BlackBerry ประกาศยุติการขายกิจการ ถอนตัวจำหน่ายสมาร์ทโฟน (เน้นการให้บริการด้านงานบริการและซอฟต์แวร์ ไม่เน้นขายมือถือ)

05 พฤศจิกายน 2556 BlackBerry ประกาศยุติการขายกิจการพร้อมถอนตัวจากธุรกิจจำหน่ายสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ (เน้นการให้บริการด้านงานบริการและซอฟต์แวร์ ไม่เน้นขายมือถือ)

ประเด็นหลัก


   กลายเป็นเป้าที่ถูกพูดถึงในแง่ลบยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับแบล็กเบอร์รี (BlackBerry) อดีตสมาร์ทโฟนยอดนิยมที่ไม่สามารถขายกิจการได้ตามที่หวังไว้ ล่าสุดซีอีโอรักษาการออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะกู้จุดยืนแบล็กเบอร์รีให้ได้ด้วยความแข็งแกร่งด้านงานบริการและซอฟต์แวร์ ไม่ใช่อุปกรณ์ ทำให้โลกจับตามองว่าแบล็กเบอร์รีกำลังจะถอนตัวจากธุรกิจจำหน่ายสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ
   
       คำกล่าวถึงยุทธศาสตร์ใหม่แบล็กเบอร์รีนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับการประกาศยุติกระบวนการเฟ้นหาผู้ซื้อกิจการ โดยก่อนหน้านี้กลุ่มทุนแฟร์แฟกซ์ (Fairfax Financial) ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของแบล็กเบอร์รีทั้งหมดและแปรเปลี่ยนเป็นบริษัทเอกชนด้วยเงิน 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผลจากการยื่นข้อเสนอทำให้แบล็กเบอร์รีขีดเส้น 4 พฤศจิกายนขึ้นมาเพื่อเป็นกรอบเวลาว่าหากไม่มีผู้ใดให้ข้อเสนอที่ดีกว่าแฟร์แฟกซ์จะสามารถซื้อกิจการแบล็กเบอร์รีไปตามข้อเสนอที่ยื่นมา ปรากฏว่าไม่เพียงไร้ข้อเสนอจากกลุ่มทุนอื่นเพิ่มเติม แฟร์แฟกซ์ยังเปลี่ยนใจไม่ซื้อกิจการแบล็กเบอร์รีตามที่เสนอด้วย โดยปรับเปลี่ยนจากการเทเงิน 4.7 พันล้านเหรียญเพื่อซื้อหุ้นทั้งหมด มาเป็นการซื้อหุ้นบางส่วนด้วยมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
   

       แถลงการณ์ของแบล็กเบอร์รีสะท้อนว่า ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นคือกลุ่มแฟร์แฟกซ์จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแบล็กเบอร์รีด้วยสัดส่วน 10% โดยแบล็กเบอร์รีจะยังเป็นบริษัทเอกชนต่อไปและไม่มีการขายกิจการใดๆ ทั้งสิ้น
   

อย่างไรก็ดี การประกาศยกเลิกแผนขายธุรกิจไม่ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้บริโภค หุ้นของแบล็กเบอร์รีในวันจันทร์ (4 พฤศจิกายน 2556) ลดต่ำลง 16.4% มาอยู่ที่ 6.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ซึ่งเป็นมูลค่าต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน



http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20131105/540911/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%
87%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%
B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%82%
E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html
http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=205563:qq--&catid=177:2009-06-25-09-27-16&Itemid=525
http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000137676




______________________________________



"แบล็คเบอร์รี่" ปลดป้ายขายกิจการ เดินหน้าเพิ่มทุนพยุงธุรกิจ



“แบล็กเบอร์รี” ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติแคนาดา ประกาศปลดป้ายขายกิจการ ระบุจะยังคงเป็นบริษัทมหาชนต่อไป พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดคนใหม่และเพิ่มทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ผู้บริหารของแบล็กเบอร์รีกล่าวว่า การเพิ่มทุนเป็นหนทางในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบล็กเบอร์รีในเวลาที่บริษัทกำลังเริ่มดำเนินยุทธศาสตร์ใหม่ “สิ่งหนึ่งที่เป็นผลเสียต่อบริษัทคือมีการขึ้นป้ายขายกิจการ เวลานี้ป้ายถูกปลดลงแล้ว เรามีเงินทุนพร้อมสำหรับระยะยาว” นายเพรม วัตซา ประธานบริษัท แฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิงส์ จำกัด ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแบล็กเบอร์รีกล่าว

อย่างไรก็ดี การประกาศยกเลิกแผนขายธุรกิจไม่ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้บริโภค หุ้นของแบล็กเบอร์รีในวันจันทร์ (4 พฤศจิกายน 2556) ลดต่ำลง 16.4% มาอยู่ที่ 6.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ซึ่งเป็นมูลค่าต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน

นอกจากนี้ แบล็กเบอร์รียังปรับเปลี่ยนตัวประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยนายจอห์น เฉิน อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซอฟต์แวร์ ไซเบส (Sybase) จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการณ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบล็กเบอร์รี แทนที่นายธอร์สเทน ไฮน์ส ที่อยู่ในตำแหน่งมาเป็นเวลาร่วม 2 ปี

นายเฉินกล่าวว่า แบล็กเบอร์รียังไม่มีแผนทิ้งธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และเชื่อว่าบริษัทจะใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อย 6 ไตรมาส ทั้งนี้นายเฉินส่งสัญญาณว่าแบล็กเบอร์รีมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจบริการสำหรับภาคธุรกิจ

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=205563:qq--&catid=177:2009-06-25-09-27-16&Itemid=525

_______________________________________


แบล็คเบอร์รี่เลิกแผนขายกิจการ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

แบล็คเบอร์รี่ประกาศยกเลิกแผนขายกิจการ ด้านหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารเตรียมอำลาตำแหน่ง ส่งผลให้หุ้นร่วงลง 16%



แบล็คเบอร์รี่ แถลงล้มเลิกแผนการขายกิจการ โดยเลือกที่จะออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม อันมีแฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบัน ภายหลังการทบทวนกลยุทธ์องค์กรเป็นเวลา 2 เดือนและพูดคุยเจรจากับกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งมีทั้งเฟซบุ๊ค เลอโนโว และธุรกิจบริหารกองทุนส่วนบุคคล เซอเบอรัส แคปปิตัล แมแนจเม้นท์

แฟร์แฟ็กซ์เป็นผู้เสนอตัวเข้าซื้อกิจการบีบีอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียว ด้วยมูลค่า 4,700 ล้านดอลลาร์ แต่มีรายงานว่าผู้บริหารแฟร์แฟ็กซ์ "นายเปรม วัตซา" ประสบปัญหากับการระดมเงินจำนวนดังกล่าว

แผนเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพของแบล็คเบอร์รีครั้งนี้มีกำหนดเวลา 7 ปี ที่สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพในราคาหุ้นละ 10 ดอลลาร์ และจะทำให้จำนวนหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 20% โดยสิทธิบางประการของหุ้นกู้จำนวนนี้มีเหนือหุ้นสามัญทั่วไป ส่งผลให้แฟร์แฟ็กซ์กลายเป็นผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิมีเสียงในกิจการผลิตสมาร์ทโฟนที่เคยรุ่งเรืองแห่งนี้

หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ ธอร์สเท่น ไฮน์ส ประกาศก้าวลงจา"แบล็คเบอร์รี่" ปลดป้ายขายกิจการ เดินหน้าเพิ่มทุนพยุงธุรกิจ

“แบล็กเบอร์รี” ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติแคนาดา ประกาศปลดป้ายขายกิจการ ระบุจะยังคงเป็นบริษัทมหาชนต่อไป พร้อมแต่งตั้งผู้บริหารสูงสุดคนใหม่และเพิ่มทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ผู้บริหารของแบล็กเบอร์รีกล่าวว่า การเพิ่มทุนเป็นหนทางในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบล็กเบอร์รีในเวลาที่บริษัทกำลังเริ่มดำเนินยุทธศาสตร์ใหม่ “สิ่งหนึ่งที่เป็นผลเสียต่อบริษัทคือมีการขึ้นป้ายขายกิจการ เวลานี้ป้ายถูกปลดลงแล้ว เรามีเงินทุนพร้อมสำหรับระยะยาว” นายเพรม วัตซา ประธานบริษัท แฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิงส์ จำกัด ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแบล็กเบอร์รีกล่าว

อย่างไรก็ดี การประกาศยกเลิกแผนขายธุรกิจไม่ได้เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้บริโภค หุ้นของแบล็กเบอร์รีในวันจันทร์ (4 พฤศจิกายน 2556) ลดต่ำลง 16.4% มาอยู่ที่ 6.49 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ซึ่งเป็นมูลค่าต่ำที่สุดในรอบ 12 เดือน

นอกจากนี้ แบล็กเบอร์รียังปรับเปลี่ยนตัวประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยนายจอห์น เฉิน อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทซอฟต์แวร์ ไซเบส (Sybase) จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการณ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบล็กเบอร์รี แทนที่นายธอร์สเทน ไฮน์ส ที่อยู่ในตำแหน่งมาเป็นเวลาร่วม 2 ปี

นายเฉินกล่าวว่า แบล็กเบอร์รียังไม่มีแผนทิ้งธุรกิจโทรศัพท์มือถือ และเชื่อว่าบริษัทจะใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อย 6 ไตรมาส ทั้งนี้นายเฉินส่งสัญญาณว่าแบล็กเบอร์รีมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจบริการสำหรับภาคธุรกิจ

http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=205563:qq--&catid=177:2009-06-25-09-27-16&Itemid=525

_______________________________________


แบล็คเบอร์รี่เลิกแผนขายกิจการ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

แบล็คเบอร์รี่ประกาศยกเลิกแผนขายกิจการ ด้านหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารเตรียมอำลาตำแหน่ง ส่งผลให้หุ้นร่วงลง 16%



แบล็คเบอร์รี่ แถลงล้มเลิกแผนการขายกิจการ โดยเลือกที่จะออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม อันมีแฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้งส์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบัน ภายหลังการทบทวนกลยุทธ์องค์กรเป็นเวลา 2 เดือนและพูดคุยเจรจากับกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งมีทั้งเฟซบุ๊ค เลอโนโว และธุรกิจบริหารกองทุนส่วนบุคคล เซอเบอรัส แคปปิตัล แมแนจเม้นท์

แฟร์แฟ็กซ์เป็นผู้เสนอตัวเข้าซื้อกิจการบีบีอย่างเป็นทางการเพียงรายเดียว ด้วยมูลค่า 4,700 ล้านดอลลาร์ แต่มีรายงานว่าผู้บริหารแฟร์แฟ็กซ์ "นายเปรม วัตซา" ประสบปัญหากับการระดมเงินจำนวนดังกล่าว

แผนเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพของแบล็คเบอร์รีครั้งนี้มีกำหนดเวลา 7 ปี ที่สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพในราคาหุ้นละ 10 ดอลลาร์ และจะทำให้จำนวนหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 20% โดยสิทธิบางประการของหุ้นกู้จำนวนนี้มีเหนือหุ้นสามัญทั่วไป ส่งผลให้แฟร์แฟ็กซ์กลายเป็นผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิมีเสียงในกิจการผลิตสมาร์ทโฟนที่เคยรุ่งเรืองแห่งนี้

หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ ธอร์สเท่น ไฮน์ส ประกาศก้าวลงจากตำแหน่งภายใน 2 สัปดาห์ภายหลังการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ โดยแบล็คเบอร์รีประกาศตั้งนายจอห์น เฉิน รักษาการแทน โดยนายเฉินมีประวัติการพลิกฟื้นกิจการผลิตซอฟต์แวร์องค์กร "ไซเบส" ได้เป็นผลสำเร็จในช่วงปลายทศวรรษปี 2533

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นแบล็คเบอร์รีดิ่งลงถึง 16% ปิดตลาดที่หุ้นละ 6.50 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดตามราคาหุ้นของกิจการลดเหลือ 3,380 ล้านดอลลาร์ จากจุดสูงสุดที่เคยมีมูลค่าถึง 80,000 ล้านดอลลาร์


กตำแหน่งภายใน 2 สัปดาห์ภายหลังการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ โดยแบล็คเบอร์รีประกาศตั้งนายจอห์น เฉิน รักษาการแทน โดยนายเฉินมีประวัติการพลิกฟื้นกิจการผลิตซอฟต์แวร์องค์กร "ไซเบส" ได้เป็นผลสำเร็จในช่วงปลายทศวรรษปี 2533

ข่าวดังกล่าวส่งผลให้หุ้นแบล็คเบอร์รีดิ่งลงถึง 16% ปิดตลาดที่หุ้นละ 6.50 ดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดตามราคาหุ้นของกิจการลดเหลือ 3,380 ล้านดอลลาร์ จากจุดสูงสุดที่เคยมีมูลค่าถึง 80,000 ล้านดอลลาร์


http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20131105/540911/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%
87%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%
B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%82%
E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html



____________________________________


ประธานใหม่ยืนยัน BlackBerry ต้องเน้นบริการ-ซอฟต์แวร์ ไม่ใช่ขายเครื่อง




แฟ้มภาพงานเปิดตัว BlackBerry Z10 ของทอร์สเทน ไฮนส์ (Thorsten Heins) อดีตซีอีโอบริษัท Research in Motion ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น BlackBerry ในภายหลัง ล่าสุดไฮนส์โบกมือลาตำแหน่งซีอีโอบริษัทแล้ว ขณะที่จอห์น เฉิน (John Chen) ถูกแต่งตั้งเป็นประธานบริษัทกรรมการบริหารคนใหม่ และรักษาการณ์ซีอีโอ

       กลายเป็นเป้าที่ถูกพูดถึงในแง่ลบยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับแบล็กเบอร์รี (BlackBerry) อดีตสมาร์ทโฟนยอดนิยมที่ไม่สามารถขายกิจการได้ตามที่หวังไว้ ล่าสุดซีอีโอรักษาการออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะกู้จุดยืนแบล็กเบอร์รีให้ได้ด้วยความแข็งแกร่งด้านงานบริการและซอฟต์แวร์ ไม่ใช่อุปกรณ์ ทำให้โลกจับตามองว่าแบล็กเบอร์รีกำลังจะถอนตัวจากธุรกิจจำหน่ายสมาร์ทโฟนอย่างเป็นทางการ
      



ผมขอเปลื่ยนชื่อจาก So Magawn เป็น Magawn19 (มันมีความหมายว่าเริ่มเล่นพันทิปอายุ19ครับ) มีผลทุกช่องทางนะครับ รวมถึงคลังความรู้โทรคมนาคมและการสือสาร http://magawn19.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่