เมื่อวันก่อน พอดีมีโอกาสต้อนรับนักธุรกิจชาวอังกฤษหนึ่งท่าน ที่มาตามงานที่เขาสั่งไว้..
ตามภาษาคนทำธุรกิจเลยต้องรับขับสู้ให้ดี ที่สุดเพื่อโชว์ความเป็นคนไทยที่มีน้ำใจ....
เรื่องมันเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร มื้อค่ำครับ....
เราก็ทานกันไปตามปรกติมาอีตอนท้าย ของการสนทนาครับ.จำได้ว่า เราคุยกันเรื่องการลงทุนนี่แหละครับ
อยู่ดีๆ คุณฝรั่งก็พูดขึ้นมา ว่า...
"คุณรู้ไหม ทำไมคนต่างชาติหลายๆประเทศทำไมตัดสินใจมาลงทุน ที่เมืองไทย "
เราก็ตอบไป ตามสไตล์คนอยากรู้ว่า ...ไม่รู้ เขาพูดขึ้นมาว่า
"ส่วนมาก แล้วจะประเมินกันว่าแรงงานประเภทงานฝีมือคนไทยมี ศักยภาพสูงสุด
ในแถบเอเซีย สูงกว่าญี่ปุ่นเสียอีก ตอนนี้จะพอมีใช้ได้ก็เวียดนาม แต่ยังห่าง"
แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลหลักนะครับ เพราะสิ่งที่นักธุรกิจคนนี้พูดต่ออกมาคือ.....
"แต่ปัจจัย หลักที่พวกเขา ตัดสินใจมาลงทุนที่เมืองไทยเป็นเพราะ "ในหลวงฯ.."
เริ่มอึ้งไป ชั่วขณะเพราะงง..จึงถามกลับไปว่าทำไมจึงเป็นเพราะในหลวงฯ...มาฟังคำตอบชัดๆเลยครับ..
"ก็เพราะ ประเทศคุณมี king of king...
(แปลไม่ถูก เพราะหัวใจมันพองโตขึ้นมาในทันใด)...
พวกเราเป็น ที่รู้กัน มาตลอดว่าประเทศไทย ไม่ว่าจะมีเรื่องเลวร้ายแค่ไหน
มันจะผ่านไปได้ทุกครั้ง แม้นกระทั้งความรุนแรงหรือความแตกแยก
ทางความคิดใดๆ หากเกิดขึ้น... เพียงในหลวงฯ ของคุณบอกให้จบ
ทุกอย่างจะจบ ด้วยความสงบสันติ"
แล้วผมก็ถาม กลับไปว่าตอนนี้เรายังมีปัญหาอยู่เลย..เขา ตอบกลับทันทีว่า
"เรื่องการจราจลเผาเมืองที่ผ่านมาเขาตามข่าวมาตลอดด้วยความเป็นห่วง
แต่ที่แปลกใจก็คือครั้งนี้ในหลวงไม่ออกมา แต่นั้นทำให้เขารู้ว่า..
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องความ "แตกแยก" แต่เป็นเรื่อง"การเมือง"
ในหลวงฯจึงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว"
จบตอนนี้ ผม..อึ้ง..ทึ่ง..สมองสั่งการให้เห็นแสงสว่างขึ้นมาทันทีว่า..
จริงด้วยเราหลงทางหรือเปล่าที่ คิดว่าเราแตกความสามัคคี
จริงๆแล้วเป็นเรื่องการเมือง ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น....
คิดได้เท่านั้นทุกอย่างก็หยุดลง
เพราะคำว่า"ในหลวง"ที่มี คุณูปการมากมายที่มีต่อคนไทย
จนคนไทยอย่างเราเองคาดไม่ถึง
นึกไม่ถึงว่าคนต่างชาติมาลงทุนบ้านเราเพราะพระบารมีของพระองค์...
ผมกับคุณพ่อเริ่มออกอาการซึมเพราะมันรู้สึกตื้นตัน อย่างบอกไม่ถูกเวลานั้น.....
ทุกอย่างแห่งความซาบซึ้งน่าจะจบลงตรงนั้นแต่แล้ว..
น้ำตามันซึมออกมาเองอีก ครั้ง...
เมื่อตอนคนมาเก็บเงินค่าอาหาร...
ในตอนที่ เอาเงินส่งให้พนักงาน...ฝรั่งคนเดิมพูดขึ้นมาอีก ว่า....
"คน ไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดู
อยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา"
....ผมกับพ่อ หันไปมอง คราวนี้พ่อผมถามเองเลยว่า..คุณรู้ได้อย่างไร เขาตอบกลับทันทีเลยว่า....
"ก็ผมเห็น ธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญ
ที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร เห็นเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว
ดังนั้นเวลาคนไทยไปไหน ในหลวงฯจะอยู่กับคนไทยตลอดเวลา ไม่เคยห่างกัน
ผมยังสงสัยเลยว่า ทำไมรัฐบาลคุณไม่ พิมพ์คำว่า.."เรารักในหลวง" ลงไปในธนบัตร.."
ทั้งผม ทั้งพ่อน้ำตากลั้นไม่ ไหวจริง ๆ ครับ มันซึมออกมาแบบไม่อายเลย น้ำลายมันก็กลืนไม่เข้าเวลานั้น.....
"เท่" มากครับ ที่เกิดเป็นคนไทย หัวใจมันพองโต จนรู้สึกว่าตายกี่ชาติต่อกี่ชาติ ขอให้ได้เกิดเป็นคนไทยทีเถิด....
เรื่อง ทั้งหมดที่เล่าคงอธิบายความรู้สึกที่อยากจะถ่ายทอดทั้งหมดไม่ได้ แต่อยากแบ่งปันครับ....
แบ่งปันให้พวกเราเก็บ เรื่องดี ๆ นี่ไว้ในความทรงจำ เพื่อแบ่งปันกันต่อจากรุ่นสู่รุ่น...
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า คนอื่นมองเห็นเราชัดเจนกว่าตัวเราที่เป็นคนไทย ซะอีก...
คำว่า เป็นเรื่อง"การเมือง" ไม่ใช่ เรื่องความ"แตกแยก"....
อาจเป็นคำ ตอบให้คนไทยกลับมาคิดทบทวนกันอีก ครั้งว่า..เราแตกแยกกันจริงหรือ???..
เพราะเรามีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่ สุด จนคนทั้งโลกยังอิจฉาแต่เราบางคนกลับมองไม่เห็น......
เพิ่งรู้ และสัมผัสกับคำว่า หัวใจพองโต...มันคับฟ้าคับแผ่นดิน..จริงๆนะ ครับ..
ที่สำคัญคือ..การที่รู้สึก แบบนี้ได้เป็นเพราะ..ผมเป็นคนไทย
ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดเป็น "พ่อของ แผ่นดิน"..
พระองค์ฯ ต้องอยู่เป็นมิ่งขวัญให้คนไทยทั้งแผ่นดินตลอด ไป ....
ผมคิดว่าคงเป็นบุญวาสนาของผมที่เกิดบนผื่นแผ่นดินไทย มีความภาคภูมิใจที่เป็นคนไทย
ภายใต้ร่มพระบารมีโพธิสมภารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากเลือกเกิดได้จริงก็ขอให้ผมเกิดเป็นคนไทยภายใต้ร่มพระบารมี
ของพระองค์ท่านตลอดไปครับ...
( ขอขอบคุณ สมาคมคนรักครอบครัวแห่งประเทศไทย ) ( ขอขอบคุณ บทความจาก คนไทยรักในหลวง )
ในหลวงของเราในสายตาของชาวต่างชาติ
เมื่อวันก่อน พอดีมีโอกาสต้อนรับนักธุรกิจชาวอังกฤษหนึ่งท่าน ที่มาตามงานที่เขาสั่งไว้..
ตามภาษาคนทำธุรกิจเลยต้องรับขับสู้ให้ดี ที่สุดเพื่อโชว์ความเป็นคนไทยที่มีน้ำใจ....
เรื่องมันเกิดขึ้นบนโต๊ะอาหาร มื้อค่ำครับ....
เราก็ทานกันไปตามปรกติมาอีตอนท้าย ของการสนทนาครับ.จำได้ว่า เราคุยกันเรื่องการลงทุนนี่แหละครับ
อยู่ดีๆ คุณฝรั่งก็พูดขึ้นมา ว่า...
"คุณรู้ไหม ทำไมคนต่างชาติหลายๆประเทศทำไมตัดสินใจมาลงทุน ที่เมืองไทย "
เราก็ตอบไป ตามสไตล์คนอยากรู้ว่า ...ไม่รู้ เขาพูดขึ้นมาว่า
"ส่วนมาก แล้วจะประเมินกันว่าแรงงานประเภทงานฝีมือคนไทยมี ศักยภาพสูงสุด
ในแถบเอเซีย สูงกว่าญี่ปุ่นเสียอีก ตอนนี้จะพอมีใช้ได้ก็เวียดนาม แต่ยังห่าง"
แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลหลักนะครับ เพราะสิ่งที่นักธุรกิจคนนี้พูดต่ออกมาคือ.....
"แต่ปัจจัย หลักที่พวกเขา ตัดสินใจมาลงทุนที่เมืองไทยเป็นเพราะ "ในหลวงฯ.."
เริ่มอึ้งไป ชั่วขณะเพราะงง..จึงถามกลับไปว่าทำไมจึงเป็นเพราะในหลวงฯ...มาฟังคำตอบชัดๆเลยครับ..
"ก็เพราะ ประเทศคุณมี king of king...
(แปลไม่ถูก เพราะหัวใจมันพองโตขึ้นมาในทันใด)...
พวกเราเป็น ที่รู้กัน มาตลอดว่าประเทศไทย ไม่ว่าจะมีเรื่องเลวร้ายแค่ไหน
มันจะผ่านไปได้ทุกครั้ง แม้นกระทั้งความรุนแรงหรือความแตกแยก
ทางความคิดใดๆ หากเกิดขึ้น... เพียงในหลวงฯ ของคุณบอกให้จบ
ทุกอย่างจะจบ ด้วยความสงบสันติ"
แล้วผมก็ถาม กลับไปว่าตอนนี้เรายังมีปัญหาอยู่เลย..เขา ตอบกลับทันทีว่า
"เรื่องการจราจลเผาเมืองที่ผ่านมาเขาตามข่าวมาตลอดด้วยความเป็นห่วง
แต่ที่แปลกใจก็คือครั้งนี้ในหลวงไม่ออกมา แต่นั้นทำให้เขารู้ว่า..
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องความ "แตกแยก" แต่เป็นเรื่อง"การเมือง"
ในหลวงฯจึงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว"
จบตอนนี้ ผม..อึ้ง..ทึ่ง..สมองสั่งการให้เห็นแสงสว่างขึ้นมาทันทีว่า..
จริงด้วยเราหลงทางหรือเปล่าที่ คิดว่าเราแตกความสามัคคี
จริงๆแล้วเป็นเรื่องการเมือง ของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น....
คิดได้เท่านั้นทุกอย่างก็หยุดลง
เพราะคำว่า"ในหลวง"ที่มี คุณูปการมากมายที่มีต่อคนไทย
จนคนไทยอย่างเราเองคาดไม่ถึง
นึกไม่ถึงว่าคนต่างชาติมาลงทุนบ้านเราเพราะพระบารมีของพระองค์...
ผมกับคุณพ่อเริ่มออกอาการซึมเพราะมันรู้สึกตื้นตัน อย่างบอกไม่ถูกเวลานั้น.....
ทุกอย่างแห่งความซาบซึ้งน่าจะจบลงตรงนั้นแต่แล้ว..
น้ำตามันซึมออกมาเองอีก ครั้ง...
เมื่อตอนคนมาเก็บเงินค่าอาหาร...
ในตอนที่ เอาเงินส่งให้พนักงาน...ฝรั่งคนเดิมพูดขึ้นมาอีก ว่า....
"คน ไทยนี่โชคดีจริงๆนะ จะอยู่ที่ไหน จะทำอะไร มีในหลวงฯคอยติดตามเฝ้าดู
อยู่อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา"
....ผมกับพ่อ หันไปมอง คราวนี้พ่อผมถามเองเลยว่า..คุณรู้ได้อย่างไร เขาตอบกลับทันทีเลยว่า....
"ก็ผมเห็น ธนบัตรไทยมีรูปในหลวงฯของพวกคุณอยู่ ทุกๆใบแม้นกระทั่งในเหรียญ
ที่มีค่าน้อยที่สุดถึงมีค่ามากที่สุดในธนบัตร เห็นเป็นอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว
ดังนั้นเวลาคนไทยไปไหน ในหลวงฯจะอยู่กับคนไทยตลอดเวลา ไม่เคยห่างกัน
ผมยังสงสัยเลยว่า ทำไมรัฐบาลคุณไม่ พิมพ์คำว่า.."เรารักในหลวง" ลงไปในธนบัตร.."
ทั้งผม ทั้งพ่อน้ำตากลั้นไม่ ไหวจริง ๆ ครับ มันซึมออกมาแบบไม่อายเลย น้ำลายมันก็กลืนไม่เข้าเวลานั้น.....
"เท่" มากครับ ที่เกิดเป็นคนไทย หัวใจมันพองโต จนรู้สึกว่าตายกี่ชาติต่อกี่ชาติ ขอให้ได้เกิดเป็นคนไทยทีเถิด....
เรื่อง ทั้งหมดที่เล่าคงอธิบายความรู้สึกที่อยากจะถ่ายทอดทั้งหมดไม่ได้ แต่อยากแบ่งปันครับ....
แบ่งปันให้พวกเราเก็บ เรื่องดี ๆ นี่ไว้ในความทรงจำ เพื่อแบ่งปันกันต่อจากรุ่นสู่รุ่น...
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า คนอื่นมองเห็นเราชัดเจนกว่าตัวเราที่เป็นคนไทย ซะอีก...
คำว่า เป็นเรื่อง"การเมือง" ไม่ใช่ เรื่องความ"แตกแยก"....
อาจเป็นคำ ตอบให้คนไทยกลับมาคิดทบทวนกันอีก ครั้งว่า..เราแตกแยกกันจริงหรือ???..
เพราะเรามีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่ สุด จนคนทั้งโลกยังอิจฉาแต่เราบางคนกลับมองไม่เห็น......
เพิ่งรู้ และสัมผัสกับคำว่า หัวใจพองโต...มันคับฟ้าคับแผ่นดิน..จริงๆนะ ครับ..
ที่สำคัญคือ..การที่รู้สึก แบบนี้ได้เป็นเพราะ..ผมเป็นคนไทย
ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดเป็น "พ่อของ แผ่นดิน"..
พระองค์ฯ ต้องอยู่เป็นมิ่งขวัญให้คนไทยทั้งแผ่นดินตลอด ไป ....
ผมคิดว่าคงเป็นบุญวาสนาของผมที่เกิดบนผื่นแผ่นดินไทย มีความภาคภูมิใจที่เป็นคนไทย
ภายใต้ร่มพระบารมีโพธิสมภารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หากเลือกเกิดได้จริงก็ขอให้ผมเกิดเป็นคนไทยภายใต้ร่มพระบารมี
ของพระองค์ท่านตลอดไปครับ...
( ขอขอบคุณ สมาคมคนรักครอบครัวแห่งประเทศไทย ) ( ขอขอบคุณ บทความจาก คนไทยรักในหลวง )