เรามีเรื่องทุกข์ใจอยากจะปรึกษาค่ะ คือเราเช่าอาคารประกอบกิจการร้านอาหารเล็กๆ  โดยเสียค่าเช่าร้านราคาเดือนละ 15,000 บาท และเริ่มเข้าทำกิจการวันที่ 1 ก.ค 56 นัดจ่ายเงินค่ามัดจำวันที่ 3/7/56 (ซึ่งวันจ่ายเงิน เค้าไม่มีสัญญามาให้มีแต่ กระดาษที่เขียนระบุว่า ข้าพเจ้า.........  อายุ.......... ได้รับเงินจากนางสาว............ เป็นจำนวนเงิน 60000 บาทถ้วน แบ่งเป็นค่ามัดจำร้าน 3 เดือน และค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน (เดือน ก.ค. 56) สัญญาจะจัดทำและนำมามอบให้ต่อไป  ลงลายเซ็น และวันที่กำกับ) และก็ไม่ยอมทำสัญญาฉบับจริงมาให้ซักที สอบถามผู้เช่าในละแวกเดียวกันบางคนได้มาเป็นกระดาษแบบเรา บางคนไม่มีเลย สัญญาปากเปล่า ในระหว่างการดำเนินกิจการ ค่าน้ำค่าไฟไม่มาเก็บเลย จะใช้ลักษณะสะสมไว้ซัก 3 เดือนแล้วมาเก็บซักทีอ้างว่าไม่มีเวลา ซึ่งค่าน้ำหรือไฟก็แพงมหาโหด และสงสัยว่าเค้าคิดค่าน้ำหรือไฟอย่างไร เพราะมิเตอร์น้ำ และไฟ อยู่ภายในห้องเช่าซึงมีผู้เช่าอยู่ เค้าไม่สามารถเข้าไปเช็คได้อยู่แล้ว และทุกๆเดือนบิลค่าน้ำ ค่าไฟจากการประปา และการไฟฟ้า มาเหน็บไว้ที่ร้านเราเพราะร้านเราเป็นมิเตอร์ใหญ่ เวลาคิดต้องหักค่าน้ำค่าไฟจากมิเตอร์ของแต่ละห้องก่อน หลังจากหักแล้ว ที่เหลือให้ร้านเรารับภาระนั้น บางเดือนเราเห็นค่าบิลน้ำจากการประปามา 300 กว่าบาท (ซึ่งเป็นค่าน้ำรวมทุกห้อง) บางครั้งเค้าเคยให้เราเอาบิลนั้นไปจ่ายค่าประปาเลย และไปเก็บห้องอื่นๆอีกห้องละ 200 บาทต่อเดือนมีประมาณ 7-8 ห้อง สำหรับร้านที่เป็นร้านทำผมโดนไปเดือนละ 400 บาท เค้าบอกว่าก็เพราะเป็นร้านทำผมไง เราได้ยินผู้เช่าห้องรายอื่นๆมีปัญหาเวลาย้ายออกหลายราย เราจึงกลัวว่าเราจะโดนมากไปกว่านี้เลยรีบแจ้งย้ายออกบ้าง เราแจ้งเค้า วันที่ 17/10/56 และบอกว่าจะออกสิ้นเดือน เนื่องจากเราแบกรับภาระค่าเช่าไม่ไหว กำไรเอาไปจ่ายค่าหมด และประกอบกับเราเห็นผู้เช่ารายอื่นโดนเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม (อย่างเช่น  วันมาตรวจเช็คความเรียบร้อยห้อง เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มา แต่พอผู้เช่ารายนั้นออกไปแล้ว ก็ไลน์มาบอกว่า ห้องไม่เรียบร้อย ได้เอาช่างของตัวเองมาซ่อม และหักค่าซ่อมจากค่ามัดจำ ราคา 2500 บาท อ้างว่าเค้ายารู รอยเจาะผนังไม่เรียบร้อย รูนั้นกว้างไม่ถึง 2 นิ้ว และวันที่เค้าออกเรายังไปดูเลย เค้าทำเรียบร้อยมากนะ แล้วผู้เช่าคนนั้นถามว่าทำไมเรียกมาตรวจเช็คห้องพร้อมกันไม่ยอมมา เรียกทั้งสองรอบ เค้าบอกไม่มาเสียเวลากับเงินน้อยๆแบบนี้หรอก -_-" ) และจากที่แจ้งเค้าไปนั้นเราก็ไม่ค่อยได้ไปเปิดร้าน แต่ก็ไม่ได้หยุดบ่อยมาก เนื่องจากเราหันไปทำกิจการอื่น เค้าโทรมาวันที่ 28/10/56 ถามว่าเราจะเปิดร้านอีกไม๊ เพราะว่าเห็นเราเปิดๆปิดๆเดี๋ยวลูกค้าเค้าหาย เค้าขอกุญแจไปและให้ผู้เช่ารายใหม่ เข้ามาปรับปรุงร้านเย็นวันที่ 28/10/56 นั้นแลย (ก่อนเวลาที่เราแจ้งออก 4 วัน และคาดว่าเค้าก็เก็บค่าเช่าเราเต็ม 15000 แน่นอนโดยหักจากค่ามัดจำก้อนนี้) เราไลน์ไปทวงถามค่ามัดจำคืนวันที่ 31/10/56 ว่าเมื่อไหร่จะเคลียร์ เค้าตอบกลับมาว่า  แล้วจะแจ้ง  เราไลน์ไปครั้งที่ 2 ว่าขอเคลียร์วันที่ 6 / 11/56 ได้ไหม คราวนี้อ่านไลน์แล้วไม่ตอบ เราจะทำอย่างไรดีคะ คนใหม่ก็เข้ามาทำกิจการเรียบร้อยแล้วไม่น่าจะติดอะไร (อยากจะร้องไห้) เรากลัวไม่ได้ค่ะ และเรากลัวเค้าหักโน่นนี่จนหมด เพราะบางคนมัดจำแค่ 18000 ได้ข่าวว่าหักจนเหลือ 4 พันกว่าบาทกลับบ้าน ในร้านเรามีเฟอร์นิเจอร์เค้าอยู่ด้วย ตอนแรกเรานึกว่าเค้าใจดีกับเด็ก เพราะตอนแรกเค้าทำเป็นใจดี และอ้างว่าชอบช่วยเหลือเด็ก -_-" เค้าถามเราว่าเฟอร์จะเอาไว้ก่อนไม๊ เราบอกค่ะ เดี๋ยวหนูได้เฟอร์ใหม่จะค่อยๆทยอยเอาเข้ามาเปลี่ยนนะคะ เพราะหนูเอาตังไปจ่ายค่ามัดจำไปเกือบหมดแล้ว เค้าก็โอเค และแล้วเราก็ตัดสินใจออกมาเสียก่อน เค้าจะหักค่าเสื่อมอะไรได้หรือไม่คะ ส่วนพวกโครงสร้างร้านเราไม่ได้เจาะหรือต่อเติมอะไรทั้งสิ้นค่ะ กลัวมาก และรายที่ผ่านๆมาเค้าหักๆๆเองแล้วให้ลูกน้องเอาเงินมาจ่ายให้ส่วนเค้า ไม่ตอบ ไม่มาพบ ไม่คุยอะไรทั้งนั้น เราควรจะทำอย่างไรดีคะ

ช่วยด้วยค่ะ