เปิดโฉมการเมือง
ลีลา ของ ประชาธิปัตย์ ลีลา “พันธมิตร”
เหมือนกับว่าการก่อ “ม็อบ” ขึ้นบริเวณสถานีรถไฟสามเสน ตรงรอยต่อระหว่างถนนเศรษฐศิริกับถนนกำแพงเพชร 5 จะเป็นเรื่องใหม่
ใหม่เมื่อเทียบกับที่ “สนามหลวง” เมื่อเดือนพฤษภาคม
ใหม่เมื่อเทียบกับที่ “สวนลุมพินี” เมื่อเดือนสิงหาคม ใหม่เมื่อเทียบกับที่ “แยกอุรุพงษ์” เมื่อเดือนตุลาคม
มีความแตกต่าง แต่มิได้ถือว่า “ใหม่”
แตกต่างตรงที่ม็อบบริเวณสถานีรถไฟสามเสนเท่าที่ผ่านมา 5 วันมีปริมาณคนเข้าร่วมจำนวนมากกว่าเมื่อเทียบกับสนามหลวง สวนลุมพินี และแยกอุรุพงษ์
เพราะม็อบ 3 จุดแรกเป็น “เรือนร้อย” ขณะที่
ม็อบสามเสนเป็น “เรือนพัน”
กระนั้น ยิ่งติดตามการเคลื่อนไหวบนเวทีปราศรัยที่สามเสน ยิ่งทำให้เกิดนัยประหวัดไปยังการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในกาลอดีต
เพียงแต่หนนี้ไม่มี “สนธิ” ไม่มี “จำลอง”
ลองดูกระบวนการขับเคลื่อนเพื่อสร้างสีสันของพันธมิตรในแนวร่วมของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะมองเห็นอย่างเด่นชัดขึ้นเป็นลำดับ
เราเห็น
นายประมนต์ สุธีวงศ์ อยู่ข้างเวทีที่สามเสน
ท่านผู้นี้เป็นประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ชม
ชอบสวมเสื้อสีขาว แต่ตอนนี้เริ่มชัดแล้วว่าเป็นขาวแบบไหน
เราได้ยินแถลงการณ์ของ “สภาการหนังสือพิมพ์”
ยิ่งเมื่อ
นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ประสานเข้ากับ
นายสุรพล นิติไกรพจน์ ทำแถลงการณ์คัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมพร้อมคณาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยิ่งทำให้
บรรยากาศของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหวนกลับมาอีกครั้ง
เป็นที่ “สามเสน” ไม่ใช่ “ลานพระรูป”
เด่นชัดอย่างยิ่งว่าปริมาณของคนที่เข้าร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งก่อนรัฐประหาร 2549 และก่อนยุบพรรคพลังประชาชนในปี 2551
เป็น “ปริมาณ” อันมาจาก “ประชาธิปัตย์”
ความจริง ประชาชนย่อมรับรู้ได้เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งรัฐบาลแล้วมี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และ นายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรี
เพราะว่า
คนเหล่านี้ล้วนอยู่ในม็อบพันธมิตร “อาหารดี ดนตรีไพเราะ”
มาถึง ณ วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จึงมีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมในการเคลื่อนไหวไม่จำเป็นต้องมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อยู่บนเวที
มี “สุเทพ” มี “อภิสิทธิ์” ก็เพียงพอแล้ว
ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 พรรคประชาธิปัตย์อาจเคลื่อนไหวเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง
แต่พลันที่มีการจัดเวทีปราศรัย ณ สถานีรถไฟสามเสน ก็ไม่กระมิดกระเมี้ยนอีกต่อไปแล้ว เปิดหน้าดับเครื่องชนเหมือนๆ กับบรรดาพันธมิตรในแนวร่วมต่างโผล่หน้าออกมาสลอน
โค่น “ยิ่งลักษณ์” โค่น “ระบอบทักษิณ”
ข่าวสดออนไลน์ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE16UTRPVEEwTlE9PQ==§ionid=
?????????????????????????????????????
ก็แค่ พธม.กลายร่างมาเป็น ปชป.
เป้าหมายยังคงเดิม "โค่น “ยิ่งลักษณ์” โค่น “ระบอบทักษิณ” ...."
ตัวเล่นก็ตัวเดิมๆเพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่ง สลับหน้าที่
เป้าหมายก็เดิมๆอีกน่ะแหละ เพียงแต่เปลี่ยนถ้อยคำ แต่จุดประสงค์หลักก็คือ"โค่นทักษิณ"
ไม่มีอะไรใหม่ให้น่าตื่นเต้น
เดี๋ยวมันก็ "เน่า" ไปเหมือนเดิมๆ.....
ฟันทอม.....
ข่าวสด "เปิดโฉมการเมือง ลีลา ของ ประชาธิปัตย์ ลีลา “พันธมิตร” "...ลีลาเก่าๆ ลีลาเดิมๆด้วยเงื่อนไขใหม่ ก็เท่านั้นเอง...
เหมือนกับว่าการก่อ “ม็อบ” ขึ้นบริเวณสถานีรถไฟสามเสน ตรงรอยต่อระหว่างถนนเศรษฐศิริกับถนนกำแพงเพชร 5 จะเป็นเรื่องใหม่
ใหม่เมื่อเทียบกับที่ “สนามหลวง” เมื่อเดือนพฤษภาคม
ใหม่เมื่อเทียบกับที่ “สวนลุมพินี” เมื่อเดือนสิงหาคม ใหม่เมื่อเทียบกับที่ “แยกอุรุพงษ์” เมื่อเดือนตุลาคม
มีความแตกต่าง แต่มิได้ถือว่า “ใหม่”
แตกต่างตรงที่ม็อบบริเวณสถานีรถไฟสามเสนเท่าที่ผ่านมา 5 วันมีปริมาณคนเข้าร่วมจำนวนมากกว่าเมื่อเทียบกับสนามหลวง สวนลุมพินี และแยกอุรุพงษ์
เพราะม็อบ 3 จุดแรกเป็น “เรือนร้อย” ขณะที่ม็อบสามเสนเป็น “เรือนพัน”
กระนั้น ยิ่งติดตามการเคลื่อนไหวบนเวทีปราศรัยที่สามเสน ยิ่งทำให้เกิดนัยประหวัดไปยังการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในกาลอดีต
เพียงแต่หนนี้ไม่มี “สนธิ” ไม่มี “จำลอง”
ลองดูกระบวนการขับเคลื่อนเพื่อสร้างสีสันของพันธมิตรในแนวร่วมของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะมองเห็นอย่างเด่นชัดขึ้นเป็นลำดับ
เราเห็น นายประมนต์ สุธีวงศ์ อยู่ข้างเวทีที่สามเสน
ท่านผู้นี้เป็นประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ชมชอบสวมเสื้อสีขาว แต่ตอนนี้เริ่มชัดแล้วว่าเป็นขาวแบบไหน
เราได้ยินแถลงการณ์ของ “สภาการหนังสือพิมพ์”
ยิ่งเมื่อ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ประสานเข้ากับ นายสุรพล นิติไกรพจน์ ทำแถลงการณ์คัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมพร้อมคณาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยิ่งทำให้บรรยากาศของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหวนกลับมาอีกครั้ง
เป็นที่ “สามเสน” ไม่ใช่ “ลานพระรูป”
เด่นชัดอย่างยิ่งว่าปริมาณของคนที่เข้าร่วมการชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งก่อนรัฐประหาร 2549 และก่อนยุบพรรคพลังประชาชนในปี 2551 เป็น “ปริมาณ” อันมาจาก “ประชาธิปัตย์”
ความจริง ประชาชนย่อมรับรู้ได้เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งรัฐบาลแล้วมี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และ นายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรี
เพราะว่าคนเหล่านี้ล้วนอยู่ในม็อบพันธมิตร “อาหารดี ดนตรีไพเราะ”
มาถึง ณ วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จึงมีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมในการเคลื่อนไหวไม่จำเป็นต้องมี นายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อยู่บนเวที
มี “สุเทพ” มี “อภิสิทธิ์” ก็เพียงพอแล้ว
ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 พรรคประชาธิปัตย์อาจเคลื่อนไหวเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง
แต่พลันที่มีการจัดเวทีปราศรัย ณ สถานีรถไฟสามเสน ก็ไม่กระมิดกระเมี้ยนอีกต่อไปแล้ว เปิดหน้าดับเครื่องชนเหมือนๆ กับบรรดาพันธมิตรในแนวร่วมต่างโผล่หน้าออกมาสลอน
โค่น “ยิ่งลักษณ์” โค่น “ระบอบทักษิณ”
ข่าวสดออนไลน์ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE16UTRPVEEwTlE9PQ==§ionid=
?????????????????????????????????????
ก็แค่ พธม.กลายร่างมาเป็น ปชป.
เป้าหมายยังคงเดิม "โค่น “ยิ่งลักษณ์” โค่น “ระบอบทักษิณ” ...."
ตัวเล่นก็ตัวเดิมๆเพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่ง สลับหน้าที่
เป้าหมายก็เดิมๆอีกน่ะแหละ เพียงแต่เปลี่ยนถ้อยคำ แต่จุดประสงค์หลักก็คือ"โค่นทักษิณ"
ไม่มีอะไรใหม่ให้น่าตื่นเต้น
เดี๋ยวมันก็ "เน่า" ไปเหมือนเดิมๆ.....
ฟันทอม.....