มายาคติ อุดมคติของความเป็นเพศและความรัก
ระหว่างที่ข้าพเจ้ารับประทานอาหารเย็นอยู่นั้น สายตาของข้าพเจ้ากวาดมองไปรอบร้านซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งเพศหญิง เพศชาย และเพศทางเลือกเฉกเช่นที่เราเรียกกันว่า ตุ๊ด เกย์ หรือว่าทอม ทำให้ข้าพเจ้าได้เกิดข้อสงสัยขึ้นในใจ และได้ครุ่นคิดจนเกิดเป็นบทความนี้ขึ้นมา
ออกตัวก่อนว่าข้าพเจ้านั้นเป็นเพียงเด็กสาวผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเพียง 21 ปีเพียงเท่านั้น มิได้มีความรู้ด้านปรัชญาหรือประวัติศาสตร์มากมายนัก การเขียนทั้งหมดเกิดขึ้นจากความคิดเห็นและทัศนคติของตัวข้าพเจ้าเองเท่านั้น มิได้มีทฤษฎีใดๆรองรับทั้งสิ้น
ข้าพเจ้าไม่ทราบว่ามายาคติของความเป็นเพศนั้นเริ่มเกิดขึ้นในยุคสมัยใด แต่คาดเดาเอาเองว่าคงเกิดตั้งแต่ครั้งที่มนุษย์ได้ถือกำเนิดลงบนโลกสีครามใบนี้ เหตุเพราะสรีระร่างกายของเพศสภาพชายและหญิงมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จนสุดท้ายเกิดการแบ่งแยกความเป็นเพศขึ้นและกลายเป็นมายาคติที่ครอบงำให้ปัจเจกบุคคลยึดถือเพศตามเพศสภาพเดิมของตนที่มีมาตั้งแต่กำเนิด บทบาท หน้าที่และอาชีพถูกกำหนดขึ้นตามความเป็นเพศสภาพ และหลายต่อหลายครั้งที่กลายเป็นอคติซึ่งก่อให้เกิดการเหยียดเพศตามมา
จารีต ขนบ วัฒนธรรม หลากหลายสิ่งอย่างสร้างกรอบให้กับการเป็นหญิงและการเป็นชาย (ในที่นี้ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวถึงการละเมิดสิทธิสตรีหรือการเหยียดเพศของบุรุษ เนื่องจากจุดประสงค์ของข้าพเจ้านั้นอยู่ที่มายาคติการยึดถือความเป็นเพศเท่านั้น) หากใครหลุดกรอบที่สังคมได้สร้างไว้จะกลายเป็นว่าผิดแผกไปจากเพศเดิมได้ และถูกประณามจากสังคมได้ ตัวอย่างเช่นในยุคสมัยก่อนที่เพศทางเลือกไม่ได้เป็นที่ยอมรับเทียบเท่ากับทุกวันนี้
หากแต่ข้าพเจ้าเล็งเห็นว่าแม้แต่เพศทางเลือกนั้นก็ยังมีมายาคติของความเป็นเพศครอบงำอยู่ แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะหลุดพ้นจากวิถีทางของเพศสภาพเดิมอยู่บ้าง หากชายผู้หนึ่งมีรสนิยมชมชอบชายเช่นเดียวกันนั้นคงถือได้ว่าเขาได้พ้นจากมายาคติอันครอบงำว่าชายนั้นจำเป็นต้องคู่กับหญิงเพียงเท่านั้น
แต่มิใช่ว่าเหล่าเพศทางเลือกก็ถูกครอบงำด้วยมายาคติของการเลือกคู่จากเพศเช่นกันอย่างนั้นหรือ มิเช่นนั้นแล้วเหตุใดจึงกลายเป็นว่าเกย์นั้นจะต้องเป็นชายรักชาย เลสเบี้ยนจะต้องเป็นหญิงรักหญิง แล้วถ้าหากชายคนหนึ่งจะรักเลสเบี้ยน หรือหญิงคนหนึ่งจะรักเกย์ ในกรณีนี้จะกลายเป็นว่าผิดแผกไปจากสังคมเดิมหรือไม่
ลึกลงไปแล้วข้าพเจ้ายังมีความเชื่อว่าความรักนั้นเกิดจากมายาคติทางเป็นเพศอย่างหนึ่ง ปัจเจกบุคคลนั้นเป็นเพียงเรื่องรองลงมาเท่านั้น เพราะมนุษย์นั้นยังคงเลือกคู่จากเพศเป็นอันดับสำคัญ หากความเป็นปัจเจกบุคคลสำคัญแล้ว...เหตุใดเกย์จึงสามารถรักได้เพียงชายและจะสนใจเพียงชายเท่านั้น มิสามารถมอบความรักให้กับหญิงได้ เช่นนั้นแล้วจะสามารถเรียกได้หรือไม่ว่าเกย์นั้นเองก็ยังถูกมายาคติบังคับให้เลือกคู่โดยเพศสภาพเช่นเคย หากสามารถมอบความรักให้ปัจเจกบุคคลโดยไม่สนใจเพศสภาพได้ มนุษย์จะสามารถมอบความรักให้กับใครที่เขารักได้มิใช่หรือ
หญิงคนหนึ่งอาจจะรักเกย์คนหนึ่งได้...ชายคนหนึ่งอาจจะรักทอมคนหนึ่งได้
หรือว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงอุดมคติเฉกเช่นโลกยูโทเปียเพียงเท่านั้น
หาคนถกด้วยค่ะ
มายาคติ อุดมคติของความเป็นเพศและความรัก
ระหว่างที่ข้าพเจ้ารับประทานอาหารเย็นอยู่นั้น สายตาของข้าพเจ้ากวาดมองไปรอบร้านซึ่งเต็มไปด้วยผู้คน ทั้งเพศหญิง เพศชาย และเพศทางเลือกเฉกเช่นที่เราเรียกกันว่า ตุ๊ด เกย์ หรือว่าทอม ทำให้ข้าพเจ้าได้เกิดข้อสงสัยขึ้นในใจ และได้ครุ่นคิดจนเกิดเป็นบทความนี้ขึ้นมา
ออกตัวก่อนว่าข้าพเจ้านั้นเป็นเพียงเด็กสาวผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเพียง 21 ปีเพียงเท่านั้น มิได้มีความรู้ด้านปรัชญาหรือประวัติศาสตร์มากมายนัก การเขียนทั้งหมดเกิดขึ้นจากความคิดเห็นและทัศนคติของตัวข้าพเจ้าเองเท่านั้น มิได้มีทฤษฎีใดๆรองรับทั้งสิ้น
ข้าพเจ้าไม่ทราบว่ามายาคติของความเป็นเพศนั้นเริ่มเกิดขึ้นในยุคสมัยใด แต่คาดเดาเอาเองว่าคงเกิดตั้งแต่ครั้งที่มนุษย์ได้ถือกำเนิดลงบนโลกสีครามใบนี้ เหตุเพราะสรีระร่างกายของเพศสภาพชายและหญิงมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด จนสุดท้ายเกิดการแบ่งแยกความเป็นเพศขึ้นและกลายเป็นมายาคติที่ครอบงำให้ปัจเจกบุคคลยึดถือเพศตามเพศสภาพเดิมของตนที่มีมาตั้งแต่กำเนิด บทบาท หน้าที่และอาชีพถูกกำหนดขึ้นตามความเป็นเพศสภาพ และหลายต่อหลายครั้งที่กลายเป็นอคติซึ่งก่อให้เกิดการเหยียดเพศตามมา
จารีต ขนบ วัฒนธรรม หลากหลายสิ่งอย่างสร้างกรอบให้กับการเป็นหญิงและการเป็นชาย (ในที่นี้ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวถึงการละเมิดสิทธิสตรีหรือการเหยียดเพศของบุรุษ เนื่องจากจุดประสงค์ของข้าพเจ้านั้นอยู่ที่มายาคติการยึดถือความเป็นเพศเท่านั้น) หากใครหลุดกรอบที่สังคมได้สร้างไว้จะกลายเป็นว่าผิดแผกไปจากเพศเดิมได้ และถูกประณามจากสังคมได้ ตัวอย่างเช่นในยุคสมัยก่อนที่เพศทางเลือกไม่ได้เป็นที่ยอมรับเทียบเท่ากับทุกวันนี้
หากแต่ข้าพเจ้าเล็งเห็นว่าแม้แต่เพศทางเลือกนั้นก็ยังมีมายาคติของความเป็นเพศครอบงำอยู่ แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะหลุดพ้นจากวิถีทางของเพศสภาพเดิมอยู่บ้าง หากชายผู้หนึ่งมีรสนิยมชมชอบชายเช่นเดียวกันนั้นคงถือได้ว่าเขาได้พ้นจากมายาคติอันครอบงำว่าชายนั้นจำเป็นต้องคู่กับหญิงเพียงเท่านั้น
แต่มิใช่ว่าเหล่าเพศทางเลือกก็ถูกครอบงำด้วยมายาคติของการเลือกคู่จากเพศเช่นกันอย่างนั้นหรือ มิเช่นนั้นแล้วเหตุใดจึงกลายเป็นว่าเกย์นั้นจะต้องเป็นชายรักชาย เลสเบี้ยนจะต้องเป็นหญิงรักหญิง แล้วถ้าหากชายคนหนึ่งจะรักเลสเบี้ยน หรือหญิงคนหนึ่งจะรักเกย์ ในกรณีนี้จะกลายเป็นว่าผิดแผกไปจากสังคมเดิมหรือไม่
ลึกลงไปแล้วข้าพเจ้ายังมีความเชื่อว่าความรักนั้นเกิดจากมายาคติทางเป็นเพศอย่างหนึ่ง ปัจเจกบุคคลนั้นเป็นเพียงเรื่องรองลงมาเท่านั้น เพราะมนุษย์นั้นยังคงเลือกคู่จากเพศเป็นอันดับสำคัญ หากความเป็นปัจเจกบุคคลสำคัญแล้ว...เหตุใดเกย์จึงสามารถรักได้เพียงชายและจะสนใจเพียงชายเท่านั้น มิสามารถมอบความรักให้กับหญิงได้ เช่นนั้นแล้วจะสามารถเรียกได้หรือไม่ว่าเกย์นั้นเองก็ยังถูกมายาคติบังคับให้เลือกคู่โดยเพศสภาพเช่นเคย หากสามารถมอบความรักให้ปัจเจกบุคคลโดยไม่สนใจเพศสภาพได้ มนุษย์จะสามารถมอบความรักให้กับใครที่เขารักได้มิใช่หรือ
หญิงคนหนึ่งอาจจะรักเกย์คนหนึ่งได้...ชายคนหนึ่งอาจจะรักทอมคนหนึ่งได้
หรือว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงอุดมคติเฉกเช่นโลกยูโทเปียเพียงเท่านั้น
หาคนถกด้วยค่ะ