วารีกุญชร ช้างน้ำตัวจิ๋วเล็กๆ มีอยู่จริงมั้ยครับ

กระทู้สนทนา
วารีกุญชร


วารีกุญชร เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ มีรูปร่างเป็นช้างแต่มีเท้าเพียง 2 เท้าหน้า ลำตัวและหางเป็นปลาทั้งหมด หรือมีเท้าครบทั้ง 4 เท้า แต่มีหางเป็นปลา(วารีกุญชรที่มี 4 เท้า บางแห่งเรียกกุญชรวารี) อาศัยอยู่ในทะเลสีทันดร สามารถว่ายน้ำและดำน้ำได้ดี ประวัติของวารีกุญชรไม่มีที่มาอย่างแน่ชัด จิตรกรรมฝาผนังของวารีกุญชรมักเขียนบนฝาผนังของโบสถ์ตามวัดต่าง ๆ เช่น วัดช่องนนทรี หรือวัดคงคาราม เป็นต้น
การปรากฏเป็นข่าว

เรื่องราวของช้างน้ำ หรือ วารีกุญชร ได้ตกเป็นข่าวครึกโครมตามหน้าหนังสือพิมพ์ของไทยครั้งแรก เมื่อกลางปี พ.ศ. 2539 หลังจากการตกเป็นข่าวของมักกะลีผล หรือ นารีผล ว่ามีผู้ได้ซากของช้างน้ำมาจากชาวกะเหรี่ยงที่ป่าชายแดนไทย-พม่า โดยซากของช้างน้ำนี้ เป็นสิ่งที่มีลักษณะคล้ายช้าง แต่มีขนาดเล็กจิ๋วจนสามารถวางบนฝ่ามือได้ เมื่อนำไปเอ็กซ์เรย์แล้ว พบว่าภายในมีโครงกระดูกต่าง ๆ เหมือนช้างจริงไม่มีผิด ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้มีหลายบุคคลออกมายืนยันว่า ช้างน้ำเป็นสัตว์ที่มีอยู่จริง เช่น พระภิกษุชาวไทยรูปหนึ่งอ้างว่าขณะที่ไปธุดงค์ปักกลดในป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ในคืนก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน ได้เจอกับสัตว์ขนาดเล็กฝูงหนึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ พบว่าเป็นช้างขนาดเล็ก ขนาดไม่เกินกล่องไม้ขีด[2] โดยเป็นสัตว์ในตำนานของชาวกะเหรี่ยง ที่เชื่อว่า ช้างน้ำเป็นสัตว์วิเศษที่สัตว์ใหญ่ยังหวาดกลัว หากผู้ใดได้ครอบครองซากช้างน้ำแล้ว เมื่อเข้าไปในป่าแล้วจะปลอดภัย สัตว์ป่าดุร้ายจะไม่มีมาคุกคาม
จนกระทั่งในต้นปี พ.ศ. 2552 ช้างน้ำก็กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อผู้ใหญ่บ้านที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้เปิดเผยว่ามีทหารกะเหรี่ยงพุทธนำซากช้างน้ำมาขาย โดยเชื่อว่าหากนำมาขายที่ฝั่งไทยแล้ว จะมีราคาสูงถึง 3-5 ล้านบาท ผู้ที่ซื้อส่วนใหญ่ซื้อมาเก็บไว้เป็นสิริมงคล รวมทั้งได้มีพระภิกษุชาวกะเหรี่ยงรูปหนึ่งในฝั่งพม่า ตรงข้าม อำเภอแม่สอด อ้างว่าได้มีชาวบ้านนำช้างน้ำมามอบให้ 1 เชือก ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตได้เพียงไม่กี่วัน โดยชาวบ้านคนดังกล่าวไปพบช้างน้ำที่บริเวณหนองน้ำในหมู่บ้านโกเซนา จังหวัดผะอัง ในรัฐกะเหรี่ยง ขณะไปหาอาหารและปลาในป่าลึกในเมืองและได้พบช้างน้ำที่ริมหนองน้ำจึงเก็บมาบ้านและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาชาวบ้านคนดังกล่าวได้มาพบตนเองขณะออกธุดงค์ในป่าลึกจึงได้นำมามอบให้เพื่อเป็นสิริมงคล เพราะช้างน้ำถือว่าเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่พบแห่งเดียวในโลก คือที่ รัฐกะเหรี่ยง และพระภิกษุรูปนี้ยังได้ยืนยันว่า ช้างน้ำมีจริงเพราะตนเองเคยพบช้างน้ำมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือก่อนปี พ.ศ. 2550 โดยพบเป็นซากขายที่ชายแดนจังหวัดเมียวดี[3]
อย่างไรก็ตามในวันที่ 2 กันยายน ปีเดียวกันนี้ นายวราวุธ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซากดึกดำบรรพ์และพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี ได้กล่าวว่า ถึงกรณีชาวบ้าน ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก พบสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายช้างขนาดเล็กว่า แต่เมื่อพิจารณาดูภาพฟิล์มเอ็กซเรย์ พบว่าโครงร่างโดยรวมมีลักษณะเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกกัดแทะที่เรียกว่า โรเดนท์ เช่น หนู กระรอก หรือบีเวอร์ โดยเฉพาะส่วนหัว บริเวณกรามล่าง ใต้งา จะเห็นชัดเจนเลยว่าฟันมีลักษณะเป็นซี่ มีฟันหน้าที่ยื่นยาวออกไป รวมถึงโครงกระดูกส่วนอื่นนั้นก็มีลักษณะแตกต่างจากของช้างโดยสิ้นเชิง คาดว่าน่าจะเป็นซากสัตว์จำพวกหนูแล้วไปต่อเติมงวงและเสียบงาเข้าไปภายหลัง ส่วน รองศาสตราจารย์สมโภชน์ ศรีโกสามาตร ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า อาจเป็นสัตว์จำพวกหนูผี เนื่องจากตรงที่ฟันมีลักษณะเป็นซี่แหลมยื่นออกมา และที่บริเวณขาและเท้ามีลักษณะยาว เห็นนิ้วเท้าเป็นซี่ 4-5 นิ้ว และมีเล็บ


http://th.wikipedia.org/wiki/วารีกุญชร

เอกเรซ์พบช้างน้ำมีกระดูก ท้านักวิชาการพิสูจน์

อดีตพ่อค้าไม้ เผยมีช้างน้ำชาวกะเหรี่ยงจับได้ตายแล้ว มอบให้ตั้งแต่ปี 2544 เปิดภาพเอ็กซ์เรย์ รพ.พบพระ พบมีกระดูก วอนนักวิชาการช่วยพิสูจน์
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ร.ต.พงษ์ศักดิ์ เทพเทียน ผู้บังคับหมวดฐานปฏิบัติการบ้านวาเล่ย์ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ ตาก ว่า ในการปฏิบัติงานลงพื้นที่ได้พบกับชาวบ้านใน ต.วาเล่ย ชื่อนายชูยศ (ไม่ทราบนามสกุล) อดีตพ่อค้าไม้เคยไปรับซื้อไม้ในฝั่งพม่า ปัจจุบันประกอบาชีพทำสวนมะละกอและไร่ข้าวโพดในเขตต.วาเล่ย์

นายชูยศ ได้แจ้งกับ ร.ต.พงษ์ศักดิ์ว่า มีช้างน้ำไว้ในครอบครอง 1 ตัว ได้มาจากชาวกะเหรี่ยงในฝั่งพม่าที่ไปทอดแหในแม่น้ำกลางป่าลึก แล้วสามารถจับช้างน้ำไว้ได้ จากนั้นช้างน้ำได้ตายลง ชาวกะเหรี่ยงได้นำช้างน้ำตัวดังกล่าวมาให้นายชูยศเมื่อพ.ศ.2544

ร.ต.พงษ์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า  เมื่อตนมาปฏิบัติงานในพื้นที่ได้พบกับนายชูยศ นายชูยศได้นำช้างน้ำมาให้ตนดู โดยใส่กรอบกระจกไว้ ช้างน้ำ มีตัวยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ที่หัวมีงาลักษณะเหมือนงาช้าง มีงวง มีหางยาว ที่เท้ามีลักษณะเหมือนพังผืด

จากความสงสัยมานานที่มีกระแสข่าวพบช้างน้ำจากหลายที่ แต่พิสูจน์แล้วก็เป็นของปลอม นายชูยศจึงได้นำช้างน้ำที่มีอยู่ไปเอ็กซเรย์ ร.พ.พะวอ และอีกหลายแห่ง พบว่ามีโครงกระดูกอยู่ภายใน จึงเก็บไว้ในบ้านกระทั่งปัจจุบัน กระทั่งพบตน จึงให้ไปดู นายชูยศบอกว่า อยากพิสูจน์ว่าเป็นของจริงหรือไม่ อยากให้นักวิชาการหรือผู้ที่สนใจไปพิสูจน์
ทั้งนี้ ร.ต.พงษ์ศักดิ์ ได้ส่งภาพถ่ายช้างน้ำ พร้อมภาพถ่ายฟิล์มเอ็กซเรย์ช้างน้ำจำนวน 6 รูป มาทางอีเมลให้ผู้สื่อข่าวได้พิสูจน์ด้วย เป็นภาพถ่ายช้างน้ำลักษณะนอนตัวเอียง มีงาและองค์ประกอบแขนขาชัดเจน ส่วนภาพในฟิล์มเอ็กซเรย์นั้น ก็เห็นโครงสร้างลักษณะกระดูกอยู่ภายใน
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/local/20090902/73783/เอกเรซ์พบช้างน้ำมีกระดูก-ท้านักวิชาการพิสูจน์.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่