากการเมืองสมัยก่อนที่คุณทักษิณเคยชิน ซึ่งเป็นเรื่องของการ make deal
หรือเจรจาต่อรองกันในระดับ "อีลีต" แล้วไม่ว่าจะผลักดันอออกมาอย่างไร ก็สามารถ
ทำให้เป็นจริง ตามที่มีการตกลงไว้นั้น
(สำหรับคนที่อาจจะจำไม่ได้ ครั้งนั้น มีข่าวลือว่า ที่คุณทักษิณผลักการเหมาเข่ง ผ่านสนธิ บัง
อย่างกระทันหัน ก็เพราะมีคุณ "ว" เป็นตัวคอยวิ่งเต้น เจรจา กับ "ชนชั้นนำ" ได้สำเร็จ แล้วฝ่าย
หลังสัญญาว่า ทำได้ - ตอนหลังถึงมีข่าวลือ ซึ่งคุณทักษิณเอง ในการพูดว่า "เห็นด้วย" กับผม
ก็พาดพิงถึง ทำนองว่า "ถูกหักหลัง" แต่ประเด็นผมจริงๆ ไม่ใช่ตรงนั้น)
ที่ผมเสนอไปตอนนั้นคือ ในบริบทของการเมืองแบบมวลชนร่วมสมัยนี้ ไม่ว่าคุณทักษิณ
หรือบรรดา "อีลิต" กลุ่มไหนก็แล้วแต่ จะ "เจรจา" "ทำความเข้าใจ" กันไว้ เรื่องก็ไมใช่แปลว่า
จะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง
เพราะในการเมืองร่วมสมัยแบบนี้ คุณจะต้องทำให้ "สังคม" วงกว้าง ยอมรับได้
และที่สำคัญ ในการเมืองแบบนี้ ต่อให้ "คู่ปรับ" "ระดับบน" ของคุณ (ระดับ "อีลีต" ด้วยกัน)
จะ "ไฟเขียว" "โอเค" กับคุณแล้ว
ก็ไม่ได้แปลว่า "คู่ปรับระดับมวลชน" ของคุณจะยอมตามไปด้วย ไม่ได้หมายความว่า
"คู่ปรับระดับบน" ของคุณ (ที่ "ไฟเขียว" กับคุณ) จะสามารถ ควบคุม บังคับ หรือสั่ง
ให้มวลชนของเขา ซึ่งเป็น "คู่ปรับระดับมวลชน" ของคุณ ยอมตามไปด้วยได้
ทั้งครั้งนั้นและครั้งนี้ ไม่มีใครบอกได้จริงๆว่า มีการ make deal หรือทำความตกลงในระดับ
อีลิตระหว่างคุณทักษิณกับชนชั้นนำอื่นๆหรือไม่ (โดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยเชื่อ โดยเฉพาะทฤษฎี
"เสี่ยสั่งลุย" อย่างที่ผมเคยเขียนไป)
แต่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มี ประเด็นสำคัญก็ยังอยู่ที่ว่า ในการเมืองแบบนี้ ปัจจัยสำคัญของความ
สำเร็จของจังหวะก้าวหรือยุทธศาสตร์การเมืองสำคัญๆ อยู่ที่สามารถเอาชนะ "กระแสสังคม"
ในวงกว้างได้
ดังที่ผมเขียนไปหลายคร้ังในระยะหลายวันนี้ว่า ครั้งนี้ คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย
ประเมินผลลบที่เกิดจากการผลักดัน พรบ.เหมาเข่ง ต่ำเกินจริงมากๆ และทำออกมา
ในลักษณะที่ต้องเรียกว่า arrogant (ผยอง) มากๆ คือไม่คำนึงถึงแม้แต่กระบวนการ
ทางสภาปรกติ ที่เคยเป็น "จุดแข็ง" หรือความชอบธรรมของค่ายคุณทักษิณ ทำ
เรื่องนิรโทษกรรมชนิดครอบจักรวาล อย่างหาเหตุผลรองรับใดๆไม่ได้เลย ตระบัดสัตย์
ต่อมวลชนตัวเอง ทำให้มวลชน และผู้เคยสนับสนุนหรือดีเฟนด์รัฐบาลในเรื่องอื่นๆ
จำนวนมาก หันมาวิพากษ์รัฐบาลเอง (อย่างที่ผมเขียนไปว่า manage ทำให้ทุกฝ่าย
ออกมาวิพากษ์รัฐบาลได้)
ผลเฉพาะหน้าในครั้งนี้ ก็เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว คือ คนที่ซวยจริงๆ ไมใช่คุณทักษิณ
แต่คือคนระดับมวลชนธรรมดาๆ ที่โอกาสได้อิสรภาพ ต้องเนิ่นนานออกไปอีก .....
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1383654497&grpid=&catid=01&subcatid=0100
บทเรียนให้คุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ทดสอบพลังมวลชน
คิดผิดคิดใหม่ได้ เพื่อไทยต้องกลับไปประมวลผลได้ ผลเสีย และ
สร้างความเข้าใจกับมวลชน อีกรอบ
สมศักดิ์ เจียมฯ ชี้ถ้าวุฒิคว่ำ พ.ร.บ.เหมาเข่ง อิสรภาพของคนในคุกจะยืดออกไปอีกอย่างน้อยครึ่งปี มติชนออนไลน์
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยผลักดันร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯฉบับสุดซอย หรือเหมาเข่งว่า
"ให้ผมเขียนสั้นๆอีกที เป็นคร้งที่ร้อยที่พันแล้วมั้ง ในรอบ 2 ปีเศษมานี้ : ถ้าจะมีโอกาส
ของการนิรโทษมวลชนออกจากคุกได้ จะต้องไม่พ่วงกรณีทักษิณเข้าไปเป็นอันขาด
หยุดใช้ อิสรภาพของมวลชนคนคุกเป็นตัวประกัน สำหรับต่อรอง แบล็คเมล์
(เรียกการสนับสนุนจากมวลชนตัวเอง) เพื่อช่วยกรณีคุณทักษิณ
ความผิดพลาดครั้งมโหฬารอีกครั้งของคุณทักษิณ และคนที่ซวยจริงๆ(อีกครั้ง)
คือมวลชนที่ติดคุก
นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงคำแถลงของนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภาว่า
"ถ้าคำแถลงของคุณนิคม ประธานวุฒิ ได้รับการปฏิบัติ ก็หมายความว่า วุฒิจะ
คว่ำหลักการพ.ร.บ.เหมาเข่ง และหมายความว่า การพิจารณาเรื่องการ
นิรโทษกรรมใดๆ จะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นเวลาประมาณครึ่งปี (180 วัน) ซึ่งก็หมายความว่า
อิสรภาพของคนระดับชาวบ้านธรรมดาๆที่ติดคุก ที่ถูกพรรคเพื่อไทยเอาเป็นตัวประกัน
ก็เนิ่นนานออกไปอีกอย่างน้อยครึ่งปี
นี่ไช่การ "คุย" เพราะนี่เป็นเรื่องชวนเศร้า ชวนโกรธ : แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ คือสิ่งที่ผม
เขียนเตือนไว้เป็นปีๆว่าจะเกิดขึ้น คือ การจะนิรโทษกรรมช่วยมวลชนในคุกใดๆ
ถ้าจะพอมีโอกาสสำเร็จ จะต้องไม่พ่วงกรณีคุณทักษิณเข้าไว้เป็นอันขาด ถ้าพ่วง
จะมีความเสี่ยงของการล้มเหลวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และจะทำให้อิสรภาพของ
มวลชนเนิ่นนานมากขึ้น
แต่คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย ก็ทำแบบนี้มา 2 ครั้งแล้ว และทั้ง 2 ครั้ง ก็ล้มเหลว
หรือกำลังจะล้มเหลว (ในคร้งนี้) และคนที่ซวยจริงๆ ก็ไมใช่คุณทักษิณ แต่คือมวลชน
ที่ถูกเอาเป็นตัวประกัน
ครั้งที่แล้ว เมื่อคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย พยายามผลักดันแบบเดียวกันนี้คร้ังใหญ่
เมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยมีคุณสนธิ บัง เป็นตัวชูโรง (ผมข้าม ไม่นับช่วงปลายปี 2554
ที่มีข่าวเรื่องพยายามจะใส่ชื่อคุณทักษิณเข้าไปในรายชื่ออภัยโทษ มีการแก้ระเบียบเรื่อง
สิทธิการอภัยโทษ)
คร้งนั้น เมื่อล้มเหลวลง (ซึ่งผมก็เตือนไว้ตั้งแต่ก่อนนั้นแล้ว) ผมได้เขียนข้อเขียนสั้นๆ
แล้วคุณทักษิณ ในวีดีโอลิงก์เข้ามาในช่วงนั้น ได้เอ่ยชื่อผม (เป็นคร้งแรกและครั้งเดียว)
ว่า "เห็นด้วยกับที่ อ.สมศักดิ์ เขียน"
คนที่ตามอ่านผมมานาน อาจจะจำเรื่องนี้ได้ ตอนนั้นก็มีการเอามาล้อเล่นกันทำนองว่า
"ทักษิณเห็นด้วยกับสมศักดิ์"
แต่พูดจริงๆ ตั้งแต่ตอนน้น ผมก็ไม่แน่ใจว่า ที่คุณทักษิณบอกว่า "เห็นด้วย" กับผมนั้น
คุณทักษิณ "เก็ต" ประเด็นที่ผมเสนอจริงๆหรือเปล่า หรือเห็นด้วยกับอะไร
ผมนำเรื่องนี้มาพูดอีก ก็เพราะความล้มเหลวคร้งนี้ ก็มีสาเหตุเช่นเดียวกับความล้มเหลว
คร้ังก่อน ที่ผมเขียนไว้ นั่นคือ หลังความล้มเหลวครั้งนั้น ผมได้เสนอว่า คุณทักษิณไม่
เข้าใจการเมืองร่วมสมัยอย่างแท้จริง ซึ่งมีลักษณะเป็นการเมืองแบบที่เรียกว่า mass politics
หรือการเมืองแบบมวลชน คือการเมืองที่มีประชาชนไม่ว่าความคิดทางการเมืองแบบใด
เข้ามีส่วนร่วม
ซึ่งต่างจากการเมืองสมัยก่อนที่คุณทักษิณเคยชิน ซึ่งเป็นเรื่องของการ make deal
หรือเจรจาต่อรองกันในระดับ "อีลีต" แล้วไม่ว่าจะผลักดันอออกมาอย่างไร ก็สามารถ
ทำให้เป็นจริง ตามที่มีการตกลงไว้นั้น
(สำหรับคนที่อาจจะจำไม่ได้ ครั้งนั้น มีข่าวลือว่า ที่คุณทักษิณผลักการเหมาเข่ง ผ่านสนธิ บัง
อย่างกระทันหัน ก็เพราะมีคุณ "ว" เป็นตัวคอยวิ่งเต้น เจรจา กับ "ชนชั้นนำ" ได้สำเร็จ แล้วฝ่าย
หลังสัญญาว่า ทำได้ - ตอนหลังถึงมีข่าวลือ ซึ่งคุณทักษิณเอง ในการพูดว่า "เห็นด้วย" กับผม
ก็พาดพิงถึง ทำนองว่า "ถูกหักหลัง" แต่ประเด็นผมจริงๆ ไม่ใช่ตรงนั้น)
ที่ผมเสนอไปตอนนั้นคือ ในบริบทของการเมืองแบบมวลชนร่วมสมัยนี้ ไม่ว่าคุณทักษิณ
หรือบรรดา "อีลิต" กลุ่มไหนก็แล้วแต่ จะ "เจรจา" "ทำความเข้าใจ" กันไว้ เรื่องก็ไมใช่แปลว่า
จะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง
เพราะในการเมืองร่วมสมัยแบบนี้ คุณจะต้องทำให้ "สังคม" วงกว้าง ยอมรับได้
และที่สำคัญ ในการเมืองแบบนี้ ต่อให้ "คู่ปรับ" "ระดับบน" ของคุณ (ระดับ "อีลีต" ด้วยกัน)
จะ "ไฟเขียว" "โอเค" กับคุณแล้ว
ก็ไม่ได้แปลว่า "คู่ปรับระดับมวลชน" ของคุณจะยอมตามไปด้วย ไม่ได้หมายความว่า
"คู่ปรับระดับบน" ของคุณ (ที่ "ไฟเขียว" กับคุณ) จะสามารถ ควบคุม บังคับ หรือสั่ง
ให้มวลชนของเขา ซึ่งเป็น "คู่ปรับระดับมวลชน" ของคุณ ยอมตามไปด้วยได้
ทั้งครั้งนั้นและครั้งนี้ ไม่มีใครบอกได้จริงๆว่า มีการ make deal หรือทำความตกลงในระดับ
อีลิตระหว่างคุณทักษิณกับชนชั้นนำอื่นๆหรือไม่ (โดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยเชื่อ โดยเฉพาะทฤษฎี
"เสี่ยสั่งลุย" อย่างที่ผมเคยเขียนไป)
แต่ไม่ว่าจะมีหรือไม่มี ประเด็นสำคัญก็ยังอยู่ที่ว่า ในการเมืองแบบนี้ ปัจจัยสำคัญของความ
สำเร็จของจังหวะก้าวหรือยุทธศาสตร์การเมืองสำคัญๆ อยู่ที่สามารถเอาชนะ "กระแสสังคม"
ในวงกว้างได้
ดังที่ผมเขียนไปหลายคร้ังในระยะหลายวันนี้ว่า ครั้งนี้ คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย
ประเมินผลลบที่เกิดจากการผลักดัน พรบ.เหมาเข่ง ต่ำเกินจริงมากๆ และทำออกมา
ในลักษณะที่ต้องเรียกว่า arrogant (ผยอง) มากๆ คือไม่คำนึงถึงแม้แต่กระบวนการ
ทางสภาปรกติ ที่เคยเป็น "จุดแข็ง" หรือความชอบธรรมของค่ายคุณทักษิณ ทำ
เรื่องนิรโทษกรรมชนิดครอบจักรวาล อย่างหาเหตุผลรองรับใดๆไม่ได้เลย ตระบัดสัตย์
ต่อมวลชนตัวเอง ทำให้มวลชน และผู้เคยสนับสนุนหรือดีเฟนด์รัฐบาลในเรื่องอื่นๆ
จำนวนมาก หันมาวิพากษ์รัฐบาลเอง (อย่างที่ผมเขียนไปว่า manage ทำให้ทุกฝ่าย
ออกมาวิพากษ์รัฐบาลได้)
ผลเฉพาะหน้าในครั้งนี้ ก็เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว คือ คนที่ซวยจริงๆ ไมใช่คุณทักษิณ
แต่คือคนระดับมวลชนธรรมดาๆ ที่โอกาสได้อิสรภาพ ต้องเนิ่นนานออกไปอีก .....
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1383654497&grpid=&catid=01&subcatid=0100
บทเรียนให้คุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ทดสอบพลังมวลชน
คิดผิดคิดใหม่ได้ เพื่อไทยต้องกลับไปประมวลผลได้ ผลเสีย และ
สร้างความเข้าใจกับมวลชน อีกรอบ